กลับมาที่บ้านของหลินชิงเหอ ตอนนี้หญิงสาวกำลังตุ๋นเนื้อกระต่ายไปด้วยแล้วก็ถกเรื่องน้องชายของเธอกับโจวชิงไป๋ไปด้วย “เกิดอะไรขึ้นกับน้องชายสามของฉันกันนะ? เขาดูซูบผอมลงกว่าแต่ก่อนหรือเปล่าคะ?”
โจวชิงไป๋เองก็ไม่รู้ เขาจึงเสนอขึ้นมา “คุณอยากกลับไปเยี่ยมไหมล่ะ?”
“ไม่กลับแล้วค่ะ” หลินชิงเหอเอ่ย เธอไม่มีความประทับใจดี ๆ ในตระกูลหลินเลย ปีที่แล้วพวกเขาทำให้เธอมีข้ออ้างดี ๆ ที่จะตัดขาดออกจากตระกูลอย่างไม่ลังเลใด ๆ แม้แต่น้อย
โจวชิงไป๋รู้สึกจนใจ ขณะที่หญิงสาวไม่สนใจตระกูลหลินอีกต่อไป
เนื้อกระต่ายตุ๋นส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายไหล นอกจากนี้หลินชิงเหอยังเติมเครื่องปรุงทั้งหลายเข้าไปอีก ทำให้เนื้อกระต่ายมีกลิ่นหอมชวนรับประทานมากขึ้น
แน่นอนว่าท่านพ่อกับท่านแม่โจวไม่พลาดของอร่อยแบบนี้
“เอาอาหารจานนี้ไปให้คุณพ่อกับคุณแม่นะคะ อย่าลืมบอกพวกท่านด้วยว่าเนื้อกระต่ายนี้น้องชายสามของฉันเป็นคนส่งมาให้ เขาต้องอยู่นอกบ้านทั้งวันกว่าจะจับมาได้เลยล่ะค่ะ” หลินชิงเหอยื่นจานกระต่ายตุ๋นจานเล็ก ๆ ให้โจวชิงไป๋และออกคำสั่ง
เหตุที่เธอบอกแบบนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาคิดว่าเธอยังสนับสนุนตระกูลฝั่งแม่อยู่ เธอไม่ใช่เจ้าของร่างเดิมแล้ว ดังนั้นตระกูลหลินอย่าคิดเลยว่าจะได้อะไรจากเธอ คนเดียวที่เธอนึกถึงมีแค่น้องชายสามเท่านั้น
ต่อให้วันนี้น้องชายสามของเธอจะส่งกระต่ายมา เธอก็ให้ซาลาเปากลับเพียงสามลูกเท่านั้น
ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากจะให้ แต่เป็นเพราะตอนนี้เขาแต่งงานแล้ว นอกจากเป็นน้องชายของเธอแล้วเขาก็เป็นทั้งสามีและพ่อของคนอื่น ๆ
หญิงสาวจึงไม่ได้ให้ของมากนักนอกจากซาลาเปาสามลูก เพื่อไม่ให้ภรรยาของอีกฝ่ายเกิดความละโมบมากเกินไป
เพราะเมื่อรวมความกรุณาที่เธอให้ไปกับของบำรุงร่างกายหลังคลอดเมื่อคราวที่แล้ว สะใภ้สามตระกูลหลินก็น่าจะพอใจกับซาลาเปาสามลูกในครั้งนี้
ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ควรเป็นแบบนี้ ได้มาแล้วก็ต้องให้กลับ อย่ารับไว้ฝ่ายเดียวราวกับว่าไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ไม่ใช่ของของตน
แต่เธอไม่รู้เลยว่าคุณค่าของซาลาเปาสามลูกนี้ไม่ได้ด้อยกว่ากระต่ายหนึ่งตัวเลย
ซาลาเปาใหญ่ขนาดนี้คงคิดเป็นราคาสองหรือสามเหมา หากเข้าไปซื้อในเมืองก็จะต้องใช้คูปองอาหาร ไม่อย่างนั้นก็อย่าหวังว่าจะซื้อได้เลย
แล้วซาลาเปาสามลูกต้องใช้คูปองอาหารเท่าไหร่กัน?
แถมภายในซาลาเปายังมีไส้อัดแน่นเต็มลูก มีทั้งหมูสามชั้น ไข่ และแป้ง ของพวกนี้มีมูลค่ามากนัก ยังไม่นับส่วนประกอบที่เหลืออีก
การให้ซาลาเปาสามลูกในคราวเดียวจึงไม่นับว่าตระหนี่แต่อย่างใด
ได้ยินคำพูดของภรรยาแล้ว โจวชิงไป๋ก็ถึงกับเหงื่อตก แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเขานำอาหารไปส่ง เขาก็บอกว่าน้องชายสามของภรรยาเป็นคนไปจับกระต่ายมาให้
ท่านแม่โจวฟังแล้วก็เข้าใจ
ทันทีที่ลูกชายคนเล็กกลับไปแล้ว นางก็เอ่ยกับท่านพ่อโจว “คราวที่แล้วฉันยังไม่ได้พูดอะไรกับแม่เจ้าใหญ่เลยนะ”
ท่านพ่อโจวแสดงความเห็น “อย่ากังวลเรื่องนั้นมากนักเลย”
ท่านแม่โจวไม่ตอบอะไรและรีบไปอุ่นแป้งจี่ จากนั้นพวกเขาก็ทานเนื้อกระต่ายตุ๋นคู่กับแป้งจี่ ซึ่งทานเท่าไหร่ก็ไม่พอ เพราะว่ามันอร่อยโอชะอย่างยิ่ง
“จากที่ผมเห็นนะ ครอบครัวอาสี่กำลังไปได้สวยเลยล่ะ หลังปีที่วุ่นวายนั้นไปแล้วผมก็ไม่เห็นว่าอาสี่จะอดอยากเลยเพราะเมียเขาบำรุงอย่างดี” ท่านพ่อโจวให้ความเห็น
เขารู้สึกว่าฝีมือการทำอาหารของภรรยาลูกชายคนเล็กเข้าขั้นปรมาจารย์โดยไม่มีที่ติใด ๆ เลย
ในแต่ละครั้งที่ผ่านมา อาหารจานเนื้อที่บ้านนั้นนำมาให้ล้วนเป็นอาหารเลิศรส ลูกชายและหลานชายทั้งสามต่างได้ทานอาหารอร่อย ๆ แบบนี้ตลอด แล้วพวกเขาจะมีความเป็นอยู่ที่ไม่ดีได้อย่างไรล่ะ?
“ฉันไม่ได้บอกว่าหล่อนไม่ดูแลอาสี่กับเด็ก ๆ นี่นา แค่มันใช้เงินเยอะเกินไปหน่อยเท่านั้น” ท่านแม่โจวถอนหายใจ
เรื่องการดูแลสามีและลูก ๆ ไม่มีใครในหมู่บ้านโจวเจี่ยเทียบชั้นกับภรรยาของอาสี่ได้ ยิ่งกว่านั้นสามีชราของนางยังพูดถูกด้วย
ดูเหมือนว่าตั้งแต่ที่อาสี่ลาออกจนถึงตอนนี้ เขาก็ดูสุขภาพดีอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีแววความอ่อนล้าให้เห็นแม้แต่นิดเดียว
เช่นเดียวกับเจ้าใหญ่และน้อง ๆ มีใครบ้างล่ะที่ไม่ว่องไวกระฉับกระเฉง?
“ขณะที่เรายังทำงานได้ก็ให้พวกเขาเก็บเงินไว้เถอะ” ท่านพ่อโจวเอ่ย
ท่านแม่โจวพยักหน้าและไม่พูดอะไร นางรู้สึกพอใจอย่างเห็นได้ชัดจึงตัดสินใจพับเรื่องนี้ไว้และปล่อยให้สะใภ้สี่ทำอะไรได้ตามใจชอบ จากนั้นก็ค่อยแอบให้เงินสินสอดในอนาคตของเจ้าใหญ่กับน้อง ๆ
พวกเขาย่อมไม่ปล่อยให้หลานชายทั้งสามเป็นหนุ่มโสดหรอกถูกไหม?
หลินชิงเหอที่ไม่รู้ความคิดของท่านแม่โจวกำลังทำอาหารแสนอร่อยให้กับโจวชิงไป๋และเด็ก ๆ
อาหารเย็นนี้เป็นซุปกุ้งแห้งกับหมั่นโถวข้าวโพด มีเนื้อกระต่ายแสนอร่อยอยู่ด้วยแล้ว ทั้งครอบครัวก็ทานกันจนอิ่มหนำสำราญ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...