ปีที่แล้วครอบครัวนี้ดูหนังการ์ตูนเรื่อง เห้งเจียอาละวาดแดนสวรรค์ และปีนี้พวกเขาก็ดูหนังการ์ตูนอีกเช่นกันในเรื่อง ลูกอ๊อดน้อยตามหาแม่
หนังทั้งสองเรื่องเป็นหนังดึงดูดผู้ชม แม้แต่หลินชิงเหอเองก็ยังสนใจ อย่าว่าแต่เด็กชายทั้งสามเลย
โจวชิงไป๋ไม่มีสีหน้าท่าทางยินดียินร้ายอะไร หลินชิงเหอเหลือบมองเขาเป็นระยะจนเขารู้สึกตัวและเหลือบมองเธอกลับด้วยสายตาเมินเฉย
หลินชิงเหอรู้ว่าชายคนนี้กำลังงอนเธออยู่
“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร เราค่อยคุยกันที่บ้านนะคะ ตอนนี้ใจเย็น ๆ และดูหนังกันก่อนเถอะค่ะ” หลินชิงเหอจะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากจับมือเขาไว้และเอ่ยกระซิบ
โจวชิงไป๋เหลือบมองภรรยาด้วยสายตาเฉยเมยก่อนจะดูหนังต่อ
หลังดูหนังเสร็จ เจ้าใหญ่ก็มองหลินชิงเหอด้วยดวงตาคู่ใสรื้นหยาดน้ำตา
ส่วนเจ้ารองกับเจ้าสามนั้นไม่ต้องบอกเลย เจ้าสามมีท่าทีอยากให้แม่ของเขากอด ขณะที่เจ้ารองอยากจับมือของแม่
พวกเขาไม่อยากเป็นเหมือนลูกอ๊อดน้อยที่หาแม่ของตนเองไม่เจอ ช่างน่าสงสารนักที่มันตามหาแม่ของมันมานานแต่ก็ไม่พบ
หลินชิงเหอถึงกับเงียบไป เกิดอะไรขึ้นกับเด็ก ๆ สามคนนี้กันนะ?
ในที่สุดโจวชิงไป๋ก็เป็นคนกอดเจ้าสามไว้ ขณะที่หลินชิงเหอจับมือกับเจ้าใหญ่และเจ้ารอง แล้วพวกเขาก็มุ่งหน้าไปทานอาหารที่ภัตตาคารด้วยกัน ซื้อแอปเปิลอีกครั้งแล้วก็กลับบ้าน
“เจ้าใหญ่ลองเขียนบทสรุปความคิดมาสักหน้าหนึ่งสิ” หลังกลับมาถึงบ้านแล้ว หลินชิงเหอก็บอกเจ้าใหญ่
“อะไรคือบทสรุปความคิดเหรอครับ?” เจ้าใหญ่นิ่งไปครู่หนึ่ง
“มันก็คือความรู้สึกและความคิดเห็นที่ลูกมีหลังดูหนังวันนี้น่ะ” หลินชิงเหออธิบาย
เจ้าใหญ่มีความรู้สึกมากมายอยากจะแสดงออก เขาจึงลงมือเขียน ส่วนเจ้ารองก็พูดโพล่งขึ้น “แม่ครับ ผมก็มีบทสรุปความคิดหลังดูเรื่องนี้เหมือนกัน”
“ลูกยังจำศัพท์ได้ไม่เยอะนัก งั้นลองพูดให้แม่ฟังแล้วกัน” หลินชิงเหอพยักหน้า
เจ้ารองได้ฟังก็เล่าความคิดเห็นของเขาให้ฟัง “ตอนที่ลูกอ๊อดน้อยยังเล็กมาก พวกมันก็ไม่รู้หรอกครับว่าแม่ของพวกมันหน้าตาเป็นยังไง ก็เลยเข้าใจผิดว่าปลาทอง ปู เต่า ปลาดุกเป็นแม่ของพวกมัน แต่พวกมันก็ดูแตกต่างจากบรรดาแม่ของพวกมัน พอพวกมันโตขึ้นและมีรูปร่างเหมือนแม่เท่านั้นแหละ พวกมันก็ได้รู้ว่าแม่ของพวกมันเป็นตัวอะไรน่ะครับ”
“สุดยอด” หลินชิงเหอยืนยัน
เจ้ารองได้ยินก็เล่าต่อ “แต่เราแตกต่างจากกบนะครับ พวกมันดูเหมือนกันหมดเลย แต่เราโตมาแตกต่างจากพวกมัน ดังนั้นแม่ทิ้งเราไม่ได้นะครับ ไม่อย่างนั้นแม่จะจำลูกชายอย่างพวกเราตอนที่พวกเราโตแล้วไม่ได้”
หลินชิงเหออึ้งไปและมองกลับ “แม่พูดว่าจะทิ้งลูกตอนไหนน่ะ?”
“แม่ไม่ได้พูดหรอกครับ ผมแค่พูดขึ้นมาเฉย ๆ” เจ้ารองบอก
ฉันเกรงว่าเธอจะไม่ได้แค่พูดเฉย ๆ น่ะสิ ยิ่งรู้สึกเหมือนโดนค้อนทุบเลย
หลินชิงเหอคิดก่อนยิ้มเหยียด “เจ้ารอง ลูกอยากโดนตีนักใช่ไหม?”
“ฮิ ๆ ผมชอบแม่จังครับ” เจ้ารองกอดขาแม่พลางพูดไปด้วย
“ไปอยู่ในห้องเลย” หลินชิงเหอไม่หลงกลและไล่เขาไป
เจ้ารองหัวเราะคิกคักและเดินกลับเข้าไปในห้อง ส่วนหลินชิงเหอเดินมาที่สวนหลังบ้าน ซึ่งตอนนี้โจวชิงไป๋กำลังดูแลหมูในเล้าอยู่
“อะแฮ่ม ชิงไป๋ เดี๋ยวฉันช่วยคุณนะคะ” หลินชิงเหอกระแอมไอและเอ่ยเสนอ
โจวชิงไป๋กวาดสายตาเฉยเมยมองเธอจากนั้นก็ทำงานต่อ หลินชิงเหอเห็นแล้วก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาหวิว “ฉันคิดว่าคุณควรจะหายงอนได้แล้วล่ะค่ะ ถ้าคุณยังทำตัวเฉยชากับฉันแบบนี้ ฉันก็จะไม่ใจเย็นกับคุณแล้วนะคะ”
โจวชิงไป๋ยังคงเมินใส่เธอและทำงานต่อไป
หลินชิงเหอแค่นเสียงและหมุนตัวกลับ พ่อโคดื้อคิดจะหัวแข็งใส่เธองั้นเหรอ ก็คอยดูแล้วกันว่าเขาจะทนได้อีกนานแค่ไหน
โจวชิงไป๋มองแผ่นหลังของหญิงสาวอย่างจนใจ
หลังเข้านอนในคืนนั้น หลินชิงเหอก็เมินใส่เขา แต่มันก็ไม่อาจห้ามไม่ให้โจวชิงไป๋ทำอะไรกับเธอได้ ทั้งคู่โรมรันพันตูกันใต้ผ้านวมอย่างดุดันในหลายกระบวนท่า
“พ่อครับ แม่ครับ ทำอะไรกันอยู่” เจ้าใหญ่เอ่ยอย่างสับสน
หลินชิงเหอตกใจ ในขณะที่โจวชิงไป๋สั่งเด็กชาย “นอนต่อซะลูก”
“งั้นพ่อกับแม่คุยกันดี ๆ นะครับ อย่าทะเลาะกัน” เจ้าใหญ่เอ่ย หลังจากนั้นเขาก็เข้านอน
จากนั้นโจวชิงไป๋ก็ฉวยโอกาสกับภรรยา จนหลินชิงเหออดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้อง เขาหัวเราะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...