ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม นิยาย บท 114

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม – บทที่ 114 ขายอาหาร
บทที่ 114 ขายอาหาร
โดย
EnjoyBook
บทที่ 114 ขายอาหาร

หลังกินขนมกุยช่ายทอดกับโจ๊กข้าวฟ่างแล้ว เจ้าใหญ่ก็เป็นคนทำความสะอาดชามและตะเกียบ ขณะที่เจ้ารองกับเจ้าสามเล่นกันตรงทางเข้าบ้าน

หลินชิงเหอกลับเข้าไปในห้อง ส่วนโจวชิงไป๋เดินทางไปที่บ้านของเลขาธิการหมู่บ้าน

“แม่ ผมล้างชามเสร็จแล้วนะครับ หม้อด้วย” เจ้าใหญ่บอก

“งั้นลูกไปทำการบ้านได้ แม่ทำหงโต้วถังเสร็จตั้งแต่บ่ายแล้ว ตอนนี้ยังไม่ต้องล้างหม้อส่วนนั้นนะ” หลินชิงเหอตอบ เธอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเด็กชายหมายความว่าอะไร

เจ้าใหญ่ได้ยินแล้วก็ไปทำการบ้าน

ถึงตอนนี้หลินชิงเหอก็หยิบทองรูปพรรณกับชิ้นหยกที่โจวชิงไป๋ให้เธอไว้

ไม่ว่าจะเป็นทองรูปพรรณหรือชิ้นหยก มันก็ล้วนเป็นของคุณภาพดี

แต่ในยุคนี้ของพวกนี้มีค่าไม่เท่ากับหมั่นโถวแป้งขาวก้อนหนึ่งหรอก

ไม่เพียงแต่มันจะไร้ค่า ใครก็ตามที่เผยมันสู่สาธารณชนก็จะถูกประณามอีกด้วย

แต่หลินชิงเหอก็มีความคิดอย่างหนึ่งหลังมองของพวกนี้แล้ว

แต่ความคิดนี้เป็นอันต้องพักไว้ก่อนจนกว่าการเก็บเกี่ยวฤดูร้อนจะหมดลง ถึงตอนนั้นมันคงจะมีธัญพืชเหลือพอให้ทำอะไรอย่างอื่น

หญิงสาวเก็บของทั้งหมดไว้ในมิติ เช่นเดียวกับแสตมป์ที่เธอซื้อมาก่อนหน้านี้ในทุกแบบทุกรุ่น

เธอเก็บไว้เพื่อให้มูลค่าในอนาคตของพวกมันเพิ่มขึ้นไม่ใช่เหรอ?

หลินชิงเหอนับสิ่งของที่อยู่ในมิติอีกครั้ง ผลไม้ถูกเอามากินหมดแล้ว ซาลาเปาก็หมดแล้วในไม่กี่วันที่ผ่านมา แป้งกับข้าวยังเหลืออยู่ในนั้นครึ่งหนึ่ง เกือบครึ่งหนึ่งที่เหลือในนั้นก็มีถั่วเหลือง น้ำส้มสายชู น้ำมัน เกลือ น้ำตาลกรวด และน้ำตาลทรายแดง

พวกเขาทานเนื้อหมูกับไข่ในปริมาณมาก มันลดลงเหลือเพียงหนึ่งในสามของปริมาณเดิม ซึ่งถือว่าไม่มากเลย

ดูเหมือนคราวหน้าเธอต้องประหยัดมากกว่านี้แล้ว

แต่ว่าเธอมีเงินมากกว่าแต่ก่อน

ต่อให้พวกเขาซื้อของชิ้นใหญ่อย่างจักรยานไป มันก็ยังเหลือเงินอยู่อีกมาก เงินที่ได้จากการขายเนื้อหมูต่อเดือนของเธอมีมากกว่าเงินเดือนของซูต้าหลินอีก มันลดลงไม่มากหรอก

ราวหนึ่งทุ่ม หลินชิงเหอก็ตักหงโต้งถัง หรือซุปถั่วแดงหวานกับข้าวบาร์เลย์ ให้เด็ก ๆ ทาน

เด็ก ๆ กินได้ไม่มากนัก แต่ละคนจึงได้ทานกันคนละถ้วย หลินชิงเหอเองก็ได้ทานหนึ่งถ้วย ที่เหลือจึงเป็นของโจวชิงไป๋ที่ทานคนเดียวหมดสองถ้วย

ในค่ำนี้เอง เพื่อให้ตัวเองสมความปรารถนาที่จะได้ลูกสาว โจวชิงไป๋ที่ทานกุยช่ายเข้าไปจึงคึกคักอย่างมาก

ตอนนี้อากาศอุ่นขึ้นแล้ว และลูก ๆ สามคนก็หลับอยู่ในห้องข้าง ๆ จึงไม่เป็นปัญหาเลยหากพวกเขาจะส่งเสียงดังบ้าง ซึ่งเรื่องนี้พอจะนึกภาพออกเลยว่าโจวชิงไป๋รู้สึกพอใจขนาดไหน

และแน่นอนว่าหลินชิงเหอก็สนุกไปกับมันด้วย

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเข้าสู่เดือนมิถุนายน

อากาศในเดือนมิถุนายนเริ่มร้อนขึ้น แต่ละวันให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในเตาอบ ยิ่งกว่านั้นสิ้นเดือนนี้ยังเป็นช่วงเก็บเกี่ยวประจำฤดูร้อนอีกด้วย

หลายวันมานี้ช่างร้อนอบอ้าว แถมยังมีฝนตกฉับพลัน มีฟ้าแลบฟ้าร้องดังสะเทือน และมีฝนเทลงมาค่อนข้างหนักด้วย

“ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เลขาธิการสาขาของหมู่บ้านกับหัวหน้าฝ่ายผลิตต้องร้องไห้แน่ครับ” เจ้าใหญ่มองฝนที่ตกหนักด้านนอกแล้วก็เอ่ยด้วยถ้อยคำฟังดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาพลางถอนหายใจ แม้ตอนนี้ตัวเขาจะยังเด็กอยู่ก็ตาม

หลินชิงเหอกวาดสายตามองเขา “ไม่มีอะไรหรอก อากาศเดือนมิถุนายนก็แปรปรวนแบบนี้แหละ วันพรุ่งนี้ท้องฟ้าคงแจ่มใสแล้ว”

แต่เห็นชัดว่าครั้งนี้มันไม่ได้แจ่มใสอย่างที่เธอบอก หลังฝนเทลงมาอย่างต่อเนื่องเจ็ดวัน มันก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ไม่ต้องพูดถึงหัวหน้าฝ่ายผลิตกับเลขาธิการสาขาของหมู่บ้านเลยว่าทั้งฝ่ายผลิตต่างอยู่ในอาการตื่นตระหนกขนาดไหน

แต่มันก็ยังไม่หนีจากคำพูดนั้นที่ว่าอากาศเดือนมิถุนายนช่างแปรปรวน

หลังฝนตกหนักในคืนนั้น เช้าวันต่อมาท้องฟ้าก็แจ่มใส

ฟ้าหลังฝนช่างสว่างเป็นพิเศษและแสงแดดหลังฝนตกก็ร้อนอย่างยิ่งด้วย

แต่ฝ่ายผลิตทั้งหมดไม่สนใจว่ามันจะร้อนหรือไม่ พวกเขาต่างรู้สึกโล่งใจ

จากนั้นพวกเขาก็เตรียมตัวพร้อมสำหรับการเก็บเกี่ยวช่วงฤดูร้อนอย่างรวดเร็ว

หลินชิงเหอไม่สนใจกับการเก็บเกี่ยวฤดูร้อน เธอเผาใบอ้ายเย่(1)ทันทีที่ฝนหยุดตกจนควันคลุ้งไปทั่วบ้าน เป้าหมายหลักคือในเล้าหมูกับเล้าไก่ ไม่เพียงแต่เธอจะเผาใบอ้ายเย่แล้ว เธอยังโรยปูนขาวเพื่อฆ่าเชื้อโรคอีกด้วย สุขอนามัยของบ้านต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง

ไม่กี่วันต่อมาหลังจากท้องฟ้าแจ่มใส่ ทั้งหมู่บ้านก็มีแต่เสียงแตรบ่งบอกถึงการเก็บเกี่ยวประจำฤดูร้อน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม