แต่เงิน 70 หยวนก็ถือว่าดีแล้ว เงินจำนวนนี้ไม่ถือว่าน้อยเลย
แถมนอกจากอาหารแล้วก็ยังมีเนื้อหมู ทำให้ในครั้งนี้เธอคงมีรายได้อย่างน้อย 100 หยวน!
เมื่อเข้าไปในอำเภอเพื่อปล่อยขายของ เธอก็พาเจ้ารองกับเจ้าสามไปด้วย หลังกลับมาจากการขายของแล้ว ทั้งคู่ก็นั่งอยู่ข้าง ๆ จักรยานของเธอ
ดวงตาของเด็กทั้งสองกวาดมองไปรอบ ๆ ในตอนแรกพวกเขาดูไม่ค่อยเชื่อฟังกันนัก แต่ถีงอย่างนั้นก็ยังมีความประพฤติดี ไม่เดินร่อนไปทั่วและยังคงนั่งรอแม่ของพวกเขาอยู่ตรงนั้น
ทันทีที่เห็นหลินชิงเหอ พวกเขาก็ตาโต
“แม่” เจ้าสามก้าวเข้าไปกอดต้นขาแม่ไว้
“ลูก ๆ เชื่อฟังแม่ตอนรอแม่กลับมากันหรือเปล่า?” หลินชิงเหอถาม
“ครับ เรานั่งรออยู่ตรงนี้ตลอดเลย!” เจ้ารองบอก
เจ้าสามพยักหน้าก่อนจะเอ่ยขึ้น “แม่ ซื้อถังหูลู่(1)ให้ผมกินหน่อยครับ!”
“ลูกเพิ่งกินไอติมแท่งไปไม่ใช่เหรอ?” หลินชิงเหอบอก
ไอติมแท่งมีราคาเพียง 8 เหมา เธอซื้อมา 2 อันและให้พวกเขาคนละอัน
“ผมยังอยากกินอยู่นี่ครับ” เจ้าสามเริ่มงอแง
“งั้นแม่จะซื้อให้อันหนึ่ง แต่เราจะซื้อกลับบ้านไปแล้วแบ่งกันกินกับแม่ พ่อ แล้วก็พี่ใหญ่ของลูกนะ” หลินชิงเหอบอก
“ได้ครับ!” เจ้ารองพยักหน้าอย่างดีใจ
เจ้าสามลังเลครู่หนึ่ง แต่เมื่อรู้ว่าควรรู้จักแบ่งปันให้พ่อกับพี่ชายด้วย เขาก็พยักหน้ารับ
หลินชิงเหอพาพวกเขาเดินเที่ยวครู่หนึ่ง น้ำตาลที่บ้านใกล้จะหมดแล้ว เธอเลยซื้อมาเพิ่มอีก 1 ชั่ง ส่วนของอื่น ๆ นั้นไม่จำเป็นต้องซื้อ และแน่นอนว่าเธอยังซื้อนมผงมา 1 กระป๋องด้วย เด็ก ๆ คงชงมันดื่มได้
ส่วนของที่เหลือนั้นไม่จำเป็น ดังนั้นหญิงสาวจึงซื้อถังหูลู่มาหนึ่งไม้ห่อในกระดาษไข จากนั้นพวกเขาก็กลับบ้าน
เมื่อพวกเขากลับมาถึงบ้าน บรรดาสองพี่น้องก็มาป้วนเปี้ยนรอกินถังหูลู่ หลินชิงเหอจึงแบ่งให้คนละลูก จนเหลืออีก 3 ชิ้น
เมื่อโจวชิงไป๋กลับมาจากที่ทำงานในตอนกลางวันพร้อมกับเจ้าใหญ่ที่เพิ่งเก็บผักขมเสร็จหลังเลิกเรียน หลินชิงเหอจึงแบ่งถังหูลู่ให้คนละลูกและทานพร้อมกับพวกเขา
มันทำให้เจ้ารองกับเจ้าสามน้ำลายสอ
“แม่ครับ” เจ้าสามทำเป็นร้องไห้
“ลูกร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก แต่ละคนได้กินกันคนละลูก ตอนนี้มันก็หมดแล้ว” หลินชิงเหอบอก
เจ้าสามจึงหยุดร้องไห้ในทันที
“ครั้งหน้าลูกจะรอให้พ่อกับพี่ใหญ่กลับมาและไม่เก็บไว้กินเองคนเดียวหรือเปล่า?” หลินชิงเหอถาม
เจ้ารองกับเจ้าสามตอบในทันทีว่าคราวหน้าจะรอกินพร้อมกันและไม่กินเองคนเดียวอีกแล้ว ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะไม่ได้กินอีกจนอยากจะร้องไห้!
หลินชิงเหอแสดงท่าทีพอใจ จากนั้นก็พาพวกเขาเตรียมตัวทานอาหารเย็น
โจวชิงไป๋ไม่เคยขัดเธอเลยในตอนที่เธอสั่งสอนเด็ก ๆ ชายหัวโบราณคนนี้ยึดถือความเชื่อที่ว่าผู้ชายจัดการเรื่องนอกบ้าน ผู้หญิงจัดการเรื่องในบ้าน ทุกอย่างในบ้านล้วนเป็นไปตามคำพูดของเธอ
หลินชิงเหอรู้สึกพอใจกับการจัดสรรอันชัดเจนนี้
มันถือว่าเป็นการให้เกียรติเธออย่างหนึ่งจากเขา
“คุณไปซื้อลูกเจี๊ยบสองตัวนี้มาจากใครคะ?” หลินชิงเหอถามโจวชิงไป๋
“เลขาธิการสาขาของหมู่บ้านน่ะ” โจวชิงไป๋ตอบพร้อมดวงตาฉายแววอ่อนโยน
ครอบครัวของพวกเขาเลี้ยงไก่ไว้เก็บไข่ 3 ตัว ตอนนี้มีลูกเจี๊ยบเพิ่มมาอีก 2 ตัว สองตัวที่แล้วถูกนำมาเลี้ยงหลังฤดูใบไม้ผลิและถูกเชือดเพื่อตุ๋นเป็นอาหารให้พ่อและลูกชายทั้งสามกินในฤดูร้อนนี้
ตอนนี้พวกเขานำลูกเจี๊ยบกลับมาเลี้ยงตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม มากกว่า 3 เดือนก็เพียงพอแล้วที่พวกมันจะโตทัน
ถึงตอนนั้นก็เชือดพวกมันเพื่อมาเป็นอาหารบำรุงสามีและลูกชายได้แล้ว
มันไม่มีทางเลือกอื่นเลย ในยุคนี้ทรัพยากรขาดแคลนอย่างหนักและต้องทำงานไม่รู้จบในแต่ละวัน มีเพียงไก่และปลาเท่านั้นที่ใช้บำรุงร่างกายได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...