ภายใต้ดวงดาวฤดูร้อน ทั้งครอบครัวต่างมีความสุขไม่น้อยในคราวนี้ ต่อให้มันจะเป็นวันที่ย่ำแย่ก็ตาม
ไม่ว่าจะเป็นโจวชิงไป๋หรือเด็กชายทั้งสาม
ต่อให้เด็กชายสามพี่น้องนี้จะโตขึ้น และหลอกล่อได้ยากขึ้นก็ตาม
แต่ในภาพรวมแล้ว หลินชิงเหอก็ยังพอใจกับชีวิตในตอนนี้อยู่ดี
พอเห็นว่าได้เวลาแล้ว หญิงสาวก็ลุกขึ้นและตักถั่วเขียวต้มน้ำตาลให้กินทั้งครอบครัว
ถั่วเขียวต้มน้ำตาลข้นหนืดหวานปะแล่มนี้เป็นของชอบของเด็กทั้งสาม หลินชิงเหอต้มให้พวกเขากินหนึ่งหม้อทุกวันในช่วงฤดูร้อนอบอ้าวเช่นนี้
ถั่วเขียวต้มหม้อหนึ่งไม่ได้มีมาก แต่ละคนได้ทานกันเพียงคนละหนึ่งถ้วยเท่านั้น แต่ก็ยังพอใจที่ได้ดื่ม
เมื่อถึงเวลาเข้านอน หลินชิงเหอก็กางมุ้งให้กับเด็ก ๆ
การนอนในมุ้งเป็นเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย แต่มันก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอนในมุ้งแบบนี้ยังดีกว่าถูกยุงหาม
หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ก็นอนในมุ้งเหมือนกัน ช่วงฤดูหนาวหญิงสาวชอบนอนใกล้เขาเป็นพิเศษเพราะตัวของเขาอุ่นดีเหมือนเตาผิงในยามอากาศหนาว แต่ในฤดูร้อนแบบนี้เธอทนไม่ได้ คิดอยากจะนอนห่าง ๆ กับเขาสักหน่อย
แต่โจวชิงไป๋ก็ไม่พอใจที่ต้องนอนห่างกันคนละฝั่ง
หลินชิงเหอพบว่าชายคนนี้แข็งกร้าวแต่ภายนอก เขาเงียบมากและสามารถทำอะไรได้ทุกอย่าง แต่ลึก ๆ แล้วกลับยึดเธอไม่ยอมปล่อย
อย่างเช่นในตอนนอน เธอไม่คุ้นกับการนอนหนุนแขนของเขา แต่เขากลับชอบมาก
แต่ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะทำใจให้ชอบ หลินชิงเหอนอนแบบนี้แล้วไม่สบายตัวจริง ๆ หากต่างคนต่างนอนได้จะดีกว่า
“ร้อน” หลินชิงเหอเอ่ยเมื่อรู้สึกว่าเขาขยับเข้ามาใกล้ขึ้น
โจวชิงไป๋จึงพัดให้เธอ แต่ยังคงนอนกอดเธอไม่ยอมปล่อย
“ภรรยาครับ เมื่อสถานการณ์ข้างนอกสงบเมื่อไหร่ ผมจะพาคุณไปเที่ยวนะ” โจวชิงไป๋บอก
หลินชิงเหอพึมพำกลับด้วยอาการง่วงงุนเล็กน้อย “นั่นยังอีกนานเลยนะคะ”
ตอนนี้เป็นปี ค.ศ. 1971 เธอต้องรอจนถึงปีค.ศ. 1977 กว่าจะมีการฟื้นฟูการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งหมายความว่ายังเหลืออีก 7 ปี ตั้ง 7 ปีเชียวนะ เธอต้องรออีกกี่ชั่วรุ่นกัน
โจวชิงไป๋ไม่ได้ตอบอะไรและยังคงพัดให้เธอ
ขณะที่หลินชิงเหอบังเกิดพลังใจขึ้นมาและเอ่ยขึ้น “ชิงไป๋ คุณไปขอจดหมายแนะนำหรืออะไรทำนองนั้นไว้ใช้เข้าเมืองหลวงได้ไหมคะ?”
“คุณอยากเข้าเมืองหลวงเหรอ?” โจวชิงไป๋เลิกคิ้ว
“ฉันแค่อยากลองไปดูน่ะค่ะ” ดวงตาของหลินชิงเหอกลอกไปมา
ในเมืองหลวงตอนนี้ใครจะรู้ว่ามีของดีมากมายขนาดไหนถือเป็นขยะไร้ค่า เธออยากไปที่นั่นเพื่อดูว่าจะเก็บของอะไรที่ตกหล่นเพื่อจะนำมาเก็งกำไรในอนาคตได้ไหม?
“ปีนี้ผมจะไปดูให้นะ” โจวชิงไป๋บอก
ได้ยินดังนี้ หลินชิงเหอก็ดีใจจนเนื้อเต้นและกอดโจวชิงไป๋ไว้พลางอุทานออกมา “ชิงไป๋ คุณนี่สุดยอดเลยค่ะ”
การที่เขาบอกว่าจะไปดูให้นั่นหมายความว่าเขาตกลง เธอรู้จักสามีของเธอดี
โจวชิงไป๋หัวเราะ “คุณจะตอบแทนผมยังไงล่ะ?”
“ระหว่างคู่สามีภรรยาแล้วจะตอบแทนด้วยอะไรได้ล่ะคะ?” หลินชิงเหอบอก
โจวชิงไป๋จ้องมองเธอ หลินชิงเหอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเขาหมายความว่าอะไร เธอจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างขัดเขิน “คุณไม่เหนื่อยเหรอคะ?”
“ไม่เหนื่อย” โจวชิงไป๋ตอบชัดเจน
ในเมื่อเขาไม่เหนื่อย งั้นก็ทำกันเลยแล้วกัน
ท่าทางในคืนนี้ต่างจากครั้งที่ผ่าน ๆ มา เหมือนกับประตูสู่โลกใหม่ที่เปิดโลกของโจวชิงไป๋
หลังจากนั้นหลินชิงเหอก็ประเมินตัวเองแล้วว่า ถ้าไม่ทำก็ไม่ตาย
ทำไมเธอถึงไม่ทำอะไรอย่างอื่นนะ? ทำไมเธอถึงต้องลองท่าทางใหม่นี้กับเรื่องพรรค์นี้ด้วย? ตอนนี้เธอทำมันลงไปแล้ว ทันทีที่เขาเชี่ยวชาญเรื่องนี้ มันก็เป็นเรื่องง่ายที่เขาจะตามทัน ซึ่งบางครั้งมันก็ทำให้เข่าทั้งสองข้างของเธอถึงกับถลอก!
หากถามว่าทำอะไรกัน เธออธิบายไม่ได้หรอก
วันนั้นเองหลินชิงเหอก็ได้พาสามพี่น้องเข้าไปในอำเภอ
เจ้าสามนั่งตรงเก้าอี้เด็กที่ทำเป็นพิเศษด้านหน้าจักรยาน ส่วนเจ้าใหญ่กับเจ้ารองนั่งซ้อนท้าย ถึงจะเป็นอย่างนั้นมันก็ยังตัดกำลังของหลินชิงเหอขณะปั่นจักรยานพาสามพี่น้องเข้าไปในอำเภอ
ตลอดทางมีพื้นที่ลาดชันสูงอยู่มาก เธอต้องให้เจ้าใหญ่กับเจ้ารองลุกออกจากจักรยานเวลาปั่นขึ้นเนินจากนั้นก็ค่อยนั่งซ้อนท้ายต่อ
เมื่อพวกเขามาถึงตัวอำเภอ หญิงสาวก็ซื้อไอศกรีมให้พวกเขาคนละแท่ง แล้วก็ให้พวกเขานั่งรอตามกฏเดิม
“แล้วขอบคุณคุณอาแล้วหรือยัง?” หลินชิงเหอพูด
“ขอบคุณแล้วครับ!” เจ้าใหญ่ผู้เป็นหัวหน้าน้อง ๆ เอ่ยในทันที
จากนั้นหลินชิงเหอจึงคุยกับซูต้าหลินสักเล็กน้อย แล้วก็ทราบว่าตอนนี้โจวเสี่ยวเม่ยกำลังท้องแก่ ลองนับเดือนดู เท่ากับว่าตอนนี้หล่อนท้องได้ 7 เดือนกว่าแล้ว
นับว่าหล่อนท้องได้หลายเดือนแล้วเหมือนกับสะใภ้สาม
หลังพูดคุยกันเล็กน้อย ซูต้าหลินก็กลับไป จากนั้นหลินชิงเหอก็กวาดสายตามองเด็ก ๆ “รู้ตัวไหมว่าทำอะไรผิด?”
“เราไม่คิดว่าคุณอาจะให้ไอติมนี่ครับ เขาตั้งใจซื้อให้ด้วยตัวเองแล้วมันก็จะน่าเสียดายหากเราไม่ได้กิน” เจ้ารองบอก
“ผมสัญญาครับว่าจะไม่มีครั้งหน้าอีก!” เจ้าใหญ่เอ่ยเสียงดังฟังชัด
“ไม่อร่อย” คราวนี้เป็นการประเมินจากเจ้าสาม
หลินชิงเหอกระแอมก่อนจะถามคำถามกับพวกเขา “ถ้าเป็นคนอื่นให้ไอติมอร่อย ๆ แบบนี้ล่ะ? ลูกจะรับไว้ไหม?”
“จะเป็นไปได้ยังไงครับ?” เจ้าใหญ่ตอบทันควัน
“ใช่แล้ว เป็นใครยังไม่รู้จักเลย ผมไม่กินอาหารจากคนอื่นอยู่แล้วล่ะครับ” เจ้ารองเอ่ยเช่นกัน
“ไม่กิน!” เจ้าสามเอ่ย
ได้ฟังดังนี้ หลินชิงเหอก็พักเรื่องนี้ไว้
………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พ่อไป๋คือพ่อบุญทุ่มจริง ๆ ค่ะ ภรรยาอยากได้อะไรตามใจหมด
เอ่อ…แม่คะ แม่บอกว่าจะไม่ชี้แจงรายละเอียดว่าทำอะไรกับพ่อไม่ใช่เหรอคะ ทำไมผู้แปลอ่านแล้วก็ได้แต่ยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่ในใจ…ใช่สิ ฉันมันคนใจบาป 555
โชคดีที่เป็นต้าหลินผ่านมานะคะเนี่ย ถ้าเป็นคนอื่นนี่ไม่อยากจะคิด แต่เด็ก ๆ ก็ฉลาดพอตัว คงไม่รับของจากคนแปลกหน้าหรอกมั้งคะ
แม่จะลงโทษเด็กๆ อย่างไรบ้าง ติดตามตอนหน้าค่ะ
ไหหม่า (海馬)
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...