หญิงสาวเริ่มลงมือถักเสื้อกั๊กของโจวชิงไป๋ก่อน ส่วนเสื้อกั๊กของเด็กชายจอมทะเล้นทั้งสามเธอค่อยหาเวลาว่างมาทำทีหลัง
เจ้าใหญ่เองก็เอาแต่พูดว่าพ่อของเขาเป็นคนสำคัญที่สุดในใจของเธอ หลินชิงเหอเห็นด้วยอย่างตรง ๆ และบอกว่าต่อให้พวกเขาทั้งสามคนมัดรวมกันก็ยังแทนที่พ่อในใจแม่ไม่ได้
เจ้าใหญ่ส่งเสียงออกมาอย่างใจสลาย เจ้ารองเองก็ทำท่าว่าใจสลายเหมือนกัน ขณะที่เจ้าสามกระซิบกับพ่อขอต่อรองตัวแม่คืนและบอกว่าเขาไม่อาจเห็นแก่ตัวเก็บแม่ไว้คนเดียวได้
โจวชิงไป๋รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นจนมุมปากโค้งขึ้นไม่หุบ
หลินชิงเหอไม่รู้เลยว่าตนเองตกหลุมพรางของชายคนนี้ไปแล้ว เธอเดินมาหาโจวชิงไป๋เพื่อเทียบขนาดเสื้อกันหนาวกับตัวเขา และจ้องมองทั้งสอง “พวกคุณสองคนพึมพำอะไรกันน่ะ?”
“ไม่มีอะไรครับ” เจ้าสามบอก
“ปล่อยให้พ่อไปทำงานสิ อย่าถ่วงเขาไว้” หลินชิงเหอเอ่ยไล่
ตอนนี้หมดการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงไปแล้ว แม้งานที่ต้องทำในแต่ละวันจะยังเหนื่อยยาก แต่เขาก็ไม่ได้ทำงานหามรุ่งหามค่ำเหมือนอย่างตอนเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วง หลินชิงเหอจึงโยนงานทำความสะอาดเล้าหมูกับเล้าไก่ในสวนหลังบ้านให้โจวชิงไป๋ทำอย่างใจดำ
ท่านแม่โจวกับท่านพ่อโจวรอจนกระทั่งเกือบถึงเวลาอาหารเย็นก่อนจะมาหาที่บ้านสะใภ้สี่ แต่อาหารเย็นวันนี้ล่าช้าออกไปเล็กน้อยเพราะหลินชิงเหอนั่งถักเสื้อไปด้วยเอ็ดลูกชายทั้งสามไปด้วยจนเกิดความล่าช้า
หลินชิงเหอเข้าไปในห้องครัว ขณะที่โจวชิงไป๋ทำความสะอาดเล้าหมูและเล้าไก่ในสวนหลังบ้าน ซึ่งตอนนี้ท่านแม่โจวเห็นแล้วก็ไม่รู้สึกปวดใจอีกต่อไป
หลังจากที่นางมาที่นี่บ่อยขึ้น นางก็พบว่าสะใภ้สี่ไม่มีเวลาว่างเลย เธอทั้งปะชุนเสื้อผ้าให้เด็ก ๆ หรือไม่ก็ทำอาหารกับเครื่องดื่มอร่อย ๆ ให้พวกเขา
เธอไม่ได้บำรุงตัวเองมากนัก
แล้วท่านแม่โจวจะตำหนิอะไรได้?
นางปล่อยให้ซูเฉิงน้อยอยู่กับเจ้ารอง ซึ่งเด็กชายที่เหลือก็มาดูแลเขาขณะที่นางเข้าไปช่วยงานในครัว
“คุณแม่ไม่ต้องช่วยหรอกค่ะ มีแค่สามจานนี้เอง” หลินชิงเหอเอ่ย
วันนี้มีไข่เจียวแตงกวาผัด หมูสับกับเต้าหู้ และแกงจืดสาหร่ายกุ้งแห้ง เคียงกับหมั่นโถวข้าวโพด
มันเป็นอาหารง่าย ๆ แต่ยังอร่อยอยู่ เพราะหลินชิงเหอใส่น้ำมันลงไปมาก อาหารเหล่านี้จึงหอมชวนรับประทานอย่างยิ่ง
ท่านแม่โจวเห็นหญิงสาวทำงานอย่างรวดเร็วและดูเหมือนเธอจะไม่ต้องให้นางช่วยจริง ๆ นางเลยเดินมาที่สวนหลังบ้าน
“แม่” โจวชิงไป๋เห็นนางเดินมาหาจึงร้องเรียก
“วันนี้เมียแกเข้าอำเภอไปซื้อฝ้ายมาแล้วก็ขอให้คนบางคนช่วยทำผ้านวมให้ฉันกับพ่อแกน่ะ” ท่านแม่โจวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ชิงเหอบอกผมแล้วว่าผ้านวมกับแม่กับพ่อมันอุ่นไม่พอก็เลยจะทำผืนใหม่ให้น่ะครับ” โจวชิงไป๋พยักหน้าเป็นการยืนยัน
เห็นว่าลูกชายคนเล็กไม่ได้แย้งอะไรแล้ว ท่านแม่โจวก็ยิ้มกริ่มและเอ่ยต่อ “ฉันคิดว่าชิงเหอทำแค่ผ้านวมให้เราเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าหล่อนจะเอาไหมพรมกลับมาให้ฉันได้ถักเสื้อกันหนาวใส่ด้วย”
“ในเมื่อชิงเหอซื้อให้แล้ว แม่ก็ถักเป็นเสื้อใส่นะครับ” โจวชิงไป๋พยักหน้า
ท่านแม่โจวได้ฟังแล้วก็ละสายตาไปดูหมูอ้วนสองตัวด้วยความพอใจ “หมูสองตัวนี้ หลังจากนั้นมันต้องให้เนื้อมากแน่ ๆ เลย”
แต่นางก็ชะงักไปเมื่อเห็นว่ามันกินอาหารมากขนาดไหน
“ปีนี้คงแลกเนื้อได้มากทีเดียวครับ ถึงตอนนั้นแม่อยากทานอะไรเหรอครับ?” โจวชิงไป๋ถาม
“พ่อแกกับฉันกินอะไรที่ชิงเหอทำได้หมดแหละ” ท่านแม่โจวยิ้ม
โจวชิงไป๋พยักหน้า อาหารที่ภรรยาทำนั้นอร่อยที่สุด
ไม่นานนักโจวชิงไป๋ก็ทำงานในมือเสร็จเรียบร้อย
ปีนี้หมูสองตัวในครอบครัวเขาจะยังไม่ถูกเชือดจนกว่าจะถึงวันสิ้นปี ในช่วงนั้นเองข้าวสาลีฤดูหนาวจะได้รับการปลูกจนเสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็จะเป็นหมูของฝ่ายผลิตตัวหนึ่งที่จะถูกเชือดก่อน
โจวชิงไป๋จัดการทำความสะอาดตัวเองก่อนจะเข้ามารับประทานอาหาร
หลินชิงเหอจัดเตรียมอาหารอย่างรวดเร็วและยกสำรับขึ้นโต๊ะ
จากนั้นทั้งครอบครัวก็มานั่งล้อมวงและลงมือทานอาหาร
ในยุคนี้ ทุกบ้านทุกโต๊ะล้วนไม่ขาดผักดองหรือชิ้นผักจานหนึ่ง แต่ในบ้านของเธอกลับเป็นเรื่องยากที่จะเห็น หลินชิงเหอไม่ชอบทานมันเลย บ้านของเธอจึงไม่มีอาหารแบบนี้อยู่
บนโต๊ะอาหารมีอาหารไม่กี่จานเท่านั้น ความจริงแล้วหลินชิงเหอเป็นคนประหยัดสุด ๆ แต่สำหรับผู้คนในยุคนี้แล้วพวกเขากลับมองว่ามันหรูหราอย่างไม่ต้องสงสัย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...