“ใครจะปฏิเสธเรื่องนั้นได้ล่ะจ๊ะ ครอบครัวเราแยกตัวกันแล้ว คุณพ่อกับคุณแม่ก็มากินข้าวที่บ้านสะใภ้สี่ นั่นก็หมายความว่าส่วนแบ่งของพวกท่านจะถูกส่งไปที่บ้านสะใภ้สี่ ครอบครัวเราเองก็ได้แต้มค่าแรงของเราเหมือนกัน เราไม่เล็งเนื้อส่วนของคุณพ่อคุณแม่หรอกจ้ะ” สะใภ้สามพูดเสริม
คนอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงต่างมีความเห็นบางอย่างตอนที่หวังหลิงพูดขึ้นมา แต่หลังจากที่สะใภ้ใหญ่กับสะใภ้สามเอ่ยขึ้นมาแล้ว พวกเขาก็ไม่พูดอะไร
จะมีใครในหมู่บ้านไม่รู้กันล่ะว่าตอนนี้คู่สามีภรรยาชราไม่ได้หุงหาอาหารอีกแล้ว และอาศัยมากินข้าวที่บ้านลูกชายคนที่สี่แทน?
ดังนั้นมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เนื้อจะถูกส่งไปที่บ้านลูกชายคนที่สี่
หวังหลิงไม่พูดอะไรอีกเมื่อเห็นว่าทุกคนไม่เข้าข้างหล่อน
มีแค่สะใภ้รองเท่านั้นี่ยังแสดงสีหน้าไม่พอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ถึงตาของหล่อนรับเนื้อบ้าง ครอบครัวของหล่อนได้เนื้อไปแค่สามชั่งเท่านั้น
ต้องบอกว่าตอนนี้หลินชิงเหอได้เนื้อติดมันไปชิ้นใหญ่ ขณะที่หล่อนได้รับเนื้อไปแค่สามชั่งเท่านั้น!
แล้วเนื้อส่วนอื่น ๆ ล่ะ?
เพราะเธอซื้อเนื้อส่วนซี่โครงกับกระดูกบางส่วนไปด้วย มันก็เลยดูเป็นปริมาณมหาศาล เนื่องจากสิ่งเหล่านี้มีราคาถูกกว่า เธอก็เลยขอเนื้อส่วนเหล่านี้เพิ่มขึ้น
หลังแจกจ่ายเนื้อเสร็จและกลับมาที่บ้าน สะใภ้รองก็ยังคงมีสีหน้าบูดบึ้งอย่างดูไม่ได้
กลับกันพี่ชายรองกลับมีสีหน้าปิติยินดีและเอ่ยขึ้นมา “คืนนี้เราทำเกี๊ยวกินกันเถอะ!”
หลังทำงานเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน การได้กินเกี๊ยวนับว่ายังเป็นเรื่องที่รับได้
“กิน กิน กิน! คุณนี่ก็รู้จักแต่เรื่องกิน คุณรู้เรื่องอะไรนอกจากเรื่องกินบ้างไหม!”สะใภ้รองตวาดเสียงแหว
พี่ชายรองตกใจ เขาแค่อยากจะกินเกี๊ยว แต่ทำไมถึงโดนหล่อนตะคอกใส่ล่ะนี่? “ตอนนี้คุณเป็นอะไรไป? ใครทำคุณโกรธมาเหรอ?”
สะใภ้รองขบฟันกรอด “เมื่อกี้นี้คุณแม่เองก็อยู่กับสะใภ้สี่ขณะที่มีการแจกเนื้อ แล้วก็ได้เนื้อไปถังใหญ่เลยน่ะสิคะ!”
“แล้วอย่างไรล่ะ? พ่อผมกับชิงไป๋ได้แต้มค่าแรงกันสิบแต้มทั้งคู่นะ” พี่ชายรองตอบ
แต้มค่าแรงสิบแต้มสองชุด! คิดดูว่าพวกเขาจะได้เนื้อกันมากขนาดไหนในครั้งนี้?
“เนื้อทุกส่วนไปกองอยู่ที่บ้านสะใภ้สี่หมดเลย!” สะใภ้รองพูดต่อ
“แล้วจะพูดอะไรได้ล่ะ? ตอนนี้พ่อกับแม่ผมก็ไปกินข้าวที่นู่นแล้ว ถ้าไม่ส่งเนื้อไปที่นู่นแล้วจะให้ส่งเนื้อไปที่ไหนล่ะ?” พี่ชายรองตอบอย่างงุนงง
เขาล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับภรรยาของเขา
“ถ้าเกิดว่าให้คุณพ่อกับคุณแม่มากินอาหารกับเราล่ะคะ?” สะใภ้รองเสนอ
หล่อนรู้สึกว่ามันคงดีกว่าถ้าจะให้พ่อแม่สามีมากินข้าวกับครอบครัวของหล่อน ตอนนี้พ่อสามีก็ยังทำงานได้และได้ค่าแรงมาสิบแต้ม แม้แม่สามีจะไม่ได้ทำงานในทุ่งนา แต่อีกหน่อยเด็กก็จะโตและนางก็จะว่างพอที่จะไปเก็บผักขมมาแลกกับแต้มค่าแรง
ดังนั้นแล้วก็จะไม่มีอะไรเสีย
“คุณฝันไปเถอะ ฝีมือการทำอาหารของคุณจะไปเทียบสะใภ้สี่ได้ยังไง? คุณไม่เห็นเหรอว่าพ่อแม่ผมดีใจแค่ไหนนับตั้งแต่ไปกินข้าวที่บ้านนั้น?” พี่ชายรองหัวเราะ
เขารู้ว่าพ่อกับแม่ของเขาดีใจจนเนื้อเต้นเลยทีเดียว และต้องยอมรับว่าพ่อกับแม่ของเขาดูดีขึ้นมากนับตั้งแต่มากินข้าวที่บ้านน้องชายสี่ เห็นได้ชัดว่าอาหารบ้านนั้นอร่อยขนาดไหน
ภรรยาของเขาอยากให้พ่อแม่ของเขามาทานอาหารที่บ้าน มันคงจะแปลกพิกลถ้าพ่อแม่ของเขาจะมีความสุขกับการกินผักดองและสารพัดผักหั่นชิ้นของครอบครัวเขา
“คุณยังไม่ได้ชวนพวกท่านเลย คุณรู้ได้ยังไงว่าพ่อกับแม่ของคุณจะไม่อยากมา!”
“อย่าสร้างปัญหาน่าคุณ” พี่ชายรองบอก
ไม่ต้องพูดถึงพ่อกับแม่ของเขาเลย ต่อให้เป็นเขา เขาก็ไม่เปลี่ยนใจ เขาได้ยินว่าอาหารบนโต๊ะของบ้านน้องชายสี่ไม่เคยซ้ำกันเลย และในทุกมื้อยังมีเนื้อหรือไม่ก็ไข่อยู่ด้วย!
ไม่จริงหรอกที่มันจะมีเนื้อในทุกมื้อ แต่มันจริงแท้แน่นอนที่ทุกมื้อจะต้องมีไข่ ครั้งที่แล้วเขาก็เคยสะใภ้สี่กลับมาจากนอกบ้านพร้อมไข่ตะกร้าหนึ่ง
ตะกร้าใบใหญ่เต็มไปด้วยไข่เชียวนะ! หล่อนจะต้องซื้อมาจากร้านค้าสหกรณ์ในชุมชนแน่
สะใภ้รองได้ยินก็โมโหอย่างมาก “คุณไม่ชวน งั้นฉันชวนเองค่ะ!”
“งั้นคุณก็ชวนเลย” พี่ชายรองโบกมือ
สะใภ้รองไม่ได้เอ่ยชวนในทันที หล่อนวางแผนจะหาจังหวะเหมาะที่จะเอ่ยเรื่องนี้
แต่ท่านแม่โจวก็ไม่มีเวลามายุ่งกับหล่อนในตอนนี้
หลินชิงเหอเองก็ยุ่งมาก มีเนื้อส่งมาที่บ้านมากมายเหลือเกิน เธอต้องคัดแยกพวกมัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...