ตอนแรกโจวชิงไป๋ก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่แม่ของเขาต้องการสื่อ แต่เมื่อเขานึกออกเขาก็นิ่งไป
“แม่ครับ ไม่ใช่ชิงเหอหรอกครับที่ต้องตรวจร่างกาย แต่เป็นผมเอง” โจวชิงไป๋ปัดว่าเป็นเรื่องของเขาเอง
“แกเนี่ยนะไปตรวจร่างกาย?” ท่านแม่โจวชะงักไปครู่หนึ่ง “เกิดอะไรขึ้นกับแกงั้นเหรอ?”
“ผมกลัวว่าการบาดเจ็บสาหัสครั้งนั้นของผมมันจะส่งผลต่ออวัยวะภายในด้วยน่ะครับ ชิงเหอก็เลยไม่มีลูกจนกระทั่งถึงตอนนี้” โจวชิงไป๋บอก
จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้จะออกตัวรับผิดชอบแทนเสียหมดหรอก เขาเองก็มีความสงสัยตัวเองเหมือนกัน แม้อาการบาดเจ็บครั้งนั้นจะไม่ทำให้ร่างกายช่วงล่างของเขาเสียหาย แต่มันก็หนักเอาการอยู่
เหตุผลส่วนใหญ่จึงเทมาทางเขา ไม่อย่างนั้นแล้วภรรยาที่มีความสามารถในการมีลูกของเขาจะไม่ตั้งครรภ์จนถึงตอนนี้ได้อย่างไร?
เรื่องนี้ทำให้ท่านแม่โจวตาสว่าง นางเองก็บอกอยู่เนือง ๆ ว่าเจ้าสามตัวโตเท่านี้แล้ว แต่ทำไมสะใภ้สี่ยังไม่ท้อง หรือจะเป็นเพราะเหตุผลนี้กัน?
“แม่เจ้าใหญ่เป็นคนบอกให้แกไปหรือเปล่า?” ท่านแม่โจวเอ่ยอย่างอดไม่ได้
“ไม่ใช่ครับ” โจวชิงไป๋ส่ายหน้า ก่อนจะพูดต่อ “แม่ครับ มีแค่แม่กับพ่อเป็นคนดูแลลูก ๆ ให้เราสองคนก็พอแล้วครับ”
“แล้วแกไปตรวจที่โรงพยาบาลในอำเภอไม่ได้เหรอ?” ท่านแม่โจวเอ่ยอย่างอดไม่ได้
“ไปโรงพยาบาลใหญ่ ๆ น่าจะดีกว่าครับ ผมกลัวว่าถ้าตรวจที่นี่คงจะไม่รู้ผลอะไร” โจวชิงไป๋ตอบ
ท่านแม่โจวถอนหายใจ “งั้นแกก็ไปเถอะ ให้แม่เจ้าใหญ่ดูแลแกให้ดี ๆ ส่วนพ่อกับแม่จะดูแลบ้านให้เอง”
โจวชิงไป๋พยักหน้า
เรื่องนี้เองทำให้ท่านแม่โจวทานเกี๊ยวแสนอร่อยในตอนเย็นแบบไม่รู้รสชาติใด ๆ ในใจของนางเต็มไปด้วยความกังวล
“ตอนที่ทำเกี๊ยวอยู่ คุณบอกคุณแม่เรื่องอะไรเหรอคะ คุณแม่ถึงได้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแบบนี้?” หลินชิงเหอถามโจวชิงไป๋ขณะที่พวกเขาเข้านอนในคืนนั้น
โจวชิงไป๋จึงสรุปให้ฟัง หลินชิงเหอถึงกับอึ้งไป
คุณไม่ต้องสงสัยตัวคุณเองหรอก คุณน่ะบาดเจ็บแค่ร่างกายท่อนบน ฉันรับประกันเลยว่าร่างกายช่วงล่างของคุณ โดยเฉพาะน้องชายตัวโตของคุณน่ะแข็งแรงและไม่มีปัญหาอะไรเลย!
แต่โจวชิงไป๋รู้สึกแบบนี้ไปแล้ว ดังนั้นต่อให้เป็นหลินชิงเหอที่อยากจะไปเมืองหลวงในครั้งนี้ แต่โจวชิงไป๋ก็อยากไปตรวจร่างกายเพื่อดูว่ามีผลข้างเคียงใด ๆ เหมือนกัน
หลินชิงเหอกระซิบ “ชิงไป๋ ถ้าเกิดว่าเป็นฉันเองที่มีปัญหาล่ะค่ะ?”
โจวชิงไป๋ส่ายหน้า “คุณไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
มันควรเป็นเขามากกว่าที่ไม่สามารถทำให้เธอตั้งครรภ์ได้ ร่างกายของเธอเป็นประเภทแตะนิดแตะหน่อยก็ท้องได้แล้ว
หลินชิงเหอคร่ำครวญให้ตัวเองอยู่ในใจ เธอวางแผนว่าจะรอจนกว่าพวกเขาไปถึงเมืองหลวง จากนั้นก็ค่อยสารภาพเขาไปตรง ๆ มีแค่สองคนมันคงคุยกันง่ายขึ้น
ตอนนี้ยังมีคนอยู่ในบ้านเยอะเกินไป ดังนั้นจึงต้องพับเรื่องนี้ไว้ก่อน
เจ็ดวันหลังจากนั้น หลินชิงเหอก็ถักเสื้อกั๊กให้เจ้ารองกับเจ้าใหญ่เสร็จ โจวชิงไป๋เองก็สะสมไม้ฟืนมาได้มากแล้วเหมือนกัน
และในปีนี้บ้านของพวกเขาก็ได้รับส่วนแบ่งฟางกับต้นฝ้ายเป็นจำนวนมาก จึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาโจวชิงไป๋เป็นคนไปหาฟืนแต่ฝ่ายเดียว เพราะพวกเขาไม่ได้ต้องการเยอะมาก
หลินชิงเหอต้มไข่ต้มไว้เต็มหม้อสำหรับให้ทั้งครอบครัวกิน ซึ่งคิดเป็นสี่หรือห้าชั่งเลยทีเดียว
ส่วนของอื่น ๆ ก็มีเยอะเหมือนกัน หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋จึงนำทะเบียนสมรสและเอกสารการเดินทางติดตัวไปด้วย จากนั้นก็ออกเดินทาง
สามพี่น้องร้องอยากตามไปด้วย แต่เป็นไปไม่ได้หรอก พวกเขาทั้งคู่เดินทางเพื่อทำธุระ ไม่ใช่เพื่อเที่ยวเล่น
นอกจากนี้สถานการณ์นอกหมู่บ้านยังนับว่าสาหัสกว่าในหมู่บ้านเยอะ หลินชิงเหอจึงไม่อยากให้เด็ก ๆ ต้องมาเสี่ยง
ในยุคนี้ยามคู่ชายหญิงจะไปไหนมาไหนด้วยกัน พวกเขาจะต้องนำใบทะเบียนสมรสติดตัวไปด้วย ไม่อย่างนั้นจะถูกมองว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะไม่ควรระหว่างชายหญิง
หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋เองก็เจอกับเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบนรถไฟด้วย
อีกฝ่ายหนึ่งมีท่าทีขึงขัง แต่เมื่อเขารู้สึกได้ถึงรังสีนายทหารของโจวชิงไป๋กับคำพูดฟังดูมีการศึกษาของหลินชิงเหอที่แสดงให้เห็นถึงพื้นฐานที่ดี เขาก็ไม่กล้าแสดงท่าทางอวดดีมากนัก
หลังตรวจสอบแล้วพบว่าทั้งสองเป็นสามีภรรยากันและต้องการจะไปที่เมืองหลวงเพื่อทำธุระ พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ หลินชิงเหอก็ยังต้องย่นคิ้ว
“ตอนนี้สถานการณ์ภายนอกเป็นแบบนี้แหละ คุณอดทนหน่อยนะแล้วมันจะผ่านไป” โจวชิงไป๋เอ่ยพลางกุมมือของเธอไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...