คนนอกไม่รู้ว่าทำไมลูกชายคนเล็กของนางกับภรรยาของเขาถึงเดินทางออกจากหมู่บ้านไปในครั้งนี้ แต่ท่านแม่โจวรู้เรื่องนี้ดี
ดังนั้นนางจึงถามเขาในยามที่อยู่กันสองต่อสอง
โจวชิงไป๋ไม่ได้บอกมารดาเรื่องที่ภรรยาของเขาทำหมัน เขาบอกเพียงว่า “ถึงร่างกายของผมจะฟื้นตัวดีแล้ว แต่มันก็ทำให้สมรรถภาพของผมเสียหาย ผมก็เลยไม่สามารถมีลูกได้อีกในวันข้างหน้าครับ”
แม้ท่านแม่โจวจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่นางก็ไม่เก็บมาใส่ใจและเอ่ยปลอบลูกชายคนเล็กแทน “ไม่เป็นไรหรอก แกมีลูกชายตั้งสามคนแล้ว นับว่าไม่ขาดอะไรเลยสักนิด”
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ครอบครัวที่มีลูกชายสามคนนับว่าไม่ขาดอะไรแล้วในสังคมชนบทเช่นนี้
โจวชิงไป๋พยักหน้า
จากนั้นท่านแม่โจวก็กระซิบอีกครั้ง “เมียแกไม่ได้มีท่าทางรังเกียจอะไรใช่ไหม?”
“ไม่เลยครับ” โจวชิงไป๋ส่ายหน้า
ได้ยินดังนี้แล้ว ท่านแม่โจวก็โล่งใจ หลังจากนั้นนางก็มีท่าทีมั่นใจน้อยลงยามคุยกับลูกสะใภ้คนเล็กอย่างหลินชิงเหอ
หลินชิงเหอเงียบไปและเดินมาถามโจวชิงไป๋ “คุณพูดอะไรกับคุณแม่เหรอคะ? ตอนนี้คุณแม่คุยกับฉันเหมือนกับว่าท่านติดหนี้ฉันอยู่อย่างไรอย่างนั้นเลย”
หญิงสาวยังคงรู้สึกสับสนในใจ
โจวชิงไป๋เหลือบมองเธอ จากนั้นก็ตอบตามที่ได้บอกท่านแม่โจวไป
หลินชิงเหอกระแอมไอแห้ง “เรื่องนี้ฉันเป็นคนผิดนะคะ ชิงไป๋ ฉันขอโทษคุณจากใจจริง แต่อย่ากังวลไปเลยค่ะ ถึงฉันจะมีลูกไม่ได้อีก แต่ก็ยังจะให้ความเคารพกับพ่อแม่สามี ให้ความกรุณากับคุณ และยังดูแลลูกชายของฉันอยู่นะคะ!”
“คุณยังคิดที่จะหย่าจากผม อยากจะจากไปตัวคนเดียวแล้วทิ้งเด็ก ๆ ไว้ที่ผมอยู่ไม่ใช่เหรอ” โจวชิงไป๋จ้องมองหญิงสาว
“ตอนนั้นฉันจงใจทำให้คุณโมโหน่ะค่ะ คุณก็รู้นี่คะว่าคนเราเวลาทะเลาะกันก็ต้องมีพลั้งปากพูดจาทำร้ายน้ำใจกันบ้าง” หลินชิงเหอบอก
เมื่อมาคิดดูแล้ว เธอก็รู้สึกเสียใจภายหลังอย่างมาก
เธอทำเกินไปหน่อยจริง ๆ เธอรู้ว่าเขาชอบเธอก็เลยทำอะไรตามใจตัวเอง แต่ไม่คิดเลยว่าเขาได้ยินแล้วจะเจ็บปวดแค่ไหน
โจวชิงไป๋ยังคงเงียบและทำความสะอาดคอกหมูต่อ หลินชิงเหอเห็นเขาเป็นแบบนี้แล้ว เธอก็รู้สึกได้ว่าเขากำลังอ้างว้างหดหู่ใจอย่างมาก
ต่อให้เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอก็ยังรู้สึกได้
หลินชิงเหอถอนหายใจ จากนั้นก็หันหลังกลับเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมทำอาหารดี ๆ
พอคล้อยหลังหญิงสาวไปแล้ว โจวชิงไป๋ก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มประดับบนริมฝีปาก
อาหารเย็นนั้นช่างยอดเยี่ยมและเลิศรสเป็นพิเศษ เป็นเพราะหลินชิงเหอใส่ความตั้งใจลงไปเพื่อเป็นการไถ่โทษกับชิงไป๋ของเธอ
แต่โจวชิงไป๋ก็ไม่ได้พูดอะไร
ในเย็นนั้นเอง หลินชิงเหอก็สอนพิเศษการบ้านให้เจ้าใหญ่เสร็จ จากนั้นปล่อยเด็กโตทั้งสองไปนอนก่อนจะกลับเข้ามาในห้อมพร้อมกับเจ้าสาม
เจ้าสามยังเล็กนัก ดังนั้นเขาจึงนอนกับเธอและโจวชิงไป๋ในช่วงฤดูหนาว
ส่วนเด็กโตสองคนนั้นไม่เป็นไรหรอก พวกเขานอนกันเองได้
ปีที่แล้วเจ้าใหญ่รู้ว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้นอนหลับในตอนกลางดึกและกำลังทะเลาะกันอยู่ เรื่องนั้นคงไม่เกิดขึ้นซ้ำสองหรอกนะ
เจ้าสามดีใจเนื้อเต้นที่ตัวเองยังนอนกับพ่อแม่ได้อยู่ หลังนอนลงบนเตียงเตาครู่หนึ่ง เด็กน้อยก็หลับไหลไป
เมื่อโจวชิงไป๋เดินเข้ามาในห้อง เขาก็เห็นว่าภรรยาและลูกชายคนเล็กได้หลับไปแล้ว
โจวชิงไป๋ถอดเสื้อผ้าออกก่อนจะปีนขึ้นไปนอนบนเตียงเตา
จากนั้นเขาถึงได้รู้ว่าภรรยาของเขาไม่ได้ใส่อะไรเลย
เรื่องนี้ทำให้โจวชิงไป๋ถึงกับกลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกสะท้อนขึ้นลง พร้อมกับเอ่ยตรงไปตรงมาด้วยเสียงทุ้มพร่าเล็กน้อย “ใส่เสื้อผ้าหน่อยสิครับ เดี๋ยวคุณก็เป็นหวัดหรอก”
“ชิงไป๋” หลินชิงเหอเอ่ยแล้วก็เลื้อยไปตามตัวเขาราวกับนางปีศาจงู
โจวชิงไป๋ไม่ได้เอ่ยอะไรแม้แต่คำเดียว ตอนนี้เขาใจเต้นแรงขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย และในคืนนั้นเอง ชายหนุ่มก็ได้มีสัมพันธ์สวาทอันยอดเยี่ยมจนหนำใจ
หลินชิงเหอใส่ความพยายามทั้งหมดลงไป ในที่สุดเธอก็รู้สึกอ่อนล้าอย่างยิ่งและนอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของโจวชิงไป๋
“คุณหายโกรธแล้วเหรอคะ?” หลินชิงเหอถามเสียงแผ่ว
เธอเพิ่งใช้ร่างกายในการใช้หนี้ส่วนตัวไปหมาด ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...