การประเมินรายได้ของฝ่ายผลิตถือว่าเป็นงานประจำปี
พวกเขาจะต้องเข้าร่วมงานประชุมในอำเภอ
และการประเมินที่ดีก็นับได้ว่าเป็นสิ่งที่ควรภาคภูมิใจ
ดูจากปีที่ผ่านมาของหลินชิงเหอแล้ว ผลผลิตของฝ่ายผลิตนับว่าอยู่ในระดับดีมากจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 2 ปีที่ผ่านมานี้ พวกเขาได้เก็บเกี่ยวผลผลิตอย่างมากมายในทุกปี
หลินชิงเหอผู้ไม่มีความรู้สึกถึงเกียรติยศภาพรวมไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เธอทำเพียงถามง่าย ๆ “ปีนี้เราจะได้เชือดหมูเพิ่มขึ้นไหมคะ?”
“ไม่หรอก” โจวชิงไป๋ส่ายหน้า
หลินชิงเหอจึงพับเรื่องนี้ไป
มันไม่มีผลกำไรใด ๆ เลยจริง ๆ แล้วจะพูดอะไรได้อีกล่ะ?
โจวชิงไป๋รู้สึกจนใจเมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้และวางแผนว่าจะบอกหญิงสาวเกี่ยวกับเกียรติยศทีได้มา
“ฉันรู้แล้วค่ะเกี่ยวกับความรู้สึกเป็นเกียรติ ฝ่ายผลิตของเราได้คะแนนยอดเยี่ยมก็ถือว่าคนในฝ่ายผลิตทั้งหนุ่มสาวจะมีโอกาสหาคู่ครองง่ายขึ้นและรู้สึกมีหน้ามีตามยามออกไปไหนมาไหน ฉันเข้าใจเรื่องนี้ดีค่ะ” หลินชิงเหอพูดไปด้วยและเริ่มนวดแป้งไปด้วย เพราะคืนนี้เธอวางแผนว่าจะกินเกี๊ยว
โจวชิงไป๋ไม่เอ่ยอะไร
หลินชิงเหอเงยหน้ามองเขาหลังจากนั้นครู่หนึ่งและเอ่ยขึ้น “ถ้าคุณไม่มีอะไรทำก็หั่นผักดองให้ฉันเถอะค่ะ”
โจวชิงไป๋จึงทำได้เพียงเดินไปหั่นผักดอง
เขาพบว่าภรรยาของเขาช่างแตกต่างจริง ๆ บางครั้งเธอก็รู้เรื่องราวต่าง ๆ ดี แต่บางครั้งเธอก็มีท่าทางเบาปัญญา
เธอถึงกับกล้าออกไปไหนมาไหนคนเดียวในสถานที่อย่างเมืองหลวงโดยไม่กลัวอะไร ราวกับน้องสาวผู้โง่งมคนหนึ่ง
แต่ถ้าจะบอกว่าเธอไม่รู้เรื่อง มันก็…ยากที่จะบอกเหมือนกัน
เธอรู้ดีทุกอย่าง เธอแค่ไม่ทำตามกฎเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ฝ่าฝืนกฎเหมือนกัน ทุกอย่างอยู่ในกฎแล้วเธอก็แค่ทำตามวิธีของเธอ ดูแล้วช่างมีอิสระอย่างยิ่ง
โจวชิงไป๋เหลือบมองภรรยาขณะสับผักดอง
“พวกคุณทานกันมากกว่านี้แล้วกันค่ะ ฉันไม่ชอบผักดองน่ะ” หลินชิงเหอบอก
เธอไม่ชอบกินเกี๊ยวหมูใส่ผักดองของคืนนี้เลย ความจริงแล้วเธอชอบกินเกี๊ยวหมูใส่เห็ดมากกว่า แต่ในฤดูนี้ไม่มีเห็ดให้กิน เธอก็เลยจำใจต้องกินเกี๊ยวใส่ผักดอง
ซึ่งแน่นอนว่าเกี๊ยวไส้หมูใส่ผักดองเป็นของอร่อยเลิศในสายตาของโจวชิงไป๋กับเด็ก ๆ
“งั้นทำไส้อื่นบ้าง” โจวชิงไป๋ตอบ
“เดี๋ยวอีกสองสามวันนี้ฉันจะเข้าอำเภอไปหาซื้อมาเพิ่มแล้วกันค่ะ ที่บ้านไม่มีอะไรดี ๆ ให้กินเลย” หลินชิงเหอบอก
ในช่วงที่เธอกับโจวชิงไป๋ไม่อยู่บ้าน ท่านแม่โจวไม่ได้ใช้จ่ายเงินเลย อาหารและเครื่องดื่มล้วนทำมาจากของที่อยู่ในบ้าน และตอนนี้เด็กชายทั้งสามก็กินจุขึ้นทุกวัน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ของกินจะหมดไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อวานนี้เธอทั้งเหนื่อยและตื่นตระหนกเนื่องจากอยู่ในรถมาตลอดทั้งวัน ในยุคนี้กลิ่นควันรถเหม็นมากจนเกือบจะฆ่าคนได้ จึงเป็นเหตุที่ว่าทำไมหลินชิงเหอถึงไม่แวะซื้อข้าวของเครื่องใช้กลับมาด้วยขณะยังอยู่ในตัวอำเภอ
“งั้นเราไปด้วยกันเถอะ” โจวชิงไป๋เสนอ
“ตกลงค่ะ” หลินชิงเหอพยักหน้า
อาหารมื้อเย็นของวันนี้เป็นเกี๊ยวไส้หมูใส่ผักดอง
ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวต่างกินกันจนปากมันแผลบทั้งคู่
“ที่บ้านยังมีเนื้อเหลืออยู่ไหม?” ท่านแม่โจวถามขึ้น
หลินชิงเหอตอบด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน เพราะเธอออกไปรับเนื้อในตอนเช้าแล้ว “แค่เอาส่วนที่เหลืออยู่มาใช้น่ะค่ะ”
ท่านแม่โจวได้ยินแล้วก็ไม่ว่าอะไร
ตอนนี้อากาศหนาวเย็นลงในทุกวัน หลินชิงเหอจึงชอบซุกตัวอยู่กับโจวชิงไป๋ยามนอนด้วยกันตอนกลางคืน ชายคนนี้ตัวอุ่นเหลือเกิน ราวกับเตาผิงตัวใหญ่ตัวหนึ่ง
“เมื่อคืนนี้คุณทำหลายครั้งมาก ดังนั้นพักผ่อนเถอะค่ะ” ไม่นานหลังจากนั้น หลินชิงเหอก็รู้สึกถึงความปรารถนาของชายหนุ่มที่มีต่อเธอ
เขาไม่ใช่คนหนุ่มอีกต่อไปแล้ว แต่ความสนใจในเรื่องนี้กลับไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย เขายังปฏิบัติกับเธอเหมือนเดิมเลย
ถ้าเธอไม่ปฏิเสธที่จะขยับในทันที เขาก็จะทำมันอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อวัน ความต้องการของเขานับว่าสูงจริง ๆ
“แค่ครั้งเดียวนะครับ” โจวชิงไป๋เอ่ยเสียงทุ้มพร่า
ถึงมันจะเป็นครั้งเดียว แต่ก็กินเวลานานเกือบชั่วโมงตั้งแต่เริ่มยันจบ
หลินชิงเหอไม่อยากจะเชื่อผู้ชายคนนี้เลย เขาทำตัวอย่างกับว่าไม่เคยกินเนื้ออย่างนั้นแหละ
หลังทำเสร็จชายหนุ่มก็สุขใจ ในขณะที่หลินชิงเหอหมดแรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...