ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม นิยาย บท 145

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม – บทที่ 145 นำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูล
บทที่ 145 นำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูล
โดย
EnjoyBook
บทที่ 145 นำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูล

อาหารเย็นที่บ้านในวันสิ้นปีของปีนี้นับว่าเป็นมื้อที่สมบูรณ์พูนสุขอย่างไม่ต้องสงสัย

บนโต๊ะประกอบด้วยไก่ทอดจานใหญ่จากไก่ที่ซูต้าหลินนำมา ไก่ทอดนี้ช่างมีรสโอชายิ่งนักยามกินเปล่า ๆ แต่ถ้าจิ้มกับซอสพริกที่หลินชิงเหอทำ รสชาติของมันก็จะดีขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง

ต้องขอย้ำว่าถึงมันจะเผ็ดเล็กน้อย แต่รสชาติของมันก็ดีเยี่ยม!

นอกจากนี้ยังมีอาหารจานอื่น ๆ อีก และทุกจานล้วนเป็นอาหารแห้ง ซึ่งอาหารทั้งหมดล้วนเป็นอาหารโอชารส มีแม้กระทั่งหมูสามชั้นหมักที่พวกเขาไม่ค่อยมีโอกาสได้กินอยู่ด้วย

มีเหมยก้านฉ่าย* กับหมูสามชั้นหมักอยู่ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงรสชาติเลยว่าจะอร่อยขนาดไหน

*เหมยก้านฉ่าย คือ ผักกาดเขียวตากแห้งดองเกลือ

“ไม่ว่าคุณพ่อกับคุณแม่จะดูเจ้าเนื้อขึ้นหรือไม่นับตั้งแต่พวกท่านมากินข้าวที่นี่ แต่ฝีมือการทำอาหารของพี่สะใภ้สี่ก็ยังสุดยอดไปเลยค่ะ!” โจวเสี่ยวเม่ยอุทาน

“พอดีเราไม่มีอาหารทะเลน่ะ ถ้ามีอาหารทะเลล่ะก็ พี่จะทำให้เธอเห็นเลยว่าการทำอาหารมันคืออะไร” หลินชิงเหอพูด

หมู่บ้านนี้ไม่ได้อยู่ติดทะเล ดังนั้นจึงมีอาหารทะเลให้กินเพียงน้อยนิด อย่างมากก็แค่ปลาน้ำตื้นบางชนิดกับกุ้งเท่านั้น

“พี่น่าจะไปที่ริมทะเลเพื่อไปซื้ออาหารทะเลนะคะ ที่นี่เราไม่มีอาหารทะเลกินเลย” โจวเสี่ยวเม่ยบอก

“คุณรู้วิธีทำเหรอ?” โจวชิงไป๋ได้ยินน้องสาวพูดก็หันมามองภรรยา

“แน่สิคะ คุณล่ะเจออาหารทะเลบ้างไหม?” หลินชิงเหอถามเขา

“ครั้งที่แล้วสหายของผมบอกให้เอาปูพวกนั้นกลับไป แต่ผมไม่ได้เอากลับมาที่บ้านน่ะ” โจวชิงไป๋ตอบ

“แล้วทำไมคุณไม่บอกฉันล่ะคะ?” หลินชิงเหอถามอย่างอดไม่ได้

“ผมไม่รู้นี่ว่าคุณทำอาหารทะเลได้” โจวชิงไป๋ตอบ เขารู้อะไรเกี่ยวกับอาหารทะเลไม่มากหรอก และทุกอย่างก็เต็มไปด้วยเปลือก จะมีเนื้ออยู่แค่ไหนกัน?

“คุณนี่ไม่รู้จักของดีเลยจริง ๆ !” หลินชิงเหอถลึงตาใส่

“ครั้งหน้าผมจะไปขอมาให้นะ” โจวชิงไป๋บอก

“ครั้งหน้าถ้าคุณไปก็อย่าไปมือเปล่านะคะ เอาไหซอสพริกไปให้สหายของคุณด้วย มันคิดเป็นมูลค่าไม่มากหรอก แต่มันอร่อยนะ” หลินชิงเหอรีบเอ่ยในทันที

“ตกลงครับ” โจวชิงไป๋ตอบ

จากนั้นหลินชิงเหอก็เรียกซูต้าหลิน โจวเสี่ยวเม่ย ท่านพ่อโจว และท่านแม่โจวให้มากินข้าว

ทั้งครอบครัวล้วนอิ่มหนำสำราญกับอาหารในวันสิ้นปีครั้งนี้ จากนั้นเจ้าใหญ่กับเจ้ารองก็เป็นคนเก็บถ้วยชามไปล้าง

หลินชิงเหอไม่คิดว่าจะเป็นการใช้แรงงานเด็กแต่อย่างใด

หลังปีใหม่ครั้งนี้ไป เจ้าใหญ่จะมีอายุครบ 8 ขวบ แต่เป็นเพราะหลินชิงเหอดูแลอาหารการกินของเขาเป็นอย่างดีเท่าที่จะเป็นไปได้ เขาก็เลยตัวสูงใหญ่กว่าเด็กรุ่นเดียวกัน

นอกจากนี้ดวงตาของเขายังฉายแววซุกซนยามกลอกกลิ้งไปมา หากเขาออกไปข้างนอกและบอกว่าเขาอายุ 8 หรือ 10 ขวบก็ไม่มีใครเชื่อ

เจ้ารองเองก็มีอายุ 6 ขวบพอดีหลังปีใหม่เหมือนกัน ตอนนี้เจ้าลูกหมาหัวแหลมคนนี้เริ่มเล่นกับจิตวิทยาคนเก่งขึ้นทุกวัน ๆ แล้ว

เขาหันหน้าไปบอกซูต้าหลินตรง ๆ “คุณอาครับ มาช่วยพวกเราหน่อยเถอะนะครับ”

“ก็ได้ครับ” ซูต้าหลินตอบด้วยรอยยิ้ม

“ลูกสองคนล้างจานเองสิ” หลินชิงเหอพูด

“มะ…ไม่เป็นไรครับ” ซูต้าหลินเอ่ยพลางยิ้มให้

“ปล่อยให้เขาทำเถอะค่ะ เขาเองก็ล้างจานที่บ้านเหมือนกัน” โจวเสี่ยวเม่ยบอก

หลังจากที่บอกไปแบบนี้ หล่อนก็โดนท่านแม่โจวถลึงตาใส่

ซูต้าหลินเข้าไปช่วยเด็กชายทั้งสองล้างจานอย่างอารมณ์ดี

แน่นอนว่าน้ำที่ใช้ล้างถ้วยชามเป็นน้ำอุ่น มือของพวกเขาจึงไม่เย็นจนแข็งไป หลังเจ้าใหญ่กับเจ้ารองล้างถ้วยชามกันเสร็จแล้ว หลินชิงเหอก็ทาครีมบำรุงให้พวกเขาเพื่อป้องกันผิวแตกจากอากาศหนาว

เธอเองก็ต้มเห็ดหูหนูขาวกับพุทราจีนไว้ให้ทั้งครอบครัวได้กิน หลังคุยกันจนถึงราวสามทุ่ม ทุกคนก็กินต้มเห็ดหูหนูขาวกับพุทราจีนก่อนจะแยกย้ายกันเข้านอน

ในระหว่างทางที่เดินกลับบ้านตระกูลโจว โจวเสี่ยวเม่ยก็อดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญกับท่านพ่อโจวและท่านแม่โจว “พี่สะใภ้สี่ช่างกตัญญูกับพ่อและแม่เหลือเกินแถมไม่บ่นว่าอะไรอีกด้วยนะคะ”

เป็นเวลา 2-3 วันแล้วที่หล่อนกลับมาบ้านเดิม และอาหารที่บ้านของพี่สะใภ้สี่ก็ช่างเยี่ยมยอดและเลิศรสนัก!

“สะใภ้สี่กตัญญูมากเลยล่ะ” ท่านแม่โจวพยักหน้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม