ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม นิยาย บท 152

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม – บทที่ 152 รสชาติแย่เกินกว่าจะดื่ม
บทที่ 152 รสชาติแย่เกินกว่าจะดื่ม
โดย
EnjoyBook
บทที่ 152 รสชาติแย่เกินกว่าจะดื่ม

เทียบกับพวกพี่ชายใหญ่ที่เหนื่อยล้าอิดโรยเสียจนร่างแทบแหลก สภาพของโจวชิงไป๋นับว่ายังดีกว่ามาก

แต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนัก

ในตอนเช้าคนอื่น ๆ ได้ทานหมั่นโถวเย็นชืดเคียงกับผักดอง ขณะที่หลินชิงเหอตื่นแต่เช้าตรู่มานึ่งหมั่นโถวร้อน ๆ หุงโจ๊กหรือโจ๊กข้าวฟ่าง จากนั้นเธอก็ทำไข่คนแตงกวา

อาหารข้างต้นนี้คืออาหารที่ทำตอนไม่มีอะไรจะกิน แต่โดยปกติจะมีอาหารจานเนื้ออยู่หนึ่งจานเสมอ

อย่างเช่นหมูตุ๋นกับถั่วแขก หรือไม่ก็หมูผัดพริกหยวกเขียว

ทุกเช้าก่อนออกไปทำงาน เขาจะได้กินจนอิ่ม

ตอนกลางวันก็เหมือนกัน หลินชิงเหอจะส่งข้าวมาให้เมื่อถึงเวลา และมอบกล่องอาหารกลางวันที่มีถั่วเขียวต้มน้ำตาลให้ก่อนจะกลับบ้านไป

ซึ่งถั่วเขียวต้มน้ำตาลนี้เธอให้พวกเขาได้ทานตอนที่ได้พักระหว่างงาน

เมื่อพวกเขากลับมาถึงบ้าน ก็มีของบางอย่างที่อร่อยยิ่งกว่าคอยท่าพวกเขาอยู่

อาหารจานเนื้อสองจาน อาหารจานผักสองจาน และแกงจืดหนึ่งอย่าง

หลังกินเสร็จแล้วก็ยังมีถั่วเขียวต้มน้ำตาลไว้ดื่มต่อในตอนเย็น แม้แต่ละคนจะได้กินกันคนละถ้วย แต่มันก็ยังคลายร้อนได้อยู่บ้าง การดื่มถั่วเขียวต้มน้ำตาลหวาน ๆ หนึ่งชามมันให้ความรู้สึกราวกับว่าความร้อนจากตอนบ่ายอันแสนวุ่นวายได้คลายลงอย่างมากทีเดียว

หลังได้อาบน้ำและเข้านอน กำลังใจของเขาก็ได้รับการฟื้นฟูอย่างเหมาะสม

ความรับผิดชอบหลักของหลินชิงเหอคือการดูแลโจวชิงไป๋ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ถือเป็นเรื่องรอง

แต่คนที่ร่วมวงด้วยอย่างท่านพ่อโจว เจ้าใหญ่ เจ้ารอง และเจ้าสามก็ได้รับโชคไปเหมือนกัน ปกติแล้วเมื่อไหร่ที่โจวชิงไป๋ได้รับส่วนแบ่ง พวกเขาก็ไม่ขาดแคลนด้วยเหมือนกัน

แม้แต่เจ้าใหญ่ยังให้ความเห็นว่าพวกเขาต่างเป็นเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงโดยที่คนโปรดของแม่ก็คือพ่อของพวกเขา

เมื่อสิ้นสุดการเก็บเกี่ยวประจำฤดูร้อน หลินชิงเหอก็เข้าไปในอำเภอเพื่อขายของที่เธอสะสมไว้ระยะหนึ่งในส่วนที่เหลืออยู่ ระหว่างทางเธอก็ซื้อแตงโมลูกใหญ่มาด้วย

แตงโมลูกยักษ์นี้ได้รับความนิยมไปอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งครอบครัวต่างกัดกินด้วยความสุขสำราญใจ

นับตั้งแต่มาอยู่ร่วมกับลูกชายและลูกสะใภ้ อาหารการกินของท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวก็ดีขึ้นแบบพุ่งทะยาน

เมื่อท่านพ่อโจวเข้านอนในคืนนั้น เขาก็เอ่ยกับผู้เป็นภรรยา “พูดถึงการใช้เงินของสะใภ้สี่แล้ว ทำไมผมรู้สึกว่าหล่อนไม่ได้ขาดเงินในการจับจ่ายใช้สอยเลยล่ะ?”

แน่นอนว่าท่านพ่อโจวไม่ได้คิดจะดูถูกสะใภ้สี่ว่าไม่รู้จักใช้ชีวิต หากสะใภ้สี่ไม่รู้จักการใช้ชีวิตจริง ๆ แล้ว จะมีใครบนโลกนี้อีกที่รู้จักการใช้ชีวิต?

พวกเขาแค่สงสัยเท่านั้น

อาสี่กลับมาอยู่บ้านตั้งหลายปีแต่สะใภ้สี่ยังคงทำอะไรตามใจตัวเองงั้นหรือ?

“ฉันไม่รู้เหมือนกัน พรุ่งนี้ฉันถามหล่อนดีไหม?” ท่านแม่โจวตอบ

“สะใภ้สี่จะไม่พอใจหรือเปล่า?” ท่านพ่อโจวแย้ง

“จะไม่พอใจอะไรล่ะ? ไม่ใช่ว่าฉันจะขอเงินหล่อนสักหน่อย แค่อยากรู้เท่านั้นเอง สะใภ้สี่คงไม่คิดมากหรอก” ท่านแม่โจวให้ความมั่นใจ

ท่านพ่อโจวไม่ได้พูดอะไรต่อ

แล้ววันต่อมาท่านแม่โจวก็ถามเรื่องนี้กับหลินชิงเหอ

“ชิงไป๋นำเงินกลับมาบ้านเยอะแยะเลยค่ะหลังจากที่เขาออกมาจากกองทัพแล้ว และเงินส่วนนั้นยังไม่ได้ถูกใช้เลย คุณแม่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ” หลินชิงเหอให้คำตอบ

เห็นไหมล่ะ! ว่าแล้วเชียว พวกเขาต้องถามเรื่องนี้ไม่ช้าก็เร็วในตอนที่กินข้าวด้วยกัน

“งั้นฉันก็สบายใจแล้ว” ท่านแม่โจวพยักหน้าเมื่อได้ยินดังนี้

ไม่ต้องถามเลยว่าเงินก้อนนั้นมันมากขนาดไหน

เดิมทีหลินชิงเหออยากจะบอกนางว่ามันมีทั้งหมด 1,500 หยวน แต่ในเมื่อนางไม่ได้ถามก็ไม่เป็นไร

จริง ๆ แล้วตอนนี้เธอมีเงินในกระเป๋าอยู่ 3,500 หยวน

เธอเก็บมันทีละเล็กละน้อย แต่เป็นเพราะเธอใช้จ่ายออกไปมากด้วย ไม่อย่างนั้นเธอคงเก็บเงินได้ครบ 1,000 หยวน

ใช่แล้ว มันยังมีอีก 100 หยวนที่เธอให้น้องชายยืมไป

เมื่อโจวชิงไป๋กลับมาถึง หลินชิงเหอก็ได้ถามเขา “คุณบอกฉันไม่ใช่เหรอคะว่าจะมีโรงนมจะมาตั้งในปีนี้? ทำไมฉันถึงยังไม่ได้ข่าวเลยล่ะคะ?”

เธอคิดว่ามันน่าจะมีโรงนมเรียบร้อยตั้งแต่ต้นฤดูใบไม้ผลิ ตอนนี้มันเข้าสู่ฤดูร้อนอันแผดเผาแล้ว

“มีเรื่องบางอย่างติดขัดอยู่ แต่ก็น่าจะมาตั้งในอีกไม่กี่วันแล้วล่ะ” โจวชิงไป๋บอก

โจวชิงไป๋พูดถูก หลังเก็บเกี่ยวฤดูร้อนผ่านพ้นไป โรงนมก็มาตั้งพอดี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม