“แม่ขอโทษผมเหรอครับ?” เจ้าสามมองแม่ของเขาด้วยสายตาว่างเปล่า
“แม่ทำผิดแล้ว แน่นอนว่าแม่ก็ต้องขอโทษ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่มันก็เหมือนกัน เมื่อใดที่ฝ่ายหนึ่งทำผิด พวกเขาต้องมีความกล้าที่จะยอมรับผิดและขอโทษน่ะ” หลินชิงเหอพยักหน้า
“งั้นผมยกโทษให้แม่ครับ” เจ้าสามบอกพลางจ้องมองแม่ด้วยดวงตาเป็นประกาย
“งั้นก็ขอบใจเจ้าสามนะ” หลินชิงเหอดูเขาและเอ่ยขึ้น “ในเมื่อลูกไม่ชอบดื่มนมอีกแล้ว อย่างนั้นก็อย่าดื่มมันเลย”
“จริงเหรอครับ?” เจ้าสามเบิกตากว้าง
“จริงสิ” หลินชิงเหอยืนยัน
“ผมไม่อยากดื่มนม แต่ผมอยากกินหมั่นโถวนมนะครับ” เจ้าสามมองแม่และเอ่ยขึ้น
“ได้สิ” หลินชิงเหอบอก พลางนึกในใจว่าหมั่นโถวนมนั่นฉันจงใจทำเพื่อทรมานเธอนะ ไม่คิดเลยว่าเธอจะอยากกินมันจริง ๆ
เจ้าสามดีใจอย่างมาก
เขาตัวติดกับแม่ตลอดทั้งวันและไม่ออกไปเล่นนอกบ้านเลย
เช้าวันต่อมา หลินชิงเหอก็ต้มนม จากนั้นก็เติมน้ำตาลกรวดปริมาณเล็กน้อยลงในนมส่วนหนึ่ง
“ไหนแม่บอกว่าจะไม่บังคับผม” เจ้าสามจ้องมองชามนมตรงหน้าด้วยท่าทางขมขื่น และเหลือบมองแม่ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“ลองชิมดูสิ” หลินชิงเหอตักนมขึ้นมาช้อนหนึ่ง
เจ้าสามมองแม่แล้วก็จิบหนึ่งอึก หลังจากนั้นก็กระพริบตาด้วยความประหลาดใจ “ทำไมหวาน?”
“แม่เติมน้ำตาลให้ลูกนิดหนึ่งน่ะ ตอนนี้ลูกจะดื่มไหม? ถ้าลูกไม่ดื่มแม่จะเอาไปให้พ่อนะ” หลินชิงเหอบอก
“ผมจะดื่มให้หมดเลยครับ” เจ้าสามรีบเอ่ย
หลินชิงเหอจึงส่งช้อนให้เจ้าสามได้ดื่มนมด้วยตัวเอง
ต้องบอกว่ามันหวานไม่มากนัก เพราะมีน้ำตาลกรวดเติมเข้าไปแค่นิดเดียว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรับรู้รสหวานได้อยู่ การที่มีรสหวานปะแล่มแบบนี้ก็ทำให้นมชามนี้อร่อยขึ้นมาก
เจ้าสามชอบมันในทันที การได้กินหมั่นโถวกับนมหวานแบบนี้ช่างเป็นเรื่องน่าพอใจนัก ความไม่เต็มใจและขมขื่นเมื่อก่อนหน้าหายไปไหนแล้วล่ะ?
เห็นเขาเป็นแบบนี้แล้ว หลินชิงเหอก็ลอบยิ้มในใจ คิดว่าฉันจะละเว้นเจ้าเด็กปุกปุยอย่างเธอเหรอ ไม่มีทาง?
“แม่ครับ ผมอยากได้น้ำตาลมาใส่ในนมด้วย” เจ้ารองเอ่ยด้วยความอิจฉา
“เจ้าสามไม่กลัวฟันผุน่ะ ถ้าลูกไม่กลัวฟันผุเหมือนเขาก็เติมน้ำตาลได้เลย” หลินชิงเหอเหลือบมอง
เจ้ารองกรีดร้องในใจว่าจริง ๆ แล้วเขาไม่กลัวฟันผุหรอก แต่เมื่อเห็นสายตาของแม่แล้ว เขาก็รู้ว่าตัวเองคงจะไม่ได้กินนมอีกหากยังดึงดันต่อ
ดังนั้นเขาจึงกินนมส่วนของเขาอย่างว่าง่าย
เมื่อนมจืดเปลี่ยนเป็นนมหวาน เจ้าสามก็ชอบดื่ม หลังดื่มนมหมดไปครึ่งชามแล้ว เขาก็ยังรู้สึกไม่พึงพอใจเล็กน้อย
หลินชิงเหอไม่สนใจเขาแต่อย่างใด ในที่สุดเขาก็ดื่มนมได้แล้ว
ตอนนี้เองท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวก็ได้เห็นอีกด้านหนึ่งของสะใภ้สี่
ถึงหญิงสาวจะดูใจจืดใจดำ แต่เธอก็ตามใจลูกจริง ๆ ถ้าพวกเขาไม่ชอบดื่มนมจืด เธอก็จะใส่น้ำตาลเข้าไป โดยที่เด็กคนอื่น ๆ ไม่มีโอกาสได้ลิ้มลองชิมรสของนมเลย
หมั่นโถวที่บ้านเป็นหมั่นโถวข้าวโพด ในตอนแรกมีนมไม่มากนัก แม้พวกเขาจะได้กินหมั่นโถวนมกันทุกคน แต่ก็ได้กินในปริมาณไม่มาก หลินชิงเหอไม่ต้องการทำหมั่นโถวนมในปริมาณมากเพราะจุดประสงค์หลักคือซื้อนมมาเพื่อให้เด็ก ๆ ได้ดื่ม
อย่าบอกว่าเธอไม่เคารพท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวเลย ขนาดตัวเธอเองกับโจวชิงไป๋ยังไม่ได้กินสักนิดเลยไม่ใช่เหรอ?
หลังการเก็บเกี่ยวฤดูร้อนล่าสุด มันก็เป็นเวลาไม่นานนักก่อนที่เทศกาลไหว้พระจันทร์ใกล้จะมาถึง
คราวที่แล้วหลินชิงเหอใช้ช่วงเก็บเกี่ยวฤดูร้อนขายต่อธัญพืชจำนวนมาก ท่านแม่โจวก็ถามเรื่องนี้บ้าง แต่หลินชิงเหอบอกว่าเธอเอามันไปแลกกับคูปองเนื้อจากคนอื่น
ท่านแม่โจวจึงรู้ว่าหญิงสาวทำอะไรกับธัญพืชที่ได้มา นางไม่ได้พูดอะไรอย่างอื่นอีกและเตือนลูกสะใภ้ให้ระวังตัว
ไม่ใช่ว่าท่านแม่โจวไม่รับรู้ ปกติที่บ้านมักจะมีเนื้อกินอยู่เสมอ แล้วช่วงเวลานี้เป็นเรื่องง่ายนักเหรอที่จะซื้อเนื้อมาได้?
นางจึงคิดว่าเหตุผลหลักที่ลูกสะใภ้ทำเรื่องนี้ลงไปจะต้องเป็นเรื่องนี้แน่
เนื่องจากแม่สามีไม่ได้ถามอะไรต่ออีก หลินชิงเหอจึงขายธัญพืชไปมากกว่า 500 ชั่งและได้รับเงินก้อนใหญ่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...