หลินชิงเหอไม่รีบร้อนออกจากร้านค้าสหกรณ์นักและพูดคุยกับเสิ่นอวี้ เพราะเธอเองก็สนใจเรื่องการออกเดทของเสิ่นอวี้อยู่
เสิ่นอวี้ยังคงมีท่าทางเอียงอายเล็กน้อย โดยไม่ต้องให้หลินชิงเหอถามซ้ำ หล่อนก็เล่ามันออกมาทั้งหมด
คู่ของหล่อนชื่อว่าเฉินเจี๋ย เป็นชายหนุ่มที่ซื่อตรงอย่างยิ่ง เขาบอกหล่อนทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเขาเองอย่างเช่นเรื่องเงินเดือนที่ได้และเรื่องอื่น ๆ ทั้งหมด
“ติดที่ว่าบ้านของเขาค่อนข้างแออัดนี่สิคะ” เสิ่นอวี้ถอนหายใจ
อย่างอื่นดีหมด เว้นแต่บ้านของเฉินเจี๋ยแออัดเกินไปเพราะมีคนหลายคนอยู่ในบ้าน
“ไม่ใช่แค่ครอบครัวของเขามีคนเยอะ แต่สภาพบ้านของเขาตอนนี้ยังเล็กเกินไปอีกด้วย คงจะดีหากหาที่อยู่ใหม่ได้” หลินชิงเหอเอ่ยตรง ๆ
อย่าคิดว่าการเป็นคนเมืองจะเป็นเรื่องน่าประทับใจ ภาพที่น่าประทับใจมันก็เป็นแค่เปลือกนอกเท่านั้น เพราะต่อให้คนในเมืองมีงานทำ แต่สภาพความเป็นอยู่ในบ้านกลับเลวร้ายยิ่งกว่าคนที่อยู่ในชนบทเสียอีก
ห้องภายในอพาร์ทเมนต์เล็ก ๆ มีพื้นที่แค่ 10 กว่าตารางเมตร บางครั้งก็มีคนถึงสามชั่วรุ่นรวมกันสิบกว่าคนอาศัยอยู่ด้วยกัน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องในยุคนี้ถึงย่ำแย่สุดขีด หากต้องการหาครอบครัวที่อยู่กันอย่างสันติสุขก็อาจจะหาไม่ได้เลย
และนี่ก็คือเหตุผล
การมีคนหลายคนอยู่กันอย่างเบียดเสียดนี่เอง ที่ทำให้ความรู้สึกดี ๆ ระหว่างบุคคลหายไปหมด
“เรื่องหลักก็คือเธอกับเขาต่างมีงานทำกันทั้งคู่ หากเธอแต่งงานไปแล้ว ก็แค่กลับไปซุกหัวนอนที่นั่นตอนกลางคืนเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องอยู่ตลอดทั้งวันหรอก เรื่องนี้มันไม่สำคัญอะไรมาก” หลินชิงเหอพูด
“ฉันวางแผนว่าจะเก็บเงินซื้อบ้านใหม่อยู่น่ะค่ะ” เสิ่นอวี้บอก
“นั่นต้องใช้เงินมากเลยนะ” หลินชิงเหออุทานขณะมองหล่อน
หญิงสาวไม่คิดเลยว่าจริง ๆ แล้วสาวน้อยคนนี้อยากจะซื้อบ้านด้วยตัวเอง
มันเป็นไปได้อย่างแน่นอนที่จะซื้อบ้านในยุคนี้ แต่ก็มีบ้านไม่มากนักที่สามารถซื้อได้ และพวกเขาก็ต้องมีคุณสมบัติพอที่จะซื้อมันได้ด้วย ทุกคนต่างมีมาตรฐานพื้นที่บ้านของตัวเอง และมันก็ไม่ใช่เรื่องดีนักที่จะอยู่ในบ้านหลังใหญ่
เพราะคนอื่น ๆ จะหาว่าพวกเขาหลงระเริงไปกับระบบศักดินาได้
แน่นอนว่าหากบ้านที่ได้อยู่เป็นมรดกตกทอดจากพ่อแม่เหมือนกับซูต้าหลิน โดยปกติแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร
ขณะที่พ่อแม่ของซูต้าหลินยังมีชีวิตอยู่ ปู่และย่าของเขาก็อยู่ในบ้านนั้นด้วย มันจึงมีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับให้ทั้งครอบครัวอยู่ด้วยกัน
แต่ในตอนนี้มันดูกว้างขวางนักโดยไม่ต้องสงสัยสำหรับซูต้าหลินกับโจวเสี่ยวเม่ย
“มันใช้เงินเยอะมากเลยค่ะแล้วก็อาจจะซื้อไม่ได้ด้วย” เสิ่นอวี้คร่ำครวญ
“พี่รู้จักคนอยู่บ้างน่ะค่ะ พี่ถามให้เอาไหมคะ?” หลินชิงเหอบอก
ดวงตาของเสิ่นอวี้เบิกกว้างมองเธอพร้อมกับอุทานออกมา “พี่รู้จักคนบางคนจริง ๆ เหรอคะ?”
“พี่เองก็ไม่รู้นะว่าจะมีบ้านที่พอจะซื้อได้ไหม อย่าเพิ่งตั้งความหวังสูงเกินไปนะคะ ให้พี่ไปถามรายละเอียดให้เธอก่อน” หลินชิงเหอเอ่ย
“ถ้างั้นต้องรบกวนพี่สาวแล้วล่ะค่ะ ถ้ามีแบบเก่าหรือเล็กกว่าที่ฉันบอกก็ไม่เป็นไรนะคะ” เสิ่นอวี้เอ่ยรัวเร็ว
หลินชิงเหอให้สัญญาและเดินมาถามหญิงพนักงานเกษียณอายุที่เคยเย็บผ้านวมให้เธอ
“หนูอยากได้บ้านเหรอ?” หญิงชราถาม
“ฉันน่ะเหรอคะอยากได้บ้าน? หนึ่งในน้องสาวของฉันอยากแต่งงานแต่บ้านของฝ่ายชายมีห้องไม่พอให้อยู่ต่างหากล่ะคะ พวกเขาก็เลยอยากย้ายออกมาอยู่ข้างนอก” หลินชิงเหออธิบาย
เมื่อหญิงสาวเอ่ยดังนั้น หญิงชราผู้นี้ก็เข้าใจสถานการณ์ในทันที ทุกครอบครัวในทุกวันนี้ต่างมีความต้องการเหมือนกันเลย
“ป้ารู้จักที่หนึ่งนะ แต่มันค่อนข้างโทรมแล้วก็เล็กอยู่น่ะ” คุณป้าเอ่ยขึ้น
เหตุที่หญิงชราคนนี้ให้การช่วยเหลือในสิ่งที่หลินชิงเหอต้องการก็เป็นเพราะว่าเธอนำเนื้อหมูมาขายให้นางบ่อย ๆ
บางครั้งนางยังถามรหัสลับเข้าตลาดมืดกับหลินชิงเหอด้วย
หลินชิงเหอถามหญิงชราว่าพอมีเวลาว่างไหม และตอนนี้นางก็กำลังว่างพอดี นางจึงพาเธอไปดูบ้านหลังนั้น
บ้านหลังนี้เล็กจริง ๆ มันมีพื้นที่ 10 ตารางเมตรอย่างมากและตั้งอยู่ตรงนั้นมานานจนดูเก่าคร่ำคร่า ต้องบอกว่าบ้านแบบนี้หายากยิ่งนัก
อีกฝ่ายหนึ่งเป็นหญิงชราตัวเล็กที่อยู่กับหลานชายเพียงคนเดียว คนในบ้านมีแค่คู่ยายหลานคู่หนึ่งเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...