หลังผ่านเทศกาลไหว้พระจันทร์ในเดือนสิงหาคมไปแล้ว อากาศก็เย็นลงเล็กน้อย
หลินชิงเหอเริ่มนำผ้านวมเมื่อปีที่แล้วกับเสื้อผ้าฝ้ายออกมาซักล้าง ในตอนนี้แสงแดดยังคงแผดจ้าในตอนกลางวันอีกทั้งยังมีลมแรง เหมาะกับการตากผ้ายิ่งนัก
เธอใช้เวลาซักผ้าค่อนข้างนาน แต่อย่างน้อยก็มีโจวซีมาช่วยมันเลยทำให้เธอซักผ้าได้เร็วขึ้น
“ปีนี้เธอสูงขึ้นเยอะเลยนะ” หลินชิงเหอเอ่ยกับโจวซี
ปีนี้โจวซีตัวสูงชะลูดขึ้น เธอเคยเป็นเด็กขาดสารอาหารมาก่อน แต่ในสามปีที่ผ่านมาสองพี่น้องโตขึ้นและได้แต้มค่าแรงมากขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถกินได้อิ่มท้อง แม้สารอาหารที่เธอได้รับจะยังไม่เพียงพอ แต่เธอก็ไม่ใช่ถั่วงอกแคระแกร็นเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว
โจวซียิ้มกริ่ม “อาสะใภ้คะ ภายในปีนี้เมื่อไหร่อาจะเข้าอำเภออีกเหรอคะ?”
“เธออยากซื้ออะไรงั้นเหรอ?” หลินชิงเหอถาม
“หนูอยากซื้อพุทราจีนสักหน่อยน่ะค่ะ” โจวซียิ้มอย่างถ่อมตน
“งั้นคราวหน้าอาจะซื้อมาให้เธอแล้วกันนะ ผู้หญิงน่ะจะดูดีขึ้นถ้าได้กินพุทราจีนเพิ่ม วันหนึ่งเธอไม่ต้องกินเยอะมากหรอก แค่วันละสามหรือห้าลูกก็พอแล้ว” หลินชิงเหอตอบ
โจวซียิ้มไม่เห็นฟันและเอ่ยตอบ “หนูจะเชื่อฟังอาค่ะ”
“เธอยังอยากได้อะไรอีกไหม?” หลินชิงเหอถาม
“เสื้อผ้าของพี่ชายตัวเล็กเกินไปแล้วค่ะ หนูเลยอยากตัดชุดให้เขาใหม่ เมื่อถึงตอนนั้นคุณอาช่วยเก็บเศษผ้ามาให้หนูได้ไหมคะ?” โจวซีเอ่ย
ทุกปีจะมีการออกคูปอง ตอนที่หลินชิงเหอให้ฝ้ายไปกับโจวซีเมื่อคราวที่แล้ว โจวต้งก็ได้ให้คูปองทั้งหมดไว้กับเธอ
ปีนี้ก็มีการแจกคูปองเหมือนกัน ทั้งพี่ชายน้องสาวต่างนำคูปองที่ได้มารวมกัน พวกเขาจึงสามารถซื้อเศษผ้าเพื่อตัดกางเกงให้กับโจวต้งได้
“ได้จ้ะ” หลินชิงเหอรับปาก
ท่านแม่โจวก็เข้ามาช่วยถอดปลอกผ้านวมและซักล้างผ้านวมเหมือนกัน พอมีพวกหล่อนช่วยกันซักสามคน งานก็เสร็จเร็วขึ้น
หลังถอดชิ้นส่วนออกมาซักแล้ว พวกหล่อนก็เย็บมันกลับเข้าไปด้วยกัน เมื่อการเก็บตัวฤดูหนาวในปีนี้มาถึง พวกหล่อนจะได้หยิบมาสวมใส่หรือห่มได้
เมื่อนับตามปฏิทินจันทรคติมันจะตรงกับวันที่สิบห้าสิงหาคม แต่ถ้านับตามปฏิทินสุริยคติมันจะตรงกับกลางเดือนกันยายนพอดี เมื่อถึงสิ้นเดือนนี้ แตรสัญญาณการเก็บเกี่ยวประจำฤดูใบไม้ร่วงจะดังขึ้น
ดังนั้นหลังจากปลอกผ้านวมถูกถอดออกมาซักแล้ว หลินชิงเหอก็เริ่มขยันทำอาหารที่บ้าน
ปลาหนีชิวกับปลาไหลเป็นอาหารสองจานที่ขึ้นโต๊ะบ่อย และหลินชิงเหอก็ได้แลกเปลี่ยนซื้อขายพวกมันมาจากเด็กหนุ่มบางคนในหมู่บ้าน
ถ้าพวกเขาจับปลาหนีชิวหรือปลาไหลได้แต่กินพวกมันไม่หมด พวกเขาก็สามารถนำมาให้และถามความต้องการของเธอว่ารับหรือไม่
ในสายตาของผู้ใหญ่ หลินชิงเหอคือหญิงไม่ดีที่ไม่รู้จักการใช้ชีวิต แต่ในขณะที่เด็ก ๆ หรือแม้แต่เด็กวัยแรกรุ่นมีใครบ้างที่ไม่อิจฉาเจ้าใหญ่กับน้อง ๆ ที่มีแม่อย่างหลินชิงเหอ?
ดังนั้นในสายตาของเด็ก ๆ ชื่อเสียงของหลินชิงเหอนับว่าดีเลิศ
พวกเขาย่อมเชื่อฟังในสิ่งที่เธอพูด
ทันทีที่จับปลาไหลได้ พวกเขาก็จะนำมาให้ จากนั้นหลินชิงเหอก็จะให้เงิน แม้เธอจะให้มาแค่หนึ่งหรือสองเหมา แต่มันก็ไม่อาจซ่อนความปิติยินดีของเด็กแรกรุ่นเหล่านี้ได้
พวกเขารู้สึกว่าแม่ของเจ้าใหญ่ช่างรักษาสัญญาจริง ๆ เมื่อเธอบอกว่าจะขอแลกกับเงิน นางก็ทำตามที่พูด
เป็นเวลาครึ่งเดือนที่หลินชิงเหอสรรค์สร้างปรุงอาหารในทุกวัน เธอต้มแกงจืด ตุ๋นและเคี่ยวผักดอง ทำให้ใบหน้าของโจวชิงไป๋มีเลือดฝาดเพราะได้รับการบำรุงทุกอย่าง
ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น ท่านพ่อโจวก็เหมือนกัน ที่ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเขาดูแข็งแรงมีกำลังวังชาขนาดไหน
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ทั้งครอบครัวก็ยังสะสมปลาหนีชิวกับปลาไหลนาเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลินชิงเหอเป็นคนเลี้ยงพวกมัน
เมื่อถึงสิ้นเดือนกันยายน สัญญาณแตรบ่งบอกถึงการเก็บเกี่ยวประจำฤดูใบไม้ร่วงก็ดังขึ้น
หลินชิงเหอมีประสบการณ์มากพอตัวแล้ว เมื่อช่วงเวลานี้เริ่มต้น พวกเขาก็จะอยู่ในการเก็บเกี่ยวประจำฤดูใบไม้ร่วงจนถึงเดือนพฤศจิกายน นับว่าเป็นฤดูการเก็บเกี่ยวที่ยาวนานมาก
หลินชิงเหอจึงสั่งซื้อนมเพิ่ม
นมอีกขวดหนึ่งถูกเพิ่มมาจากจำนวนที่สั่งซื้อทุกวัน
ท่านแม่โจวถึงกับลังเลที่จะบอกว่ามันไม่จำเป็นต้องซื้อมากขนาดนั้นหรอก
แต่หลินชิงเหอก็พูดว่า “เมื่อเวลานั้นมาถึง ฉันจะขนธัญพืชอีกสองถุงกลับมาบ้านนะคะ แล้วจะส่งไปให้คุณป้าคนนั้นเพื่อแลกเป็นเงินกลับมา”
ถึงเธอจะไม่ได้อธิบายแบบเปิดเผย ท่านแม่โจวก็รู้เรื่องนี้ดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...