แม้การเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงทั้งหมด 45 วันจะเป็นงานที่ใช้กำลังมหาศาล แต่ความปิติหลังจากการเก็บเกี่ยวกลับทวีเพิ่มขึ้นในใจของผู้คนไม่ว่าพวกเขาจะเหนื่อยแค่ไหน
แม้การเก็บเกี่ยวฤดูร้อนจะเพิ่งเกิดขึ้นก็ตาม
แต่มันเป็นเพราะการเก็บเกี่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ต่อชีวิตของผู้คนให้ผ่านพ้นปีนี้ไปได้
ผลผลิตอันบริบูรณ์จากการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงนั้นหมายความว่าพวกเขาจะมีปีใหม่ที่ดี หากผลผลิตการเก็บเกี่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วงไม่ดี พวกเขาก็จะต้องอดอยาก
สำหรับคนรุ่นเก่าแล้ว ไม่มีอะไรที่สุขมากไปกว่าการได้กินอิ่มท้องจริง ๆ
หลังการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วง ผลผลิตก็จะถูกแบ่งให้กับส่วนแบ่งสาธารณะ จากนั้นถึงเป็นการแจกจ่ายอาหาร
แล้วหลินชิงเหอก็คว้าโอกาสจากการแจกจ่ายอาหารนี้
ไม่ว่าจะเป็นธัญพืชชนิดใดก็ตาม เธอจะซื้อมันในปริมาณมาก การซื้อธัญพืชหลายชนิดทำให้เธอรวมรวมมันได้มากกว่า 100 ชั่งเลยทีเดียว
ถ้ามีใครบางคนมาถาม หลินชิงเหอก็จะบอกว่าที่บ้านมีคนอยู่เป็นจำนวนมาก และถ้าพวกเขาต้องการกินให้อิ่มท้อง เธอจะไม่ซื้อผลผลิตพวกนี้ไปในปริมาณมากได้อย่างไร?
เพียงประโยคเดียว เธอก็ทำให้คนเหล่านั้นปิดปากเงียบได้
ทุกคนล้วนคุ้นชินกับการใช้ชีวิตของภรรยาโจวชิงไป๋แล้ว และไม่ตั้งคำถามล้วงลึกเกินไป
ในยุคนี้ที่คนทุกคนกินกันอิ่มอย่างมากหกส่วนถึงเจ็ดส่วน มันเป็นเรื่องปกติที่เธอจะซื้ออาหารไปมากขึ้นหากครอบครัวของเธอต้องการกินให้อิ่มเต็มร้อย
มีแค่โจวชิงไป๋กับท่านแม่โจวเท่านั้นที่รู้ว่าธัญพืชเหล่านี้เอาไว้ขาย ไม่ได้เอาไว้ให้คนในบ้านกิน
ถึงแม้ว่าหลินชิงเหอจะฟุ่มเฟือย แต่เธอก็ไม่เคยกินทิ้งกินขว้าง
อาหารแต่ละมื้อมีปริมาณมากก็จริง ทว่าแต่ละคนจะได้กินกันอิ่มราวแปดส่วนเท่านั้น มีแค่ช่วงการเก็บเกี่ยวฤดูร้อนกับการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงที่เธอยอมให้ทุกคนได้กินกันอิ่มเต็มร้อย
ส่วนเวลาอื่นก็กินกันแค่พออิ่ม พวกเขาไม่อาจกินมากเกินขนาดได้
และนอกจากอาหารจานหลักแล้วก็ยังมีอาหารว่างอีก
ในบางโอกาส หลินชิงเหอมักจะทำซุปงา ถั่วเขียวต้มน้ำตาล โจ๊กข้าวบาร์เลย์ โจ๊กถั่วแดง และโจ๊กพุทราจีน
คนในครอบครัวจึงไม่มีทางหิวเลย
เมื่อมีเวลาว่าง หลินชิงเหอก็มาหาน้องชายสามตระกูลหลิน ซึ่งเขาก็ได้เก็บอาหารไว้ให้เธอ แต่เก็บไว้ไม่มากนัก แค่ 200 ชั่งเท่านั้น
“พี่ครับ ปีนี้เราเก็บเงินได้ราว 30 หยวนแล้ว ผมจะเก็บมันไว้และใช้คืนพี่ทีหลังนะครับ” น้องชายสามตระกูลหลินบอก
หลินชิงเหอได้ฟังแล้วก็ไม่สนใจ “นายเก็บไว้เถอะ รอจนกว่าจะเก็บได้ 100 หยวนแล้วค่อยมาพูดนะ”
หลังเอ่ยดังนี้ เธอก็ขนอาหารที่เก็บไว้และจากไป
ช่วงนี้หลินชิงเหอยุ่งมากอย่างไม่ต้องสงสัย
อาหารทั้งหมดไม่อาจแบ่งมาได้ในคราวเดียว
การเก็บเกี่ยวผลผลิตหมายถึงเมื่อใดที่ธัญญาหารแต่ละชนิดได้รับการเก็บเกี่ยว มันก็จะถูกตากแห้งและส่งส่วนแบ่งสาธารณะให้กับทางการ จากนั้นธัญพืชชนิดนั้นก็จะถูกแจกจ่ายก่อน
ส่วนที่เหลือจะถูกเก็บสะสมและนำมาแจกจ่ายทีหลัง
ดังนั้นหลังจากที่หลินชิงเหอขนธัญพืชชุดแรกออกไปแล้ว เธอก็เริ่มขายธัญพืช
หญิงสาวขายอาหารส่วนใหญ่ไปจนกระทั่งสิ้นสุดการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วง เธอรู้สึกเหนื่อยแต่ก็ได้เงินมาเกือบ 100 หยวน ต่อให้เธอจะอ่อนล้าลงเล็กน้อยก็ไม่เป็นไร
ในยุคนี้คนอย่างน้องชายสามตระกูลหลินสามารถหาเงินได้ 10 กว่าหยวนในวันสิ้นปีเท่านั้น หักลบกับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ไปแล้วก็เหลือเงินเก็บไม่มาก
ดังนั้นมันจึงเป็นความจริงที่ว่าม้าที่ปราศจากหญ้าราตรีจะไม่มีทางอ้วนท้วน คนที่ปราศจากเงินทองนอกรีตจะไม่มีวันรวย
แต่เป็นเพราะหลินชิงเหอมีมิติส่วนตัวอยู่เลยโกงได้ ไม่อย่างนั้นมันก็ยังเป็นเรื่องที่เสี่ยงอย่างมาก
มีคนจำนวนหนึ่งที่กระโจนเข้าสู่อันตรายแบบนี้
โดยเฉพาะยามที่การเก็บเกี่ยวผลผลิตเป็นไปด้วยดีในไม่กี่ปีที่ผ่านมา พวกเขาจึงไม่หิวโหย ดังนั้นจึงมีคนจำนวนหนึ่งคว้าความเสี่ยงนี้ไว้
หลินชิงเหอไม่ได้ขายธัญพืชที่สะสมไว้ให้กับเม่ยเจี่ย ราวกับไม่มีวันขายให้หล่อน
ธุรกิจขายเนื้อหมูนับว่าเพียงพอแล้ว และถือว่าเป็นความลับระหว่างทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าเพิ่มเรื่องขายอาหารเข้าไปด้วย มันจะถือว่าล้ำเส้นเกินไป
ดังนั้นด้านของเม่ยเจี่ยจะได้รับคูปองอาหารจากหลินชิงเหอ มีคูปองอาหารแล้ว เม่ยเจี่ยก็สามารถซื้ออาหารในส่วนของตัวเองได้
วันนั้นเองหลินชิงเหอได้มาหาเม่ยเจี่ยเพื่อรับเนื้อ แล้วเม่ยเจี่ยก็กระซิบอะไรบางอย่างให้เธอฟัง “ทุกวันนี้การตรวจสอบเข้มงวดขึ้นมาก ตอนนี้เราอย่าเพิ่งทำธุรกิจกันเลยนะ ไว้ค่อยทำอีกทีตอนพายุผ่านไปแล้วดีกว่า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...