“อีกไม่นานเสี่ยวเม่ยก็จะคลอดแล้ว ถึงตอนนั้นคุณแม่คงจะยุ่งมาก ถ้าถึงเวลานั้นคุณแม่ก็ทำอาหารจานหลักได้นะคะ ส่วนกับข้าวก็ค่อยรอฉันกลับมาทำให้แล้วกันค่ะ” หลินชิงเหอบอก
เธอรู้สึกว่างานเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว
เพียงมองดูก็รู้สึกว่าช่วงนี้ความคิดของท่านแม่โจวที่มีต่อเธอได้เปลี่ยนไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ
เธอไม่พูดว่าก่อนหน้านี้มันแย่หรอก เพียงแต่ว่ามันยังไม่ถึงระดับนั้น แต่ตอนนี้มันกลับให้ความรู้สึกว่าได้รับความรักใคร่เทิดทูนแทน
เรื่องนี้ทำให้หลินชิงเหอรู้สึกหวั่นไหวปั่นป่วนในใจนิดหน่อย
มันไม่เป็นไรหรอกหากให้ท่านแม่โจวทำอาหารจานหลัก แต่พอเป็นกับข้าวแล้ว ทั้งครอบครัวต้องไม่คุ้นลิ้นแน่
ยิ่งกว่านั้นตอนนี้โจวเสี่ยวเม่ยยังท้องแก่ใกล้คลอดแล้ว หลังคลอดบุตรและอยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกายหลังคลอด เด็กคนนั้นก็จะถูกส่งกลับมาที่นี่
ท่านแม่โจวรู้คร่าว ๆ ว่าลูกสะใภ้กำลังหมายความว่าอะไร นางจึงพยักหน้าและตอบกลับ “งั้นฉันจะเตรียมผักทั้งหลายไว้ให้ เธอก็แค่มาผัดเมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วกัน”
หลินชิงเหอเห็นด้วย
ทันทีที่เจ้าใหญ่กับเจ้ารองกลับมาจากการเก็บผักขม โจวชิงไป๋กับท่านพ่อโจวก็กลับมาจากแปลงนาเช่นกัน
หลินชิงเหอจึงเข้าไปในครัวและต้มเกี๊ยว
ตอนนี้เป็นเดือนสิงหาคมที่อากาศยังคงร้อนอบอ้าว ดังนั้นนอกจากเกี๊ยวแล้ว หลินชิงเหอก็ทำถั่วเขียวต้มน้ำตาลด้วย
ถั่วเขียวต้มน้ำตาลนี้เหมาะที่จะดื่มตอนหนึ่งทุ่ม มันจะช่วยระบายความร้อนจากร่างกายได้ดี
หลังทำอะไรทุกอย่างจนเสร็จและมานอนบนเตียงเตาแล้ว หลินชิงเหอจึงบอกโจวชิงไป๋เกี่ยวกับเรื่องนี้ “คนข้างนอกชมฉันเสียใหญ่โตเชียวค่ะ ถ้าเกิดว่าฉันสอนเด็กนักเรียนไม่ดีล่ะคะ?”
“มันไม่เกิดขึ้นหรอก” โจวชิงไป๋ยิ้ม
“คุณมั่นใจในตัวฉันถึงขนาดนั้นเลยเหรอคะ?” หลินชิงเหอยิ้มกริ่ม
“คุณสอนเจ้าใหญ่กับเจ้ารองดีมากนะ” โจวชิงไป๋ตอบ
ในเมื่อเธอสอนลูกชายทั้งคู่ดีขนาดนี้ ทำไมเธอถึงจะสอนนักเรียนแย่ล่ะ? มันไม่เกิดอะไรแบบนั้นขึ้นหรอก
“แล้วคนข้างนอกยังพูดว่าคุณโชคร้ายที่แต่งงานกับฉันอยู่หรือเปล่าคะ?” หลินชิงเหอเอ่ยเย้า
โจวชิงไป๋มีสายตาอ่อนโยนลง “พวกเขาอิจฉาผมกันหมดล่ะ”
ใช่แล้ว แม้แต่พี่ชายรองกับพี่ชายสามก็ยังอิจฉาเขา
พวกเขาเคยอิจฉาที่เขาเป็นลูกหัวแก้วหัวแหวนของพ่อแม่ต่อให้เขาไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าพวกเขา แม้เขาจะแยกตัวออกมาสร้างบ้านหลังนี้อยู่ แต่มันก็มาจากเงินเดือนที่เขาได้ล้วน ๆ
ต่อมาพวกเขาก็อิจฉาว่าเขามีลูกชายสามคนกับภรรยาของเขาที่ทำอาหารเก่ง มาคราวนี้อิจฉาที่เธอมีความสามารถในการหาเงิน
“พวกเขาชมฉันยังไงคะ?” หลินชิงเหอเลิกคิ้ว
โจวชิงไป๋หัวเราะในลำคอและดึงตัวภรรยาเข้ามากอด
หลินชิงเหอฟังเสียงหัวใจของเขา มันให้ความรู้สึกสงบเหลือเกิน
การขอให้ชายคนนี้พูดอะไรสักอย่างที่ทำให้เธอมีความสุขมันเป็นการกดดันเขาเกินไป เขาไม่ถนัดในเรื่องนี้และไม่มีวันทำได้ด้วย
แต่เขาอุทิศตัวให้เธออย่างเต็มที่ เขามักอดทนกับเธอ ต่อให้บางครั้งเธอจะทำตัวน่ารำคาญไปบ้าง แต่เขาก็ยังใช้ความใจกว้างของเขาทำให้เธอตระหนักรับฟังได้
หลินชิงเหอรู้สึกว่าการได้พบกับเขาคงเป็นชะตาฟ้าลิขิต มันยากเหลือเกินที่เธอจะนึกภาพออกว่าชีวิตที่แต่งงานกับคนอื่นที่ไม่ใช่เขามันเป็นอย่างไร
“ชิงไป๋ ถ้าเกิดวันข้างหน้ามีการฟื้นฟูการสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ฉันจะไปสอบนะคะ หลังสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วฉันจะไปเรียนที่นั่น แล้วก็จะได้กลับมาที่บ้านไม่กี่ครั้งใน 1 ปีน่ะค่ะ” หลินชิงเหอเอ่ยเสียงแผ่วในอ้อมแขนของชายหนุ่ม
“งั้นผมจะรอคุณอยู่ที่บ้านนะ” โจวชิงไป๋เอ่ย
หลินชิงเหอเงยหน้ามองเขา “คุณรู้ใช่ไหมว่าฉันหมายความว่ายังไง”
ที่เธอหมายถึงก็คืออยากให้เขาไปมหาวิทยาลัยกับเธอด้วย ต่อให้ต้องเช่าบ้านอยู่รอบนอกก็ตาม
“ข้างนอกไม่มีแหล่งรายได้หรอก แล้วภาระที่แบกรับมันก็จะหนักมาก” โจวชิงไป๋มองเธอและแจงเหตุผลให้ฟัง
เขาเชื่อคำพูดของเธอโดยไม่มีเงื่อนไขในบางเหตุผล แม้เขาจะไม่รู้ว่าเธอได้ยินข่าวว่าจะมีการฟื้นฟูการสอบเข้ามหาวิทยาลัยมาจากไหน แต่เขาก็เชื่อเธอโดยไม่ลังเล ในวันข้างหน้าอาจมีการฟื้นฟูการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจริง ๆ ก็ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...