หลินชิงเหอไม่รู้เลยว่าชายของเธอกำลังสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง
เธอนอนนิ่งในอ้อมแขนของเขาและยังคงท่องจำศัพท์ภาษาอังกฤษต่อ เธอจำได้ไม่มากหรอก แค่ 20 คำต่อวันเท่านั้น
เธอจำมันในตอนเช้าและตอนนี้ก็จำได้ขึ้นใจแล้ว
หญิงสาวเองก็จำวลีต่าง ๆ ในตอนเช้าด้วยเช่นกัน ยิ่งกว่านั้นยังเป็นวลีที่เธอเคยเรียนมาก่อน ซึ่งต้องกลับมาทบทวนใหม่อีกครั้ง
เด็ก ๆ ต่างมีพลังงานล้นเหลือ พวกเขาดูไม่เหนื่อยเลยหลังเล่นมาทั้งวัน แต่หลินชิงเหอทำแบบนั้นไม่ได้หรอก พอถึงบ่ายโมงเธอก็รู้สึกง่วงเหงาหาวนอนแล้ว
“คุณอยากงีบสักพักไหมคะ?” หลินชิงเหอเก็บตำราภาษาอังกฤษเข้าไปในมิติและเอ่ยถามโจวชิงไป๋
โจวชิงไป๋รู้สึกประหลาดใจที่เห็นหนังสือในมือของเธอหายวับไป เมื่อคืนนี้เขาก็เห็นแบบนี้เหมือนกันภายใต้แสงจากตะเกียง แต่ในตอนนี้เขาเห็นมันตอนกลางวันแสก ๆ
หลินชิงเหอยักคิ้วให้เขา โจวชิงไป๋จึงตอบกลับ “งีบสักหน่อยก็ได้”
ทั้งคู่จึงพากันนอนงีบ ในขณะที่โจวชิงไป๋อยากจะพลิกตัวขึ้นมาอยู่ข้างบน หลินชิงเหอก็ห้ามไว้ “คุณนอนพักไปดี ๆ สิคะ!”
ชายคนนี้ไม่รู้จักว่าเมื่อไหร่ควรหยุดจริง ๆ เขาไม่กลัวตายจากเรื่องนี้เหรอ?
โจวชิงไป๋จึงทำได้เพียงกอดเธอแล้วหลับไป
หลินชิงเหอเป็นคนที่หลับง่าย ไม่ช้านานเธอก็หลับ
แต่โจวชิงไป๋กลับนอนไม่หลับ เขาได้แต่มองภรรยา แต่สุดท้ายแล้วการได้กอดภรรยาในอ้อมแขนก็ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย ไม่นานนักเขาก็หลับตามไป
คนทั้งคู่งีบหลับไปมากกว่าหนึ่งชั่วโมง การนอนบนเตียงในช่วงฤดูหนาวแบบนี้มันช่างอุ่นสบายดีจริง ๆ เมื่อเธอตื่นขึ้นจึงรู้สึกเกียจคร้าน แก้มทั้งสองแดงเปล่งปลั่งดูหวานหยดราวกับน้ำผึ้งหรือลูกท้อ ช่างดูน่าดึงดูดนัก
“ภรรยาครับ” โจวชิงไป๋ตื่นนอนและยังมีพลังงานเต็มเปี่ยม มือใหญ่ของเขาวางอยู่บนเอวของเธอ
หลินชิงเหอรู้สึกพอใจกับการถูกเขาลูบไล้ เธอหรี่ตาลงพลางเอ่ยขึ้น “นับจากนี้คุณทำสามวันครั้งนะคะ เมื่อคืนนี้คุณเพิ่งกินเนื้อไป หลังจากวันนี้อีกสองวันเราค่อยคุยกัน”
“ผมไม่ได้ทำงานนะ” โจวชิงไป๋ยืนกราน
เขาไม่เหนื่อยเลยเพราะว่าไม่มีงาน และนั่นก็หมายความว่าเขาจะไม่เหนื่อยเลยไม่ว่าจะทำกี่ครั้งก็ตาม
หลินชิงเหอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าชายคนนี้คิดอะไรอยู่? เธอยิ้มพลางลูบใบหน้าของเขา “ทำตัวดี ๆ เถอะค่ะ อย่าคิดวอกแวกไปกับเรื่องพวกนี้เลย คุณนวดฉันให้ดี ๆ เถอะค่ะ”
จากนั้นเธอก็หันหน้ากลับและปล่อยให้เขานวดตัวเธอต่อ
ฝ่ามือของชายคนนี้ด้านแข็งแต่กลับให้ความรู้สึกมั่นใจอย่างเหลือล้นและเต็มไปด้วยพลัง อย่างน้อยหลินชิงเหอก็ชอบมัน
เธอไม่ค่อยชื่นชมบรรดาชายหนุ่มหน้าละอ่อนพวกนั้นหรอก เธอชอบชายชาตรีดูเป็นวีรบุรุษแบบนี้มากกว่า
โจวชิงไป๋ไม่ได้เถียงเธอในเรื่องนี้ เขามักมีวิธีทำให้เธอยอมในตอนกลางคืนอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เขาจะยอมนวดตัวให้เธออย่างเชื่อฟังก่อน
หลินชิงเหอรู้สึกว่าชายคนนี้กำลังยั่วเย้าเธออยู่ ต่อให้เขาจะนวดตัวเธอตามปกติ แต่ก็ไม่วายลอบกินเต้าหู้(ลวนลาม)เธอไปด้วย ยิ่งกว่านั้นยังกินด้วยสีหน้าจริงจังดูใสซื่อ
คนทั้งคู่ตัวติดกันบนเตียงเตาครู่หนึ่งก่อนที่บรรดาเด็ก ๆ จะกลับเข้ามา
เมื่อเด็ก ๆ กลับมาแล้วเห็นประตูห้องของพ่อแม่ปิดอยู่ก็บังเกิดความเกรงใจไม่เดินตรงไปเป็นการรบกวน แต่เดินเข้าไปในห้องของพวกเขาแทน
เริ่มจากปีนี้ เด็กชายทุกคนล้วนนอนห้องข้าง ๆ รวมถึงเจ้าสามด้วย
“ลูกชายสามคนของเราช่างซนกันจริง ๆ” หลินชิงเหอรู้สึกจนใจเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กชายทั้งสามในห้องข้าง ๆ
“พวกเขาเชื่อฟังคุณอยู่นะ” โจวชิงไป๋บอก
หลินชิงเหออยากจะหัวเราะออกมาเบา ๆ ทำไมเธอถึงรู้สึกว่ามันเป็นความปรารถนาแรงกล้าที่จะอยู่รอดกันนะ?
“เชื่อฟังฉันก็ดีแล้วนี่คะ ฉันทำอาหารให้กินกับแต่งตัวให้พวกเขาดี ๆ ขนาดนี้ ถ้าพวกเขาไม่เชื่อฟังฉัน ฉันก็จะฟาดด้วยไม้เรียว” หลินชิงเหอกวาดสายตามองเขา
“คุณไม่ต้องทำแบบนั้นหรอก ผมจะทำเอง” โจวชิงไป๋ตอบ
ในครั้งนี้หลินชิงเหออดไม่ได้ต้องหัวเราะออกมาและมองดูเขา “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนถึงพูดว่าถ้าคุณมีแม่เลี้ยง คุณจะมีพ่อเลี้ยงด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...