ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม นิยาย บท 185

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม – บทที่ 185 เจ้าสามมีไข้
บทที่ 185 เจ้าสามมีไข้
โดย
EnjoyBook
บทที่ 185 เจ้าสามมีไข้

ถึงหลินชิงเหอจะรักใคร่ลูกชายทั้งสามมาก แต่เธอก็ไม่ได้หลับหูหลับตาตามใจพวกเขาหรอก

อย่างเช่นถ้าถุงเท้าพวกนี้ยังใส่ได้อยู่เธอก็ให้เขาใส่ต่อ ถึงเขาทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจขนาดไหนก็ไร้ประโยชน์

ต้องรู้ว่ายุคนี้ไม่เหมือนกับยุคสมัยข้างหน้า หากเป็นยุคสมัยหน้าจะซื้อใหม่ก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ในยุคนี้ยังจำเป็นต้องประหยัดเข้าไว้

เพราะทรัพยากรมีอยู่อย่างค่อนข้างจำกัดจริง ๆ

“ครอบครัวเราจนขนาดที่ซื้อถุงเท้าใหม่ไม่ได้เลยเหรอครับ?” เจ้าสามบอกเมื่อเห็นว่าแม่ของเขาปฏิเสธที่จะทำถุงเท้าคู่ใหม่หรือซื้อถุงเท้าคู่ใหม่ให้

“เราจนอยู่จริง ๆ นะ มันไม่ง่ายเลยที่จะเลี้ยงดูพวกลูก ๆ น่ะ” หลินชิงเหอพยักหน้า

“แม่หลอกผม ผมเห็นมากับตาว่าแม่ยังทำกางเกงในตัวใหม่ให้พ่ออยู่เลย!” เจ้าสามตอบ

เขามองแม่ของเขาอย่างกล่าวหาด้วยดวงตาสื่อความหมายว่า ‘แม่รักแต่พ่อไม่เห็นรักผมบ้างเลย’

หลินชิงเหอรู้สึกอับอายเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้ายืนยัน “พ่อต้องใช้ตัวใหม่จริง ๆ น่ะลูก”

“แม่อย่าหลอกผมเลย ผมเห็นมาหมดแล้วว่ากางเกงในของพ่อยังใหม่เอี่ยมอยู่และไม่มีรอยปะชุนสักนิด” เจ้าสามชี้แจง

ตอนนี้พวกเขาโตขึ้นแล้ว จึงเป็นเรื่องยากที่จะหลอกพวกเขา

“งั้นลูกต้องการอะไรล่ะ” หลินชิงเหอเอ่ย

“แม่ทำถุงเท้าคู่ใหม่ให้ผมนะครับ” เจ้าสามยืนกราน

หลินชิงเหอปฏิเสธ “รอปีหน้าก่อนนะ ให้แม่ทำถุงเท้าคู่ใหม่ให้พี่ ๆ ของลูกก่อน ปีนี้ลูกก็ใส่คู่เดิมไปก่อนนะ”

“ผมไม่เอา” เจ้าสามบอก

“ถ้าลูกไม่เอาก็เดินด้วยเท้าเปล่าเหม็น ๆ ไปแล้วกัน” หลินชิงเหอโบกมือ

เจ้าสามได้ยินก็ตะเบ็งเสียงอย่างโกรธขึ้ง “แม่ไม่รักผมเลยสักนิด แม่รักแต่พ่อ!”

“ฟังแบบนี้แล้วแม่เจ็บปวดใจมากนะ” หลินชิงเหอตอบ “แต่ลูกพูดถูกแล้วล่ะ แม่รักพ่อจริง ๆ พวกลูกทั้งหมดต่างเกิดมาจากก้อนดิน แล้วแม่จะรักลูก ๆ ทำไมล่ะ?”

เจ้าสามวิ่งเข้าไปในห้องและนินทาเรื่องนี้กับพี่ใหญ่และพี่รอง

“นายเห็นแม่รักพ่อมากที่สุดคนเดียวหรือไง? แม่น่ะปกติมีอะไรก็ให้พ่อหมดอยู่แล้ว อะไรที่พ่อได้พวกเราก็ไม่ได้ แล้วนายยังจะกล้าแข่งกับพ่ออีกเหรอ?” เจ้าใหญ่เอ่ยด้วยท่าทางปลงตกมานาน

“ใช่แล้ว แม่ช่วยตักโจ๊กให้พ่อคนเดียวเท่านั้นแหละ แล้วยังบอกให้พ่อกินมาก ๆ ด้วย แม่ไม่สนใจพวกเราหรอก พวกเราอยากกินก็กิน ไม่อยากกินก็ไปให้พ้นเท่านั้นเอง” เจ้ารองเอ่ยเสริม

เดิมเจ้าสามอยากมาดึงพี่ชายทั้งสองคนเป็นพันธมิตรสู้ศึก แต่กลับไม่คิดเลยว่าจะได้ยินสิ่งที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนจากปากของพวกเขา!

“เจ้าสาม นายใส่มันเถอะ คิดเสียว่าแม่ตั้งใจปะชุนให้นาย คราวที่แล้วฉันขอให้แม่ทำกระเป๋าสตางค์ผ้าให้ เพราะเห็นว่าแม่ตัดเสื้อให้พ่อ ฉันต้องรอจนกว่าเสื้อของพ่อจะเสร็จแม่ถึงจะเย็บให้น่ะ” เจ้าใหญ่เอ่ยตบบ่าน้องชาย

“ผมเด็กสุดในครอบครัวนี้นะ!” เจ้าสามประกาศ

เขาอายุน้อยที่สุดในครอบครัว ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นคนที่ได้รับความรักมากที่สุดเหรอ? พ่อตัวโตขนาดนั้นแล้ว มีประโยชน์อะไรที่จะรักพ่อล่ะ?

“ถึงเด็กสุดก็ไม่มีประโยชน์ ครอบครัวเราไม่ได้มีธรรมเนียมเหมือนกับครอบครัวอื่นหรอก” เจ้ารองโบกมือ

“แม่ไม่รักผมแล้ว!” เจ้าสามได้ฟังก็อยากจะร้องไห้

เจ้าใหญ่กับเจ้ารองไม่สนใจเขา แม่ของพวกเขาตั้งโจทย์ยากจำนวนหนึ่งให้พวกเขาทำในวันนี้ พวกเขายังแก้โจทย์ไม่เสร็จเลย ดังนั้นสองพี่น้องจึงหันไปแก้โจทย์ที่คั่งค้าง

เจ้าสามที่ถูกลอยแพและอับจนหนทางจึงวิ่งไปที่บ้านของคุณปู่คุณย่า

เขาปรับทุกข์ในเรื่องนี้กับคุณย่า

ท่านแม่โจวอยากจะหัวเราะหลังได้ยิน นางเห็นอยู่เสมอว่าสะใภ้สี่เอาใจลูกชายคนเล็กของนางก่อนใครเพื่อน ส่วนเด็ก ๆ นั้นปล่อยเป็นอิสระ

แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องสอนสั่งคงจะไม่ใช่เรื่องสั้น

“พ่อของหนูต้องทำงานน่ะก็เลยต้องมีเสื้อผ้าใส่ออกไปนอกบ้าน สิ้นปีเราถึงจะได้คูปองผ้ามากมาย การใส่เสื้อตัวใหม่ตลอดไม่ใช่ความคิดที่ดีหรอกจ้ะ” ท่านแม่โจวอธิบาย

“ผมไม่ค่อยได้ใส่เสื้อผ้าใหม่หรอกครับ ผมเคยใส่มันเมื่อนานมากแล้ว” เจ้าสามยืนยัน จากนั้นก็พูดต่อ “ไม่ใช่ว่าที่บ้านไม่มีผ้าเหลือหรอกครับ เพียงแต่ว่าแม่จะกันผ้าส่วนนั้นไว้ให้พ่อ”

“แม่หนูรู้สึกสงสารพ่อหนูที่กลับจากทำงานในทุ่งนามาเหนื่อย ๆ น่ะจ้ะ หล่อนก็เลยอยากตัดเสื้อผ้าที่สวมใส่สบายให้เขาสองตัว หนูเองก็เป็นเด็กดีนี่จ๊ะ ไม่เห็นต้องกังวลเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่เลย” ท่านแม่โจวปลอบ

เจ้าสามยังไม่คล้อยตาม เขาออกไปเล่นกับซูเฉิงน้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม