วันเวลาผ่านไป จนกระทั่งถึงวันแจกจ่ายเนื้อหมูประจำสิ้นปี
หมูอ้วนพีสองตัวของครอบครัวถูกต้อนออกมาตั้งแต่เช้าตรู่
หลังกินอาหารเช้าเสร็จ เจ้าใหญ่ เจ้ารอง และเจ้าสามก็อยากไปดูการเชือดหมู
ซูเฉิงน้อยเองก็อยากไปเหมือนกัน
“ไม่ได้ นายยังเด็กเกินไป ภาพการเชือดหมูไม่เหมาะให้นายดู” เจ้าสามโน้มน้าวเขา
“ผมไม่กลัวหรอก” ซูเฉิงน้อยยืนกราน
เพราะการที่เขามักจะตัวติดกับพี่ชายทั้งหลายนี่เอง จึงทำให้ทักษะภาษาของเขาพัฒนาดีขึ้นมาก
“นายจะฝันร้ายนะหลังจากเห็นเข้า” เจ้ารองเอ่ยเช่นกัน
“ผมไม่กลัวหรอก” ซูเฉิงน้อยยังคงยืนยัน
แต่ท้ายที่สุดแล้วซูเฉิงน้อยก็ไม่ได้ไปดูการเชือดหมูเพราะเขายังเล็กเกินไป เขาตัวเล็กเพียงเท่านี้ ไม่มีทางที่เขาจะได้รับอนุญาตให้ดูหรอก
อย่างไรก็ตามคนที่โจวชิงไป๋พาไปต่างเอามือปิดตาเมื่อเห็นหมูถูกเชือด โดยที่เจ้าใหญ่ยื่นมือมาปิดตาเจ้าสาม ส่วนเจ้ารองก็ปิดตาครึ่งหนึ่งพร้อมกับทั้งร่างเกร็งสะท้านเล็กน้อย
หลังจากเสียงหมูร้องโหยหวนทยอยดังขึ้น หมูทั้งหมดก็ถูกเชือดเสร็จเรียบร้อย
ปีนี้มีหมูสามตัวในหมู่บ้านถูกเชือด ทำให้ทุกครัวเรือนได้ส่วนแบ่งเนื้อหมูจำนวนมาก แต่ถึงอย่างนั้นหมูที่ให้เนื้อมากที่สุดยังคงเป็นหมูสองตัวจากครอบครัวของโจวชิงไป๋ พวกมันช่างอ้วนเหลือเกิน อ้วนพีและแข็งแรงโดยแท้
ปีนี้หลินชิงเหอได้รับเนื้อหมูเพิ่มอีก 3 ชั่งจากปีที่แล้ว มันเป็นเพราะแต้มค่าแรงที่เธอได้จากการเป็นครู และแน่นอนว่ายังมีแต้มค่าแรงจากการเลี้ยงหมูตัวใหญ่สองตัวนี้อีก
หัวหมูยักษ์หนึ่งหัว ซี่โครงเจ็ดหรือแปดซี่ เนื้อติดกระดูก ของพวกนี้คือสิ่งที่ขออยู่แล้วเป็นประจำ
และพวกเขาก็ไม่ลืมที่จะขอลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก และกระเพาะหมูด้วย
ส่วนที่เหลือคือเนื้อติดมัน ซึ่งหลินชิงเหอได้ไป 7 ชั่ง ทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องมองด้วยความอิจฉา แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยว่าอะไรเธอได้
หากพวกเขามีโอกาส พวกเขาก็จะขอมันเหมือนกัน
หลินชิงเหอยังขอเนื้อสามชั้นและเนื้อแดงเป็นจำนวนมากหลังจากได้เนื้อซี่โครงกับเนื้อติดกระดูกไปบางส่วนตั้งแต่ต้น พวกมันเป็นเนื้อชั้นสามที่มีมูลค่าน้อยที่สุด
เนื้อแดงนับว่าเป็นเนื้อชั้นสามเช่นกัน
เนื้อสามชั้นจัดว่าเป็นเนื้อชั้นสอง เนื้อชั้นยอดย่อมเป็นเนื้อติดมันอยู่แล้ว ทุกคนต่างให้ค่าว่ามันเป็นเนื้อส่วนที่ดีที่สุด
เมื่อรวมสิ่งเหล่านี้เข้าด้วยกัน มันก็มีน้ำหนักราว 30 ชั่ง
แน่นอนว่าเป็นเพราะมีส่วนของท่านพ่อโจวรวมอยู่ด้วย
ถึงเป็นเช่นนั้น การนำเนื้อกลับไปมากขนาดนั้นก็ยังสร้างความอิจฉาให้กับคนอื่น ๆ
แต่ในบางครั้งคนเราก็ไม่สามารอิจฉาใครได้
ก่อนหน้านี้ทุกคนไม่ได้คาดหวังอะไรมากจากครอบครัวของโจวชิงไป๋
วลีที่ว่า สามสิบปีธาราไหลสู่บูรพา สามสิบปีต่อมาหวนสู่ทิศประจิม มีความหมายได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงไปเอาแน่เอานอนไม่ได้ ไม่ใช่คำโกหกแต่อย่างใด
ตอนนี้ครอบครัวของเขาได้แต้มค่าแรงเท่าไหร่แล้วล่ะ?
มีทั้งแต้มค่าแรงจากการเลี้ยงหมู 2 ตัว อีกทั้งปุ๋ยคอกที่ได้จากหมู 2 ตัวนี้ก็นับเป็นค่าแรงด้วย รวมกับแต้มค่าแรง 10 แต้มของโจวชิงไป๋ แต้มค่าแรง 8 แต้มของท่านพ่อโจว หลินชิงเหอเองก็ได้แต้มค่าแรง 5 แต้มเหมือนกัน อีกทั้งยังได้เงินเดือน 13 หยวน พ่วงด้วยของแถมอย่างคูปองอาหารและคูปองผ้าอีก
ตอนนี้เจ้าใหญ่กับเจ้ารองโตแล้ว พวกเขาสามารถเก็บผักขมได้เป็นจำนวนมากหลังเลิกเรียน และได้แต้มค่าแรงมาอีก 1 หรือ 2 แต้ม
ต่อให้ท่านแม่โจวจะไม่ได้ลงทำงานในทุ่งนาในครึ่งปีแรก นางก็ออกไปเก็บผักขมเช่นกันในตอนที่โจวเสี่ยวเม่ยยังไม่ส่งเงินค่าจ้างเลี้ยงดูบุตรมา ซูเฉิงน้อยตัวโตขึ้นแล้วและวิ่งตามเจ้าสามราวกับเงา นางจึงไม่ต้องเลี้ยงดูเขา ทำให้นางได้แต้มค่าแรงในจำนวนมากทีเดียว
ดังนั้นในปีนี้พวกเขาจึงได้รับส่วนแบ่งเนื้อมากเหลือเกิน
ปีนี้สะใภ้ใหญ่ได้รับเนื้อไป 4 ชั่ง สะใภ้รองก็เช่นกัน ส่วนสะใภ้สามได้น้อยกว่าเล็กน้อยคือ 3 ชั่งหรือราว ๆ นั้น
ช่วยไม่ได้ที่ปีนี้หล่อนมีครรภ์แก่ เลยทำงานได้แค่ครึ่งปีแรกเท่านั้น หลังจากนั้นหล่อนก็ได้แต่ฝืนทำ
แน่นอนว่าระหว่างการบำรุงร่างกายหลังคลอดในครึ่งปีหลัง หล่อนกินดีอยู่ดีมาก
ซูต้าหลินไม่เคยดูแคลนพื้นที่แห่งนี้เลย เขามักจะนำไข่หรือชิ้นเนื้อและปลามาด้วยในทุกครั้งที่มาเยือน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมสะใภ้สามถึงได้กินอยู่อย่างดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...