เมื่อพักเรื่องพี่สาวรองบ้านโจวไปแล้ว ทุกคนก็ยังมีความสุขกับวันขึ้นปีใหม่อันแสนวิเศษ
ปีนี้เจ้าสามได้ถุงเท้าคู่ใหม่ ทำให้เขาดีใจจนแทบจะลอยขึ้นฟ้า เขาอยากได้มันมานานแล้ว แต่แม่ของเขาก็ไม่ทำให้สักที
แต่เขาไม่คิดเลยว่าเธอจะทำให้เขาแล้วแอบซ่อนไว้
หลินชิงเหอใช้โอกาสนี้สั่งสอนเด็กดื้อตัวน้อยคนนี้อีกครั้งและทำให้เขารู้ว่าเธอจะไม่ให้ของแต่อย่างใดต่อให้เขาจะโมโหโกรธาขนาดไหนก็ตาม แต่จะให้ของตามความสมควรว่าจะให้
วันที่สองของวันขึ้นปีใหม่สงวนไว้ให้การกลับมาของพี่สาวรอง ทั้งครอบครัวจึงมีวันเวลาเป็นของตัวเองในวันที่สาม
ปีนี้เจ้าสามตัวสูงอย่างรวดเร็ว หลินชิงเหอจึงไปที่บ้านตระกูลโจวเพื่อขอยืมจักรยานอีกคัน โดยที่โจวชิงไป๋ให้เจ้าใหญ่กับเจ้ารองซ้อนท้าย ขณะที่หลินชิงเหอให้เจ้าสามนั่งซ้อน
ทั้งครอบครัวเข้ามาในอำเภอเพื่อหาความสำราญใจด้วยจักรยาน 2 คัน
จากการได้เห็นประเพณีครอบครัวอย่างการเที่ยววันเดียวในอำเภอเนื่องในเทศกาลปีใหม่ของครอบครัวเธอ ชาวบ้านล้วนเคยส่ายหน้าและบอกว่าหลินชิงเหอช่างไม่รู้จักใช้ชีวิตเอาเสียเลย
แต่หลังจากที่เธอยกระดับตัวเองจากหลินชิงเหอเป็นคุณครูหลิน ทุกคนจึงได้มีความคิดเห็นเปลี่ยนไป
บรรดาผู้ชายต่างอิจฉาโจวชิงไป๋ ขณะที่เด็ก ๆ อิจฉาเจ้าใหญ่และน้อง ๆ
นี่สิถึงเรียกว่าการใช้ชีวิต ในแต่ละวันมันควรจะเป็นแบบนี้!
พวกเขาสนุกสนานกันหนึ่งวันเต็ม ได้ถ่ายรูปที่ควรจะได้ถ่ายและกินอาหารในภัตตาคารที่ควรจะได้เข้า แถมยังได้ดูหนังก่อนจะกลับบ้านด้วย
“แม่ครับ รูปเมื่อคราวที่แล้วไปไหนหมดเหรอครับ? แม่หยิบมาให้ผมดูได้ไหม? ผมอยากดู” เจ้ารองเอ่ยในทันทีที่กลับถึงบ้าน
เด็กคนนี้จะมีอายุครบ 8 ขวบหลังปีใหม่นี้ ซึ่งหลินชิงเหอจำได้ว่าตอนที่เธอมาถึงครั้งแรก เจ้ารองมีอายุแค่ 3 ขวบ ยังเป็นเด็กเล็กคนหนึ่งเท่านั้นเอง
ไม่ใช่แค่เขา เจ้าใหญ่เองก็เหมือนกัน ตอนนั้นเขาตัวเล็กกว่าเจ้าสามในตอนนี้อีก
แม้หลังปีใหม่นี้เจ้าสามจะมีอายุเพียง 6 ขวบ แต่เขาก็ตัวสูงกว่าพี่ชายคนโตของเขาตอนอายุเท่านี้อยู่เล็กน้อย
ช่วยไม่ได้ที่เธอทะลุมิติมาตอนที่เจ้าสามยังเล็ก เขาเลยได้รับการบำรุงตั้งแต่ในตอนนั้น จึงทำให้เขามีการเติบโตที่เร็วกว่าพี่ชาย
และแน่นอนว่าตอนนี้เจ้าใหญ่ก็ไม่เตี้ยเลย
เธอหยิบรูปถ่ายเมื่อก่อนหน้านั้นให้พวกเขาดู สามพี่น้องมามุงดูรอบ ๆ และเริ่มมองหาตัวพวกเขาเอง
“เมื่อก่อนผมเป็นแบบนี้เหรอครับ?” รูปที่เด็กที่สุดของเจ้าสามคือตอนที่เขามีอายุ 2 ขวบ และเป็นปีแรกที่หลินชิงเหอมาอยู่ที่นี่ เขาได้เข้าไปในอำเภอ ก็เลยเป็นเรื่องปกติที่จะมีรูปของเขาอยู่
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาเห็นรูปเก่า ๆ แต่ถึงอย่างนั้นสามพี่น้องก็ยังมองดูกันอย่างกระตือรือร้น ทุกครั้งที่เห็นแต่ละรูป แต่ละคนก็จะถามขึ้นมาทันทีว่า ‘เมื่อก่อนผมเป็นแบบนี้เหรอ?’
ทันทีที่โจวเสี่ยวเม่ยกับซูต้าหลินเข้ามาในบ้าน พวกเขาก็มามุงดูรูปถ่ายด้วย
โจวเสี่ยวเม่ยถึงกับไม่อยากเชื่อ การถ่ายรูปที่ต้องถ่ายทุกปีช่างเป็นเรื่องที่ดูฟุ้งเฟ้อจริง ๆ
การถ่ายรูปในยุคนี้ไม่นับว่าถูกเลย มันต้องใช้เงินอย่างน้อยสิบกว่าหยวนในการถ่ายรูปเป็นจำนวนมากต่อครั้งหนึ่ง ๆ
ซึ่งมันมีค่าเกือบเท่าเงินเดือนเดือนหนึ่งของซูต้าหลินเลยทีเดียว
หลินชิงเหอไม่สนคำพูดอะไรใด ๆ มันก็แค่ถ่ายครั้งหนึ่งต่อปี ใช้เงินเพียงไม่กี่สิบหยวนเท่านั้น แล้วเธอจะไม่ใช้เงินไปกับเรื่องนี้ได้อย่างไรล่ะ?
ชีวิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับฟืน ข้าว น้ำมัน เกลือ เครื่องปรุงรส น้ำส้มสายชู และชาสักหน่อย บางครั้งมันก็ต้องทำอะไรที่เป็นขนบประจำบ้านในการเพิ่มความสุขในครอบครัวบ้าง
ชั่วพริบตาเดียว เทศกาลต้อนรับฤดูใบไม้ผลิของปี 1974 ก็ผ่านพ้นไป
เวลาระหว่างการปลูกข้าวสาลีฤดูหนาวกับการไถพรวนประจำฤดูใบไม้ผลิเป็นช่วงเวลาที่ชาวนาทั้งหลายว่างที่สุดในรอบปี ผู้คนจำนวนมากจึงมักหาฤกษ์ยามแต่งงานกันในช่วงนี้
ในวันที่สิบห้าของเดือนแรกทางจันทรคติ หลินชิงเหอก็ได้ทำถังหยวน หรือขนมบัวลอยจีน หม้อหนึ่งเป็นอาหารเช้า
งาและถั่วที่อยู่ในก้อนบัวลอยทำให้เด็กชายรู้สึกพอใจ เนื่องจากหลินชิงเหอเบื่อจะตายแล้ว เธอไม่สามารถนั่งอ่านหนังสือได้ทั้งวันจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะทำมันขึ้นมา และถือว่าการทำอาหารอร่อย ๆ เป็นการทำสมาธิอย่างหนึ่ง
และในวันที่สิบหก โจวซีก็มาหาเธอ
แม้จะมีท่าทางขัดเขินเล็กน้อย แต่โจวซียังคงเอ่ยถึงการแต่งงานของโจวต้งผู้เป็นพี่ชายของเธอโดยคร่าว ๆ
หลังนับอายุดู ปีนี้โจวต้งผู้เป็นพี่ชายของเธอมีอายุ 20 ปีแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...