แน่นอนว่ามันเป็นมุมมองชีวิตในสายตาของหลินชิงเหอเอง
เธอไม่ได้พูดออกไปดัง ๆ หากท่านแม่โจวจับได้แม้แต่เสี้ยวเดียว นางคงจะคิดมากแน่ ๆ
แตงโมลูกใหญ่ที่นำกลับมาได้ถูกแบ่งกินภายในครอบครัว ซึ่งแต่ละคนได้กินคนละชิ้นและขอมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเป็นเรื่องที่ดี
มีเพียงสองหรือสามครอบครัวในหมู่บ้านเท่านั้นที่สามารถซื้อแตงโมได้
แต่เมื่อหลินชิงเหอเห็นโจวเซี่ยแทะเล็มเปลือกแตงโมที่เจ้าสามกินเสร็จแล้ว เธอก็รู้สึกไม่สบายใจ
หากสะใภ้รองมาเห็นเข้าหล่อนต้องโมโหแน่
“เซี่ยเซี่ย ทิ้งเปลือกแตงโมไปเถอะ” หลินชิงเหอเดินเข้าไปหาและมอบลูกอมสองเม็ดให้เขาเพื่อให้เขาทิ้งเปลือกแตงโมนั้นไป
“ขอบคุณอาสะใภ้สี่ครับ” โจวเซี่ยดีใจอย่างมาก เขาทิ้งเปลือกแตงโมไร้รสชาติไปแล้วรับลูกอมนมไว้แทน
“ตอนนี้หนูเรียนเป็นไงบ้างน่ะ?” หลินชิงเหอถาม
“ผมพยายามฟังอย่างจริงจังอยู่ครับ” โจวเซี่ยได้แต่ตอบไปแบบนั้น
ตอนนี้เจ้ารองเรียนอยู่ในภาคการศึกษาปลายของชั้นประถมปีที่สาม ขณะที่โจวเซี่ยยังคงอยู่ชั้นประถมปีที่สอง เหตุผลที่เขาสอบผ่านมาได้สำเร็จก็เป็นเพราะความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องจากเจ้ารอง ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องซ้ำชั้นแน่
ในหมู่บ้านนี้มีเด็กเรียนซ้ำชั้นอยู่เยอะมาก
แต่ผลการสอบของโจวเซี่ยนับว่าเฉียดฉิวจะสอบตกแหล่ไม่แหล่เหมือนกัน
“ถ้าหนูไม่เข้าใจก็มาถามอานะ” หลินชิงเหอจะพูดอะไรได้อีกล่ะ?
“ครับ” โจวเซี่ยพยักหน้าและกลับบ้านไปพร้อมลูกอม
เขาไม่ได้เขมือบลูกอมทั้งสองเม็ด แต่กลับให้อีกเม็ดหนึ่งกับน้องสาวคนเล็ก
“ทำไมหนูไม่ได้ล่ะ?” โจวลิ่วนีเห็นเข้าก็ถามเขา
“อาสะใภ้สี่ให้มาแค่สองเม็ด ฉันจะให้เธอได้ยังไงล่ะ?” โจวเซี่ยตอบ
โจวลิ่วนีฟังแล้วจึงรู้สึกไม่พอใจ “ชีวิตของคุณอาออกจะดีขนาดนี้ ทำไมหล่อนไม่ให้มาเยอะกว่านี้ล่ะ? ให้มาแค่สองเม็ดเนี่ยนะ! คุณอาซูต้าหลินยังให้เยอะกว่าหล่อนเลย!”
โจวซานนีย่นคิ้ว “น้องพูดอะไรน่ะ?”
“พี่อย่ามายุ่ง!” โจวลิ่วนีพองแก้ม
สะใภ้รองคว้าไม้เรียวเตรียมฟาดสั่งสอน โจวลิ่วนีจึงวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว และมาเตร็ดเตร่ที่บ้านของอาสะใภ้สี่
หลินชิงเหอเห็นหล่อนในตอนที่ออกมารดน้ำ
“อาสะใภ้สี่คะ อาให้ลูกอมกับพี่ชายหนูสองเม็ดเหรอคะ?” โจวลิ่วนีถามด้วยรอยยิ้ม
“อืม” หลินชิงเหอทำเพียงเหลือบมองหล่อน จากนั้นก็หมุนตัวกลับเข้าบ้าน
เธอไม่มีความรู้สึกดี ๆ กับลูกสาวคนรองของสะใภ้รองนัก เด็กคนนี้เป็นคนสองหน้า นิสัยเหมือนแม่ของหล่อนไม่มีผิด
แม้สะใภ้รองจะเว้นระยะห่างจากหวังหลิงแล้ว แต่มันก็มีนิสัยบางอย่างที่ยากจะเปลี่ยนแปลงต่อให้ปรับปรุงตัวแล้วก็ตาม
เมื่อเห็นว่าอาสะใภ้สี่ไม่สนใจ โจวลิ่วนีก็กระทืบเท้า “ผู้หญิงใจร้ายใจดำ!”
พูดดังนี้หล่อนก็หันหลังเตรียมกลับบ้าน แต่เมื่อหันหลังมาก็เห็นเจ้าสามยืนอยู่ข้างหลังด้วยสีหน้ามืดครึ้ม
โจวลิ่วนีถึงกับสะดุ้งตกใจ “เจ้าสาม นายทำอะไรน่ะ? มาแบบนี้ตกใจแทบตายเลยนะ!”
“คราวหน้าอย่ามาที่บ้านฉันอีกนะ กล้าพูดว่าแม่ของฉันเป็นผู้หญิงใจร้ายใจดำแบบนี้ ฉันว่าคนที่ใจร้ายใจดำที่สุดน่ะคือเธอต่างหาก!” เจ้าสามโต้กลับ จากนั้นก็หันหลังเดินเข้าบ้าน
โจวลิ่วนีแผดเสียงร้องทันที “อย่ามาสั่งฉันนะ!”
เจ้าสามเมินหล่อนเสีย เขาเดินเข้าไปในบ้านและฟ้องแม่ในทันทีว่าโจวลิ่วนีพูดจาให้ร้ายลับหลังเธอ
หลินชิงเหอแค่นเสียงหลังได้ยินดังนี้ “อย่าไปสนใจหล่อนเลย ฟังดูแล้วยัยเด็กคนนี้มีกำพืดไม่ดีนักหรอก”
“ใครมีกำพืดไม่ดีกัน?” ในตอนนี้เองท่านแม่โจวก็ได้กลับมาพอดีพร้อมกับซูสวิ่นน้อย
“ไม่มีอะไรค่ะ” หลินชิงเหอไม่อยากพูดอะไรอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...