หลินชิงเหอสอนวิชาคณิตศาสตร์ชั้นปีแรกราว 2-3 ห้องเรียน
นับจากภาคการศึกษาแรกของปีที่แล้วจนถึงภาคการศึกษาที่สองของปีนี้ หลินชิงเหอได้สอนนักเรียนเป็นกลุ่มแรก เธอไม่ค่อยสันทัดวิชาภาษาจีนนัก แต่เมื่อเป็นวิชาคณิตศาสตร์ เธอก็ทำให้นักเรียนจากชั้นที่เธอสอนมีอัตราสอบผ่านสูงมาก
ในกลุ่มพวกเขา มีนักเรียนเกือบสิบคนที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันคณิตศาสตร์ และสองคนในนั้นได้อันดับสาม
แม้ของรางวัลที่พวกเขาได้จะเป็นแก้วเคลือบคนละใบ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาก็นับว่าดีไม่น้อย
ทั่วทั้งโรงเรียนมัธยมต้นประจำอำเภอนับจนถึงตอนนี้ มีเพียงนักเรียนที่หลินชิงเหอสอนเท่านั้นที่ชนะรางวัลจากการแข่งขันครั้งนี้
ต่อให้จะได้แค่ที่สามก็ตาม
ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครตั้งคำถามเกี่ยวกับคุณภาพการสอนของหลินชิงเหอในโรงเรียน
แม้แต่บัณฑิตรุ่นเยาว์ที่ถูกเธอสยบได้ในครั้งก่อนก็ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ พวกเขายังคงจับตามองทักษะการสอนของเธออยู่
เห็นชัดว่าหลินชิงเหอไม่ให้โอกาสพวกเขาแม้แต่น้อยตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงจุดจบ
เจ้าใหญ่เองก็อยู่ในชั้นเรียนนี้ด้วย นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นแม่ของตัวเองในฐานะคุณครู ทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปได้
แม่ของเขาช่างดูโดดเด่นเป็นสง่าเหลือเกิน ใครที่มองถึงกับละสายตาจากเธอไม่ได้เลย
จนถึงตอนเลิกชั้นเรียน เจ้าใหญ่ก็ยังไม่ออกจากภวังค์ในเรื่องนี้
แม่ของเขาในด้านนี้ช่างต่างจากแม่ของเขาที่บ้านเหลือเกิน
เป็นเรื่องปกติที่จะมีคนบางคนในห้องเรียนรู้ว่าคุณครูหลินเป็นแม่ของโจวข่าย
เจ้าใหญ่มีชื่อจริงว่าโจวข่าย ชื่อเล่นอย่างเจ้าใหญ่เป็นชื่อที่เรียกกันที่บ้าน แต่เมื่ออยู่นอกบ้านแล้วทุกคนจะเรียกเขาว่าโจวข่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่โรงเรียน
“โจวข่าย คุณครูหลินเป็นแม่ของนายเหรอจ๊ะ?” เพื่อนร่วมชั้นผู้หญิงคนหนึ่งถาม
“อืม” เจ้าใหญ่ส่งเสียงตอบ ไม่มีเหตุผลที่เขาจะไม่ยอมรับมัน โรงเรียนมัธยมต้นนี้ไม่ไกลจากบ้านนัก มันคงจะดูเสแสร้งเกินไปหากจะจงใจปฏิเสธ
แน่นอนว่าเหล่านักเรียนรอบ ๆ ต่างไม่ประหลาดใจ แค่รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
มองแม่ของโจวข่ายแล้วก็ชวนให้อัศจรรย์ใจ แน่นอนว่าแม่ของพวกเขาเองก็ไม่ได้แย่ แต่แค่…แค่ไม่ดีเท่าคุณครูหลินเท่านั้นเอง
โจวข่ายหรือเจ้าใหญ่ไม่เอ่ยอะไร หลังพักการเรียนการสอน 10 นาที คุณครูอีกคนก็เข้ามาในห้องเรียน
โรงเรียนมัธยมต้นต่างจากโรงเรียนประถมอยู่ ตรงที่โรงเรียนมัธยมต้นในตอนนี้มีการเรียนการสอนหลายวิชา ไม่ได้มีแค่วิชาภาษากับคณิตศาสตร์เท่านั้น
โจวข่ายปรับตัวได้อย่างดีเยี่ยม เขาผูกมิตรในชั้นเรียนได้อย่างรวดเร็วและปรับตัวเข้ากับชีวิตในปีการศึกษาใหม่ได้เป็นอย่างดี
เขากลับมาที่บ้านพร้อมกับหลินชิงเหอหลังเลิกเรียน
“แม้ชั้นมัธยมต้นจะมีเวลาศึกษาเพียงแค่ 2 ปี แต่ 2 ปีนี้ก็เป็นช่วงสำคัญต่อการวางรากฐานเหมือนกัน หลังจากนั้นจะเป็นการศึกษาชั้นมัธยมปลายปีที่ 1 กับปีที่ 2 ” หลินชิงเหอบอกเขา
ชั้นมัธยมปลายในยุคนี้ก็เป็นเหมือนกับชั้นมัธยมต้นตรงที่ไม่มีชั้นปีที่สามเหมือนกัน
ตอนนี้เจ้าใหญ่เรียนอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่ง ด้วยจังหวะนี้แล้วเขาจะเข้าชั้นปีที่ 2 ของโรงเรียนมัธยมปลายในปี 1977 อันเป็นปีที่มีการฟื้นฟูการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
เขาจะทันเข้าร่วมการสอบเข้ามหาวิทยาลัยปีที่ 2 แต่ถ้าเขาไม่สามารถสอบทันการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีแรก ในภายภาคหน้าการแข่งขันก็จะสูงมากกว่านี้
เนื่องจากจู่ ๆ ก็มีการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีแรกซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน มันเลยไม่มีเวลาเตรียมตัวมากนัก มันง่ายนักหรือที่เหล่าบัณฑิตทั้งหลายจะทบทวนความรู้ที่ได้หลงลืมไปนานมากแล้ว?
แต่ในปีที่ 2 ช่างแตกต่างออกไป
ในปีที่ 2 จะมีคนเข้าร่วมจำนวนมาก พวกเขาต่างกระหายและใคร่อยากจะกลับเข้าไปในเมืองเหลือเกิน ดังนั้นเจ้าใหญ่ต้องตีตั๋วรถสอบเข้าในครั้งแรกกับเธอให้ได้
เนื่องเพราะเมื่อมีการฟื้นฟูการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีที่ 2 มันก็จะมีวิชาภาษาอังกฤษเป็นวิชาบังคับสอบ ซึ่งหลินชิงเหอไม่มีเวลาสอนเขาตอนอยู่ที่บ้านแม้แต่น้อย
“แม่เหมือนจะรีบหรือเปล่าครับ?” เจ้าใหญ่ถาม
หลินชิงเหอยิ้ม “แม่รีบนิดหน่อยน่ะ ดังนั้นนับจากวันนี้ วิชาเรียนของลูกก็จะก้าวหน้าขึ้นอีกขั้น บางทีเมื่อเทอมนี้สิ้นสุด แม่ก็จะให้ลูกเลื่อนชั้นไปเรียนเทอมปลายของชั้นปีที่ 2 เลย”
เจ้าใหญ่อึ้งไป “แม่มีแผนแบบนี้เหรอครับ?”
“ลูกทำได้ไหมล่ะ?” หลินชิงเหอถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...