หลินชิงเหอที่คำนวณเวลาก็เริ่มจงใจเร่งรัดหลักสูตรการเรียนให้เจ้าใหญ่ เธอแนะแนวการศึกษาหลัก ๆ ให้เขาเรียน ซึ่งตำราเรียนเหล่านี้เป็นสิ่งที่เธออ่านมาทะลุปรุโปร่งแล้ว จึงรู้แน่ชัดว่าจุดไหนสำคัญและจุดไหนไม่สำคัญบ้าง
นอกจากนี้เจ้าใหญ่ยังฉลาดและมีความจำดี เขาจึงเรียนรู้มันได้โดยแทบไม่ต้องพยายาม
เพียงแต่ว่าเขาไม่อาจเรียนไปด้วยทำงานที่บ้านไปด้วยได้
“คราวหน้าลูกสองคนออกไปเก็บผักขมนะ พี่ใหญ่ของลูก ๆ ช่วงนี้กำลังยุ่งและไม่มีเวลาว่างน่ะ ลูก ๆ เข้าใจไหม?” หลินชิงเหอสั่งงานเก็บผักขมแลกแต้มค่าแรงให้กับเจ้ารองและเจ้าสาม
เจ้ารองไม่แย้งอะไร แต่เจ้าสามกลับเริ่มบ่น “พี่ใหญ่กำลังจะกลายเป็นบัณฑิตไร้ประโยชน์เหรอครับ? เขาจะไม่ทำงานอีกแล้วเหรอ?”
“ตอนที่พี่ใหญ่ทำงาน ลูกก็ได้เล่นไปเยอะแล้วนี่” หลินชิงเหอชี้ประเด็นก่อนตบก้นของเด็กชายตัวน้อย “หยุดพูดได้แล้ว พี่ใหญ่ของลูกกำลังยุ่งกับการเรียนหนังสืออยู่”
เจ้าสามแค่พูดเฉย ๆ เท่านั้น แต่ก็ยอมแบกรับภาระใหญ่หลวงในการเลี้ยงดูครอบครัวอยู่ดี
เจ้าใหญ่อยากจะบอกว่าไม่จำเป็นแต่แม่ของเขาก็ไม่เห็นด้วย ช่วงนี้เธอให้เขาเรียนหนักมาก เนื่องเพราะภาคการศึกษานี้มีสิ่งที่ต้องเรียนอยู่เต็มไปหมด
แม่ของเขาอยากให้เขาเรียนทุกสิ่งทุกอย่างในชั้นมัธยมศึกษาปีแรกให้หมด เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ยามวันหยุดฤดูหนาวมาถึง เขาจะได้เรียนเนื้อหาส่วนของภาคการศึกษาแรกในชั้นปีที่ 2 จากนั้นเมื่อโรงเรียนเปิด มันก็จะเป็นเรื่องง่ายในการเลื่อนชั้นไปเรียนภาคการศึกษาปลายของชั้นปีที่ 2
ต่อให้มันจะค่อนข้างรวบรัด แต่พ่อของเขาก็บอกให้เชื่อฟังแม่และอย่าตั้งคำถาม
ท่านแม่โจวไม่เข้าใจเรื่องนี้ นางเลยมาถามหลินชิงเหอ “แม่เจ้าใหญ่ มันจะไม่เป็นการเร่งรัดเจ้าใหญ่เกินไปเหรอ? เขาไม่ได้อายุมากขนาดนั้นนะ”
ปีนี้เจ้าใหญ่มีอายุ 10 ขวบเท่านั้น ด้วยอายุเท่านี้ก็บอกได้ว่าเขาเป็นนักเรียนที่เด็กที่สุดในชั้นเรียน
เด็กจากครอบครัวอื่นในตอนอายุ 10 ขวบอาจไม่จำเป็นต้องเข้าเรียนชั้นมัธยมปีที่ 1
“เขายังเด็ก แต่เขาก็ตัวสูงมากนะคะ ต่อให้เขาเรียนในปีนั้นก็ไม่มีใครรังแกเขาหรอกค่ะ คุณแม่อย่ากังวลไปเลย” หลินชิงเหอบอก
“แต่มันเร็วเกินไปนะ ฉันคิดว่าเจ้าใหญ่ช่วงนี้ดูผอมลงไปหน่อยล่ะ การเรียนช่างใช้พลังสมองเยอะจริง ๆ” ท่านแม่โจวยืนกราน
หลินชิงเหอไม่รู้สึกว่าตอนนี้เจ้าใหญ่ผอมลงเลย แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่การเรียนหนังสือต้องใช้พลังสมองอย่างมาก ในตอนนี้เธอเลยสั่งนมเพิ่มเป็น 5 ขวดต่อวัน
แน่นอนว่ามันใช้เงินจำนวนมาก แต่ในความคิดของหลินชิงเหอแล้ว หากเจ้าใหญ่เลื่อนชั้นได้ เขาก็จะประหยัดค่าเล่าเรียนไปได้ มันก็ถือว่าเจ๊ากันไป
การเก็บเกี่ยวประจำฤดูใบไม้ร่วงจะเริ่มในสิ้นเดือนนี้ หลินชิงเหอได้เริ่มรวบรวมปลาไหลนาและปลาหนีชิวแล้วเช่นกัน
โจวชิงไป๋กินปลาไหลมากเกินไปจนถึงกับพลิกเธอกลับไปกลับมาในตอนกลางคืนไม่หยุด
“นี่ก็ใกล้การเก็บเกี่ยวประจำฤดูใบไม้ร่วงแล้ว คุณต้องประหยัดพลังงานหน่อยนะคะ” หลินชิงเหอบ่นขณะกระแทกตัวใส่เขา
แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีเวลาคุยกันอีก ตอนนี้โจวชิงไป๋เป็นสารถีมากประสบการณ์แล้ว เขารู้โดยตลอดว่าจะกระตุ้นเธอให้กอดเขาและปล่อยให้เขาทำตามใจชอบได้อย่างไรบ้าง
โจวชิงไป๋รู้สึกพอใจอย่างมาก ทันทีที่เสร็จกิจ เขาก็กอดเธอไว้ในอ้อมแขนและเอ่ยขึ้น “คุณอย่ากังวลเรื่องของเจ้าใหญ่ไปเลย ถ้าเขาสอบได้ทันเวลาก็ให้เขาสอบเถอะ แต่ถ้าเขาสอบไม่ทันก็ไม่เป็นไร”
เขาเองก็จำได้ในเรื่องที่เธอเคยบอกว่าในปี 1977 จะมีการฟื้นฟูการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ตอนนี้เป็นปี 1974 แล้ว เท่ากับว่ายังเหลือเวลาอีกไม่กี่ปี
“หากเขาทำไม่ได้ เขาก็อาจจะสอบไม่ผ่านในปีที่ 2 ให้เขาลองสอบดูก่อนเถอะค่ะ ถ้ามันไม่ได้ผลจริง ๆ ก็ช่วยไม่ได้แล้ว” หลินชิงเหอเอ่ยเสียงเอื่อยเฉื่อย
“อีกรอบนะครับ” โจวชิงไป๋มองเธอและเอ่ยออกมา
หลินชิงเหอปฏิเสธ เธอบอกให้เขานอนดี ๆ และหยุดขยับตัวได้แล้ว หลังจากทำงานมาทั้งวันเขาก็ยังมีพลังงานล้นเหลือในตอนกลางคืนจริง ๆ
ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เจ้ารองก็เอ่ยขึ้นมา “เมื่อวานนี้พี่ใหญ่ฝันแล้วก็ละเมอพูดออกมาด้วย เขายังท่องจำบทความอยู่เลย”
“หนวกหูจริง ๆ” เจ้าสามพยักหน้าเช่นกัน
ซูเฉิงน้อยถึงกับมีสีหน้าว่างเปล่า มันเกิดเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ? ทำไมเขาไม่เห็นรู้เลยล่ะ?
“กินซะ หลังจากกินเสร็จก็ไปทำงานที่ควรจะทำด้วย” หลินชิงเหอไล่พวกเขาให้กินข้าว
เจ้าใหญ่ดื่มนม 2 ขวดอย่างเดียว ร่างกายของเขาได้รับสารอาหารอย่างดีอย่างชัดเจน เห็นได้จากความสูงที่เพิ่มขึ้นมาก
ในวันธรรมดา หลินชิงเหอจะให้เขากินซุปงาบดและถั่วลิสงต้มเป็นส่วนใหญ่
ในวันนี้เธอนำเศษเนื้อจำนวนหนึ่งมาจากเม่ยเจี่ย ซึ่งในนั้นก็มีกระดูกอยู่ เธอจึงนำมาตุ๋นกับถั่วเหลือง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...