ไฉ่ปาเม่ยแต่งงานไปตั้งแต่ต้นปีและมีลูกชายให้โจวต้งในตอนสิ้นปี ซึ่งต้องบอกว่าทั้งสองคนมีความสามารถไม่น้อย
ลูกคนแรกของพวกเขาเป็นลูกชาย ดังนั้นไม่ว่าลูกคนต่อไปจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย หล่อนก็ไม่รู้สึกกังวลแล้ว
หลินชิงเหอไปเยี่ยมไฉ่ปาเม่ย และนำน้ำตาลทรายแดงไปให้หล่อนจำนวนครึ่งชั่ง
เนื่องจากหล่อนแต่งงานกับคนในหมู่บ้านเดียวกัน คุณป้าไฉ่จึงเป็นคนช่วยดูแลหล่อนในช่วงฟื้นฟูร่างกายหลังคลอด ถึงโจวซีจะมีความสามารถและขยัน แต่หล่อนก็ไม่มีความรู้ที่จะดูแลพี่สะใภ้ของตัวเอง
ตอนนี้เป็นช่วงวันหยุดและอากาศปีนี้ก็หนาวเย็นเป็นพิเศษ คุณป้าไฉ่จึงต้องมาช่วยดูแล ไม่อย่างนั้นแล้วถ้าเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะ?
เมื่อหลินชิงเหอมาถึง คุณป้าไฉ่ก็อยู่ที่นั่นแล้ว
เมื่อเห็นว่าเธอนำน้ำตาลทรายแดงมาด้วยครึ่งชั่ง นางก็รู้สึกตกใจและเอ่ยขึ้น “คุณครูหลิน คุณจะเอาน้ำตาลทรายแดงมาเยอะขนาดนี้ทำไมคะ? ให้เจ้าใหญ่กับน้อง ๆ ได้กินเถอะค่ะ ฉันเตรียมมันไว้ให้ปาเม่ยเมื่อนานมาแล้ว”
“ของคุณป้าก็ถือเป็นส่วนหนึ่งดีกว่าค่ะ ฉันตั้งใจว่าจะให้ภรรยาของโจวต้งน่ะค่ะ” หลินชิงเหอตอบด้วยรอยยิ้ม
คุณป้าไฉ่รู้ว่าเธอมีความสัมพันธ์อันดีกับโจวต้งและโจวซี นางจึงไม่เอ่ยอะไรและยิ้มรับ
ในตอนนี้ไฉ่ปาเม่ยกำลังหลับ หลินชิงเหอจึงได้สนทนาสั้น ๆ กับคุณป้าไฉ่ก่อนจะกลับบ้าน
“คุณครูหลินช่างใส่ใจจริง ๆ” คุณป้าไฉ่เอ่ยขึ้น
“คุณอาสะใภ้ใจดีกับเราอยู่เสมอน่ะค่ะ” โจวซีพยักหน้า
อาสะใภ้สอนหลายสิ่งหลายอย่างให้กับเธอมากทีเดียว อย่างเช่นการป้องกันตัวเอง การดูแลตัวเอง การรักษาสุขอนามัยและเกณฑ์ความสะอาด รวมถึงรับมือกับการมีรอบเดือนครั้งแรก ซึ่งหลินชิงเหอเป็นคนสอนเรื่องพวกนี้ให้หล่อนทั้งหมด
บางครั้งเมื่อหล่อนไปที่นั่น อาสะใภ้ก็จะหยิบพุทราจีนให้หล่อนกินกำมือหนึ่ง เธอคะยั้นคะยอให้หล่อนกินพุทราจีนมากขึ้นเพื่อบำรุงเลือด ซึ่งส่งผลดีต่อร่างกาย
แม้หล่อนจะไม่เข้าใจ แต่อาสะใภ้ก็สอนวิธีทำซุปบางอย่างให้ หลังจากนั้นหล่อนก็จะทำให้พี่สะใภ้กิน บางทีอาจเป็นเพราะอาหารชั้นยอดในระหว่างการตั้งครรถ์ก็ได้กระมัง หลานชายของหล่อนถึงเกิดมามีผมดกดำขนาดนี้
เขามีน้ำหนักมากกว่า 6 ชั่งเลยทีเดียว
หลินชิงเหอไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายเรื่องเหล่านี้มากเกินไป มีคุณป้าไฉ่ที่มากประสบการณ์อยู่ มันคงไม่เกิดเรื่องวุนวายอะไรขึ้นหรอก
ถึงอย่างนั้นไฉ่ปาเม่ยก็เก่งในเรื่องของการเลือกเวลาคลอดลูก
หล่อนให้กำเนิดบุตรชายในช่วงการแจกจ่ายเนื้อ นี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมเหรอ? เนื้อที่ได้ก็จะถูกนำไปทำเป็นอาหารบำรุง เด็กจะได้รับอาหารเพียงพอและร่างกายของหล่อนก็จะฟื้นคืน นอกจากนี้ยังไม่เป็นหวัดหรือโรคอะไรอย่างอื่นง่ายด้วย
เวลาผ่านไป 2 วัน หลินชิงเหอก็ทำหมูตุ๋น
เนื้อหัวหมูตุ๋นนับเป็นอาหารโอชะอย่างยิ่ง
หมูตุ๋นทำให้ทั้งครอบครัวรู้สึกพอใจ หลินชิงเหอถึงกับบอกโจวชิงไป๋ในตอนเย็นว่า “ถ้าในภายหน้าทุกสิ่งมันไม่เป็นไปตามแผน ฉันจะเปิดร้านขายหมูตุ๋นนะ คุณคิดว่าอย่างไรคะ?”
ในชีวิตชาติก่อน ฝีมือการทำอาหารของเธออยู่ในระดับเหนือธรรมดา หลังมาถึงที่นี่แล้วหน้าที่หลักของเธอก็คือการทำอาหารดี ๆ และไม่ได้ใช้สมาธิไปกับเรื่องอื่นใด
ดังนั้นฝีมือการทำอาหารของเธอจึงดีขึ้นเรื่อย ๆ
โจวชิงไป๋ยิ้มพลางดึงภรรยาเข้ามากอด “หากเปิดร้านแล้วก็ควรเป็นผมที่ทำนะ แล้วคุณก็เป็นคนเก็บเงินไป”
หลินชิงเหอคิดถึงการใช้ชีวิตกับเขาในอนาคต
สำหรับความคิดของโจวชิงไป๋เกี่ยวกับอนาคตว่าจะเป็นอย่างไรนั้น ก่อนที่ภรรยาจะบอกเขา เขาก็ไมเคยคิดว่าประเทศในตอนนี้จะพัฒนาไปในแบบที่ภรรยาบรรยายไว้ในเวลาไม่กี่ทศวรรษ
มันช่างเป็นเรื่องเพ้อฝันเรื่องหนึ่ง
เพราะว่าไม่ใช่ทุกคนที่รู้ว่าพวกเขาจะได้กินอิ่มท้องหรือไม่
อย่างเช่นในปีนี้ หากทุกคนไม่รีบเก็บเกี่ยวผลผลิตอย่างรวดเร็วและนำผลผลิตทั้งหมดไปตากแห้ง และได้รับการจัดสรรปันส่วนก่อนที่ฝนฤดูใบไม้ร่วงจะตกลงมา ทุกคนก็จะไม่มีกะจิตกะใจจะฉลองปีใหม่เลย
และไม่ใช่ทุกฝ่ายผลิตจะเอาการเอางานเหมือนกับฝ่ายผลิตของพวกเขา
ในตอนที่โจวชิงไป๋เข้าร่วมการประชุมกับหัวหน้าหมู่บ้านและคนอื่น ๆ ในปีนี้ เขาก็เห็นฝ่ายผลิตของชุมชนอื่นเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ทันก่อนที่ฝนฤดูใบไม้ร่วงจะตกก่อนกำหนด คิดว่าจะมีธัญพืชที่ไม่ได้เก็บเกี่ยวในปริมาณเท่าไหร่กันล่ะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...