เมื่อหลินชิงเหอกำลังจะออกไปทำงาน ท่านแม่โจวก็คืนเงินที่พี่สาวรองยืมไปมาให้เธอ
มันเป็นเงินจำนวน 50 หยวน
ในตอนนั้นหลินชิงเหอให้พี่สาวรองยืมไป 50 หยวน ส่วนสะใภ้ใหญ่กับสะใภ้รองให้ยืมคนละ 20 หยวน ส่วนสะใภ้สามให้ยืมอีก 10 หยวน
แต่ไม่ว่าจะเป็นเงินจำนวนเท่าใดก็ถือเป็นน้ำใจไมตรีหมด
“ทางฝั่งพี่สาวรองเป็นยังไงบ้างคะ?” หลินชิงเหอถามหลังรับเงินมาแล้ว
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ฉันเชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าอวดดีกับหล่อนอีกแล้วละนะ” ท่านแม่โจวตอบ
ความจริงแล้วสาเหตุของเรื่องนี้มาจากการที่ท่านแม่หวงอยากได้หม้อของพี่สาวรอง ซึ่งหล่อนได้หม้อใบนี้มาจากการแลกเงินทั้งหมดของตนเองกับคน ๆ หนึ่ง
หม้อใบนั้นไม่ใช่หม้อใหม่เลย ซ้ำยังมีรูสองรู
แต่สำหรับคนยุคนี้แล้ว หม้อใบนี้ถือว่ายังใช้ได้อยู่
เพราะหม้อที่บ้านตระกูลหวงมีรูรั่วอยู่ 4 ถึง 5 รูแล้ว ท่านแม่หวงจึงอยากมาขอไปใช้หลังรู้ว่าพี่สาวรองนำเงินไปแลกหม้อใบนี้มา
ตอนนั้นพี่เขยรองไม่อยู่บ้าน เมื่อเขากลับมาถึง พี่สาวรองก็ได้กลับไปที่บ้านฝั่งแม่เพื่อไปเรียกกำลังเสริมมาเสียแล้ว
เขาเดือดจัดเมื่อรู้ว่าภรรยาของตนถูกแม่ สะใภ้ใหญ่ และคนอื่น ๆ ทุบตี
ในตอนที่ท่านแม่โจวพาคนมาตรึงร่างแม่ของเขาไว้บนพื้นและตบตีจนนางกรีดร้องคร่ำครวญต่อหน้าเขา พี่เขยรองถึงกับเมินนางเสีย
แม่ของเขาช่างเป็นคนพาลที่ชอบกดขี่ข่มเหงคนอื่นจริง ๆ!
แล้วเรื่องนี้จึงได้จบลงเช่นนี้ แน่นอนว่าท่านแม่โจวก็ป่าวประกาศไปทั่วทั้งหมู่บ้านว่าตระกูลหวงเป็นพวกคดในข้องอในกระดูก นางมีชื่อเสียงในหมู่บ้านดีอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้นชาวบ้านก็รู้ดีว่าพี่สาวรองมีนิสัยเป็นอย่างไรด้วย
จึงเป็นที่รู้กันว่าครอบครัวตระกูลหวงชอบระรานคนอื่นขนาดไหน โดยเฉพาะตอนที่บรรดาคนปากร้ายในหมู่บ้านที่มากินอาหารและได้รับวุ้นเส้นหมูตุ๋นชามใหญ่จากหลินชิงเหอกล่าวขวัญกัน
เป็นการบีบให้ผู้คนจนตรอกโดยแท้
“คงเป็นเรื่องดีหากพวกเขาสามารถตั้งรกรากอยู่ได้ 2 ปีนะคะ” หลินชิงเหอพูด
ยุคใหม่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า ดังนั้นอย่าทำอะไรแผลง ๆ ก่อนที่ยุคใหม่จะมาถึงดีกว่า
ท่านแม่โจวไม่ตอบอะไร
กลางเดือนเมษายนมีฝนตกหนัก แล้วก็ตกหนักมากด้วย
โดยปกติแล้วฝนแบบนี้จะเกิดขึ้นเฉพาะช่วงฤดูร้อน แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะตกหนักหลังเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิได้ไม่นาน
บ้านของคนบางคนในหมู่บ้านถึงกับพังถล่มลงมา โชคดีที่ไม่เกิดโศกนาฏกรรมใด ๆ
หลินชิงเหอเผาใบอ้ายเย่รมควันฆ่าเชื้อโรคในบ้าน ทำเช่นนี้แล้วเธอถึงจะรู้สึกสบายใจขึ้นมานิดหน่อย เมื่อรมควันบ้านเสร็จเธอก็เอ่ยขึ้น “ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าเมื่อไหร่หมู่บ้านนี้จะมีไฟฟ้าให้เราใช้”
ชนบทในยุคสมัยนี้ไม่มีไฟฟ้าใช้ ในขณะที่ตัวเมืองมีไฟฟ้าให้ใช้แล้ว
“อีกไม่นานหรอก” โจวชิงไป๋เอ่ยให้ความหวัง
หลินชิงเหอรู้สึกได้ว่ากว่าหมู่บ้านนี้จะมีไฟฟ้าใช้ เธอก็คงไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว
หญิงสาววางแผนไว้หมดแล้วว่าถ้ามีการฟื้นฟูการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเมื่อไหร่ เธอจะย้ายออก และแน่นอนว่าจะพาสามีกับลูก ๆ ไปด้วย เธอไม่อาจทิ้งพวกเขาไว้ที่ชนบทได้หรอก
“คุณคิดอะไรอยู่เหรอ?” เมื่อเห็นภรรยามองออกไปนอกหน้าต่างด้วยท่าทีใจลอย โจวชิงไป๋ก็ถามขึ้น
“คิดถึงเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัยอยู่น่ะค่ะ” หลินชิงเหอตอบ
โจวชิงไป๋จ้องมองหลินชิงเหอ หญิงสาวแตะใบหน้าหล่อเหลาของสามีและเอ่ยต่อ “เมื่อถึงเวลานั้น ทั้งพ่อทั้งลูกต้องตามฉันไปด้วยนะ เข้าใจไหมคะ?”
“ถ้าไม่มีทะเบียนสำมะโนครัวแล้วก็เรียนที่อื่นไม่ได้น่ะ” โจวชิงไป๋มองเธอก่อนเอ่ยออกมา
หลินชิงเหอชะงักไป แล้วเธอก็รู้แจ้งว่าการลงทะเบียนสำมะโนครัวในยุคนี้เข้มงวดอย่างมาก ถ้าไม่ทำการย้ายสำมะโนครัวแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการอะไรได้เลย
“ถ้างั้นต้องทำยังไงเหรอคะ?” หลินชิงเหอมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า
“คุณไปเรียนเถอะ ส่วนผมกับลูก ๆ จะรอคุณอยู่ที่บ้าน” โจวชิงไป๋เม้มปากและเอ่ยตอบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...