ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม นิยาย บท 213

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม – บทที่ 213 ตั้งใจเรียนอย่างหนัก
บทที่ 213 ตั้งใจเรียนอย่างหนัก
โดย
EnjoyBook
บทที่ 213 ตั้งใจเรียนอย่างหนัก

เมื่อหลินชิงเหอกำลังจะออกไปทำงาน ท่านแม่โจวก็คืนเงินที่พี่สาวรองยืมไปมาให้เธอ

มันเป็นเงินจำนวน 50 หยวน

ในตอนนั้นหลินชิงเหอให้พี่สาวรองยืมไป 50 หยวน ส่วนสะใภ้ใหญ่กับสะใภ้รองให้ยืมคนละ 20 หยวน ส่วนสะใภ้สามให้ยืมอีก 10 หยวน

แต่ไม่ว่าจะเป็นเงินจำนวนเท่าใดก็ถือเป็นน้ำใจไมตรีหมด

“ทางฝั่งพี่สาวรองเป็นยังไงบ้างคะ?” หลินชิงเหอถามหลังรับเงินมาแล้ว

“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ฉันเชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าอวดดีกับหล่อนอีกแล้วละนะ” ท่านแม่โจวตอบ

ความจริงแล้วสาเหตุของเรื่องนี้มาจากการที่ท่านแม่หวงอยากได้หม้อของพี่สาวรอง ซึ่งหล่อนได้หม้อใบนี้มาจากการแลกเงินทั้งหมดของตนเองกับคน ๆ หนึ่ง

หม้อใบนั้นไม่ใช่หม้อใหม่เลย ซ้ำยังมีรูสองรู

แต่สำหรับคนยุคนี้แล้ว หม้อใบนี้ถือว่ายังใช้ได้อยู่

เพราะหม้อที่บ้านตระกูลหวงมีรูรั่วอยู่ 4 ถึง 5 รูแล้ว ท่านแม่หวงจึงอยากมาขอไปใช้หลังรู้ว่าพี่สาวรองนำเงินไปแลกหม้อใบนี้มา

ตอนนั้นพี่เขยรองไม่อยู่บ้าน เมื่อเขากลับมาถึง พี่สาวรองก็ได้กลับไปที่บ้านฝั่งแม่เพื่อไปเรียกกำลังเสริมมาเสียแล้ว

เขาเดือดจัดเมื่อรู้ว่าภรรยาของตนถูกแม่ สะใภ้ใหญ่ และคนอื่น ๆ ทุบตี

ในตอนที่ท่านแม่โจวพาคนมาตรึงร่างแม่ของเขาไว้บนพื้นและตบตีจนนางกรีดร้องคร่ำครวญต่อหน้าเขา พี่เขยรองถึงกับเมินนางเสีย

แม่ของเขาช่างเป็นคนพาลที่ชอบกดขี่ข่มเหงคนอื่นจริง ๆ!

แล้วเรื่องนี้จึงได้จบลงเช่นนี้ แน่นอนว่าท่านแม่โจวก็ป่าวประกาศไปทั่วทั้งหมู่บ้านว่าตระกูลหวงเป็นพวกคดในข้องอในกระดูก นางมีชื่อเสียงในหมู่บ้านดีอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้นชาวบ้านก็รู้ดีว่าพี่สาวรองมีนิสัยเป็นอย่างไรด้วย

จึงเป็นที่รู้กันว่าครอบครัวตระกูลหวงชอบระรานคนอื่นขนาดไหน โดยเฉพาะตอนที่บรรดาคนปากร้ายในหมู่บ้านที่มากินอาหารและได้รับวุ้นเส้นหมูตุ๋นชามใหญ่จากหลินชิงเหอกล่าวขวัญกัน

เป็นการบีบให้ผู้คนจนตรอกโดยแท้

“คงเป็นเรื่องดีหากพวกเขาสามารถตั้งรกรากอยู่ได้ 2 ปีนะคะ” หลินชิงเหอพูด

ยุคใหม่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า ดังนั้นอย่าทำอะไรแผลง ๆ ก่อนที่ยุคใหม่จะมาถึงดีกว่า

ท่านแม่โจวไม่ตอบอะไร

กลางเดือนเมษายนมีฝนตกหนัก แล้วก็ตกหนักมากด้วย

โดยปกติแล้วฝนแบบนี้จะเกิดขึ้นเฉพาะช่วงฤดูร้อน แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะตกหนักหลังเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิได้ไม่นาน

บ้านของคนบางคนในหมู่บ้านถึงกับพังถล่มลงมา โชคดีที่ไม่เกิดโศกนาฏกรรมใด ๆ

หลินชิงเหอเผาใบอ้ายเย่รมควันฆ่าเชื้อโรคในบ้าน ทำเช่นนี้แล้วเธอถึงจะรู้สึกสบายใจขึ้นมานิดหน่อย เมื่อรมควันบ้านเสร็จเธอก็เอ่ยขึ้น “ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าเมื่อไหร่หมู่บ้านนี้จะมีไฟฟ้าให้เราใช้”

ชนบทในยุคสมัยนี้ไม่มีไฟฟ้าใช้ ในขณะที่ตัวเมืองมีไฟฟ้าให้ใช้แล้ว

“อีกไม่นานหรอก” โจวชิงไป๋เอ่ยให้ความหวัง

หลินชิงเหอรู้สึกได้ว่ากว่าหมู่บ้านนี้จะมีไฟฟ้าใช้ เธอก็คงไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว

หญิงสาววางแผนไว้หมดแล้วว่าถ้ามีการฟื้นฟูการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเมื่อไหร่ เธอจะย้ายออก และแน่นอนว่าจะพาสามีกับลูก ๆ ไปด้วย เธอไม่อาจทิ้งพวกเขาไว้ที่ชนบทได้หรอก

“คุณคิดอะไรอยู่เหรอ?” เมื่อเห็นภรรยามองออกไปนอกหน้าต่างด้วยท่าทีใจลอย โจวชิงไป๋ก็ถามขึ้น

“คิดถึงเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัยอยู่น่ะค่ะ” หลินชิงเหอตอบ

โจวชิงไป๋จ้องมองหลินชิงเหอ หญิงสาวแตะใบหน้าหล่อเหลาของสามีและเอ่ยต่อ “เมื่อถึงเวลานั้น ทั้งพ่อทั้งลูกต้องตามฉันไปด้วยนะ เข้าใจไหมคะ?”

“ถ้าไม่มีทะเบียนสำมะโนครัวแล้วก็เรียนที่อื่นไม่ได้น่ะ” โจวชิงไป๋มองเธอก่อนเอ่ยออกมา

หลินชิงเหอชะงักไป แล้วเธอก็รู้แจ้งว่าการลงทะเบียนสำมะโนครัวในยุคนี้เข้มงวดอย่างมาก ถ้าไม่ทำการย้ายสำมะโนครัวแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการอะไรได้เลย

“ถ้างั้นต้องทำยังไงเหรอคะ?” หลินชิงเหอมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า

“คุณไปเรียนเถอะ ส่วนผมกับลูก ๆ จะรอคุณอยู่ที่บ้าน” โจวชิงไป๋เม้มปากและเอ่ยตอบ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม