“น่ารักดีค่ะ แถมสาวน้อยคนนั้นยังขยันมากด้วย” หลินชิงเหอตอบ เธอรู้จักไฉ่เสี่ยวฉาเป็นอย่างดี
“ตอนนี้หล่อนก็ไม่เด็กแล้วนะ เจ้าใหญ่โตเร็วขนาดนี้ ไม่กี่ปีก็คงได้แต่งภรรยาแล้วล่ะ” คุณป้าไฉ่เอ่ยติดตลก
คำพูดนี้มีความหมายอย่างชัดเจน
“เขาแค่อายุ 11 ขวบเองค่ะ ยังเร็วไปหน่อยนะคะที่จะพูดถึงเรื่องแต่งงาน”หลินชิงเหอรู้ใจนางทันทีเมื่อได้ยินดังนี้ เธอเผยยิ้มบาง
คุณป้าไฉ่บอกไม่ได้ว่าเธอเห็นด้วยหรือไม่ นางเลยพูดต่อ “แม่เจ้าใหญ่ เธอคิดว่าเสี่ยวฉาของฉันเป็นยังไงบ้างหือ?”
“เสี่ยวฉาก็ถือว่าดีอยู่ค่ะ แต่คุณป้าอย่าเร่งรัดนักเลยนะคะ ลูกของฉันกับหลานของป้ามีชะตาเป็นของตัวเอง ดังนั้นเราอย่ากังวลในเรื่องนี้เลยค่ะ” หลินชิงเหอตอบด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ได้หรอก พ่อแม่ต้องจับคู่ให้พวกเขานะ พวกเขาจะได้อยู่กันอย่างมีความสุข” คุณป้าไฉ่เอ่ย
“ไม่ใช่ว่าพวกเขาแต่งเข้ามาแล้วจะมาอยู่กับพ่อแม่อย่างเรา ๆ นี่คะ พวกเขาจะต้องอยู่ด้วยตัวเอง เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของเด็ก ๆ เถอะค่ะ ฉันจะไม่ดำเนินรอยตามการคลุมถุงชนเหมือนในอดีตแล้ว” หลินชิงเหอบอก
คุณป้าไฉ่ไม่คิดเลยว่าเธอจะปล่อยให้เจ้าใหญ่ได้หาคู่ครองด้วยตัวเอง และนางยังสัมผัสได้ว่าหลินชิงเหอไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ นางจึงพับประเด็นนี้ไป
“เมื่อวานนี้ฉันไปเยี่ยมเสี่ยวหมิงแล้วนะคะ เขาดูน่ารักมากเลยค่ะ” หลินชิงเหอเปลี่ยนเรื่องคุย
เสี่ยวหมิงเป็นชื่อเล่นของโจวหมิง เขาเป็นลูกชายของไฉ่ปาเม่ยกับโจวต้ง และเป็นเด็กที่น่ารักมากจริง ๆ
“ฉันต้องขอบคุณเธอนะที่คราวที่แล้วเอาขาหมูขาใหญ่มาให้ มันสุดยอดไปเลย” คุณป้าไฉ่ยิ้มกว้าง
“ฉันดูโจวต้งกับโจวซีเติบโตอยู่ตลอดค่ะ พวกเขาเหมือนพี่ชายพี่สาวของเจ้าใหญ่กับน้อง ๆ จึงเป็นธรรมดาที่ฉันจะดูแลลูกชายของเขากับปาเม่ยด้วย” หลินชิงเหอตอบ
คุณป้าไฉ่ยิ้มกว้าง นางพูดคุยต่ออีกพักหนึ่งแล้วก็กลับไป
หลินชิงเหอส่ายหน้าอย่างจนใจนัก
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณป้าไฉ่เอ่ยเรื่องนี้ คราวที่แล้วนางก็พูดถึงเรื่องนี้อีกเหมือนกัน เธอไม่อยากเข้าไปยุ่งกับการแต่งงานของเจ้าใหญ่จริง ๆ เขาสามารถหาคู่ครองเองได้ และหาใครก็ตามที่รู้สึกใช่ ไม่ว่าอย่างไรเธอจะไม่เข้าไปยุ่งเด็ดขาด
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือไฉ่เสี่ยวฉาซื่อตรงเกินไป หล่อนไม่สามารถรับมือกับนิสัยของเจ้าใหญ่ได้หรอก เขาร่าเริงสนุกสนานเกินไป และไม่ใช่คนที่เหมาะกับไฉ่เสี่ยวฉาเลย
ยิ่งกว่านั้นคนเป็นสะใภ้จะไม่ได้อยู่กับเธอหลังจากได้แต่งงานแล้วอย่างที่เธอบอกไปก่อนหน้านี้ หากแต่เป็นเจ้าใหญ่ที่หล่อนจะได้อยู่ด้วยไปชั่วชีวิตของเขา ดังนั้นการเลือกคู่ครองตามความชอบใจของเขาจึงเป็นเรื่องสำคัญ
หลินชิงเหอคิดเรื่องนี้มานานแล้ว ในอนาคตเธอจะไม่มีทางได้อยู่กับสะใภ้ และจะไม่เข้ามายุ่งกับการบำรุงร่างกายหลังคลอด ที่เธอทำก็เพียงจ้างพี่เลี้ยงมาช่วยดูแล
การเลี้ยงดูสามพี่น้องถือเป็นเรื่องยากพอแรงอยู่แล้ว เธอไม่อยากรับใช้บรรดาลูกสะใภ้ของเธออีกแล้ว ใช่สิ เธอเป็นผู้หญิงเห็นแก่ตัวแบบนี้แหละ
เมื่อเวลานั้นมาถึง เธอก็มีแผนว่าอยากจะไปเที่ยวกับชิงไป๋ของเธอ
แน่นอนว่าเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ว่าเธอจะไม่แบมือขอเงินจากลูกชายและลูกสะใภ้เด็ดขาด หากลูกชายและสะใภ้ต้องการใช้ เธอก็ยังสนับสนุนพวกเขาได้อยู่
สิ่งเหล่านี้ถือเป็นทั้งหมดที่เธอสามารถทำได้แล้ว
ที่เหลือก็เป็นการใช้ชีวิตของเธอกับชิงไป๋ของเธอ
แต่สำหรับตอนนี้มันยังห่างไกลนัก
เย็นนั้นเอง หลินชิงเหอก็ได้บอกโจวชิงไป๋เกี่ยวกับเรื่องนี้ “ลูกชายคนโตของเราตอนนี้เนื้อหอมใหญ่แล้วนะคะ มีคนเสนออะไรคุณในเรื่องนี้บ้างไหม?”
“ก็มีครอบครัวของโจวกังเถี่ยกับหวังเซียงกั๋วน่ะ” โจวชิงไป๋ตอบ
หลินชิงเหอหัวเราะในลำคอ “แล้วคุณว่ายังไงคะ?”
“ผมบอกไปว่าในอนาคตจะให้เจ้าใหญ่เลือกเอง” โจวชิงไป๋บอก
หลินชิงเหอยิ้ม “ตอบได้ดีค่ะ”
โจวชิงไป๋มองภรรยาด้วยสายตาอ่อนโยน ความหวังสูงสุดของเขาในตอนนี้คือการให้เด็ก ๆ โตไว ๆ และย้ายออกไป เขาจะได้อยู่กับภรรยากันแค่สองคน
โจวชิงไป๋ไม่รู้เลยว่าภรรยาของเขาก็คิดแบบเดียวกัน ยิ่งกว่านั้นยังคิดการณ์ไกลกว่าเขาเสียอีก
ตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อน หลินชิงเหอจึงหาเวลาว่างพาเด็ก ๆ เข้าอำเภอไปดูหนังและเที่ยวเล่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...