โจวชิงไป๋เดินทางเข้าเขตเทศบาลในเดือนกันยายนก่อนโรงเรียนจะเปิดการเรียนการสอน
ครั้งนี้เขาไปเพื่อซื้อปุ๋ยเคมีกับยาฆ่าแมลง หลังจากได้ใช้ไปในครั้งนี้แล้ว ปีนี้ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อเพิ่มอีกครั้ง
ดังนั้นในเช้าตรู่วันนั้นหลินชิงเหอจึงตามโจวชิงไป๋ไปด้วย
โจวชิงไป๋รู้สึกไร้เรี่ยวแรงต้าน เขารู้ว่าภรรยาจะต้องมีแผนการอื่นอยู่แน่แต่เธอปฏิเสธที่จะเอ่ยออกมา ในเมื่อเธอตามเขาไปด้วยแล้วเขาก็ต้องให้เธอตัวติดกับเขาไว้ ไม่ปล่อยให้เธอเดินเพ่นพ่านไปทั่วเด็ดขาด
ในเขตเทศบาลเทียบไม่ได้กับในอำเภอแม้แต่น้อย เพราะเพิ่งเกิดเรื่องวุ่นวายไปในช่วงหนึ่งที่ผ่านมา
ยุคนี้ก็เป็นแบบนี้ ในช่วงเวลาหนึ่งจะเกิดกระแสเหตุการณ์ต่าง ๆ เป็นระยะ
“คุณไปจัดการธุระของคุณเถอะค่ะ แล้วเราค่อยมาเจอกันที่นี่ในตอนบ่ายเพื่อกลับด้วยกัน” แน่นอนว่าภรรยาของเขาวางแผนจะแยกตัวจากเขาในทันทีที่ถึงสถานีขนส่ง
“ตามผมมา” โจวชิงไป๋เอ่ยด้วยท่าทางสงบ
หลังร่วมเตียงเดียวกันมาหลายปี เขาก็รู้จักนิสัยของภรรยาตัวเองดี เธอจะทำอย่างที่เธอพูดและตามเขาอย่างว่าง่ายเมื่อมาถึงในตัวเมืองได้จริง ๆ หรือ?
แน่นอนว่าหลินชิงเหอไม่คิดจะเชื่อฟังเลยแม้แต่น้อย เธอจะมาที่นี่โดยไม่ได้หวังอะไรได้อย่างไร? อย่างน้อยการปั่นจักรยานมาถึงที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องไม่น่าอภิรมย์เกินไปนัก
อีกไม่นานโรงเรียนก็จะเปิดแล้ว มันจะไม่มีเวลามาที่นี่อีกหลังจากเริ่มการเรียนการสอน
นี่ไม่ใช่โอกาสในการกอบโกยไม่หนึ่งอย่างก็สองอย่างเหรอ?
“เรานัดเจอกันตรงนี้ดีกว่าค่ะ ชิงไป๋ ไม่ต้องกังวลไปนะคะ ฉันจะไม่สร้างปัญหาหรอก” หลินชิงเหอให้สัญญา
โจวชิงไป๋ไม่เห็นด้วย เขาพาเธอไปซื้อปุ๋ยและยาฆ่าแมลงพร้อมกับเขา จากนั้นก็ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง เขาจึงให้สัญญาณบอกให้เธอเดินตามเส้นทางของเธอ แต่เขาจะทำแค่ตามเธอไปเท่านั้น
หลินชิงเหอถึงกับร่ำร้องในใจว่าคุณกำลังทำราวกับฉันเป็นอาชญากรงั้นเหรอ?
ยิ่งกว่านั้นจากรังสีแข็งกร้าวของคุณ ทุกคนที่เห็นผ่าน ๆ ก็บอกได้ว่าคุณเป็นอดีตทหารปลดประจำการ คนที่จะมาซื้อขายใครเขาจะกล้ามาซื้อเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณล่ะ?
พวกเขาคงเผ่นหนีกันไปหมด
“คุณอยากแลกเปลี่ยนของอะไรเหรอ?” โจวชิงไป๋ถามเสียงทุ้ม
“ฉันไม่ได้คิดที่จะแลกเปลี่ยนอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่อยากเดินไปเรื่อย ๆ ด้วยตัวเองเท่านั้น” หลินชิงเหอบอก
เธอจะบอกให้เขารู้เกี่ยวกับการซื้อขายทองคำไม่ได้ ชายคนนี้หัวโบราณมาก ครั้งสุดท้ายที่เขาเต็มใจนำมาให้เป็นจำนวนเล็ก ๆ น้อย ๆ ผ่านการอนุเคราะห์จากสหายของเขาก็ถือว่าล้ำเส้นเขามากพอแล้ว เขาคงไม่อยากทำอะไรอีกแน่
โจวชิงไป๋ไม่เอ่ยอะไร เขาพาเธอเข้าไปในห้างสรรพสินค้าในเมืองด้วยความตั้งใจว่าจะซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ ให้เธอสักสองชุด
แต่ในยุคนี้จะมีเสื้อผ้าที่ออกแบบดี ๆ อยู่งั้นเหรอ ทุกตัวล้วนมีรูปแบบการตัดเย็บอย่างเดียวกัน และมันก็กลบความงามของหลินชิงเหอไปจนหมด
เธอจึงซื้อเสื้อกั๊กให้โจวชิงไป๋แทน และเอ่ยขึ้นว่า “ฉันไม่อยากได้หรอกค่ะ เพราะฉันมีเสื้อผ้าสำรองอยู่ที่บ้านแล้ว”
เมื่อเห็นว่าเธอไม่อยากซื้อเสื้อผ้าใหม่จริง ๆ โจวชิงไป๋ก็ไม่เอ่ยอะไร เขาพาเธอไปยังร้านค้าสหกรณ์ในเขตเทศบาลและซื้อของบางอย่างก่อนมาคอยรถที่สถานี
หลินชิงเหอคร่ำครวญในใจว่าการเดินทางครั้งนี้ช่างสูญเปล่า ชิงไป๋ของเธอตัวติดกับเธอตลอดจนทำให้เธอจนปัญญาที่จะเลี่ยง
หลังนั่งรถกลับไปที่อำเภอพร้อมปุ๋ยและยาฆ่าแมลงแล้ว โจวชิงไป๋ก็ปั่นจักรยานพาเธอกลับหมู่บ้านพร้อมข้าวของทั้งหลาย
หลินชิงเหอหยิบของออกจากมิติและขนกลับบ้าน เธอปล่อยให้โจวชิงไป๋ไปทำธุระของเขาด้วยอาการห่อเหี่ยว
เขาช่างขวางเส้นทางรวยของเธอเสียจริง ๆ เลย
ช่างเถอะ ในเมื่อโชคชะตาไม่ยอมให้เธอได้ไปไกลกว่านี้ เธอก็ควรจะหยุด อย่างไรเสียเธอก็เก็บสะสมเอาไว้เยอะแล้ว
ไม่นานนักภาคการศึกษาใหม่ก็เริ่มต้น เจ้าใหญ่เดินทางเข้าไปในอำเภอเพื่อเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมปลายในชั้นปีที่หนึ่ง โดยที่เขาอาศัยอยู่ในบ้านของอาเล็ก หลินชิงเหอจึงให้คูปองอาหารและของอื่น ๆ กับเขา
ทันทีที่เจ้าใหญ่เข้าเรียนชั้นมัธยมปลายปีที่หนึ่ง เด็กชายคนนี้ก็ได้หายไปจากครอบครัวของเขา
ไม่เพียงแค่ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวที่เคยร่วมมื้ออาหารของครอบครัวกับเขาเป็นประจำจะรู้สึกไม่อยากแยกจากเขาไป เจ้ารอง เจ้าสาม และเด็กน้อยซูเฉิงก็คิดถึงเขามาก
คืนนั้นหลินชิงเหอเข้านอนและกอดโจวชิงไป๋ จากนั้นเธอก็เปิดประเด็นนี้ขึ้นมา “ตอนนี้ไม่รู้ว่าเจ้าใหญ่ที่อยู่บ้านของอาเล็กจะเป็นอย่างไรบ้างนะคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...