เดือนสิงหาคมได้มาถึงในชั่วพริบตาเดียว
หลินชิงเหอกลับมาที่บ้านได้พักหนึ่งแล้ว ซึ่งอากาศสองวันที่ผ่านมานี้ไม่สู้ดีเท่าใดนัก เพราะฝนได้ตกลงมา
แต่นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเยี่ยมเพราะเมล็ดพันธุ์พืชประจำฤดูร้อนเพิ่งถูกหว่านไป เมล็ดทั้งหลายได้งอกเป็นต้นกล้าและเติบโตขึ้น การมีฝนช่วยประหยัดแรงงานในการรดน้ำไปได้เยอะทีเดียว
ฝนตกในระดับหนักปานกลาง ทุกคนจึงไม่จำเป็นต้องออกไปทำงาน
เมื่อโจวชิงไป๋ไม่ต้องไปทำงาน ภาคการศึกษาใหม่ที่จะแยกพวกเขาจากกันก็ใกล้เข้ามาถึง
พวกเขาจึงตักตวงความสุขซึ่งกันและกันให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
“เมื่อไหร่คุณถึงจะพอคะ” หลินชิงเหอเอ่ยออกมาในที่สุดหลังถูกพลิกไปมาถึงสามรอบในคืนนั้น
“ภรรยาครับ อีกไม่นานคุณก็ต้องกลับไปแล้ว” โจวชิงไป๋เอ่ย
น้ำเสียงของเขาแฝงแววเศร้าโศกจนหัวใจของหลินชิงเหออ่อนยวบ “เรื่องนั้นพอแล้วค่ะ นอนพักกันเถอะ กว่าคุณจะมีโอกาสได้พักสองวันเต็มแบบนี้ก็อีกนาน แทนที่จะพักผ่อนให้สบาย คุณกลับใช้พลังงานไปกับฉันซะนี่”
โจวชิงไป๋ได้ฟังก็ไม่ได้ทำต่อ
จากนั้นเองหลินชิงเหอจึงหยุดพูดให้เขาผละออกไป…จริง ๆ เลย…แค่พลอดรักกันไม่กี่วันก็น่าจะพอแล้ว แต่เขากลับทำนานขนาดนี้และยังไม่หยุดอีก
เธอเองก็ชอบให้เขาทำแบบนี้ แต่เขาต้องใส่ใจสุขภาพร่างกายของตัวเองด้วย
เธอไม่ต้องทำอะไรนาน ๆ ตลอดทั้งวัน ในขณะที่เขาต้องออกไปทำงานในทุ่งนา เรื่องแบบนี้มันเทียบกันได้เหรอ
โจวชิงไป๋ทำหน้าตาย เขาไม่รู้สึกเหนื่อยแต่กลับเพลิดเพลินเสียอีก ทว่าภรรยาของเขาก็ขี้บ่นนัก เขาจึงไม่กล้าต่อต้านเธอ
การไม่ต้องออกไปทำงาน ทำให้อาหารที่บ้านมีแต่ของอร่อย ๆ นอกจากอาหารทั้งสามมื้อแล้ว หลินชิงเหอยังได้ทำขนมงาตัด ขนมถั่วตัด และอื่น ๆ อีกมากมาย
ซึ่งอาหารคาวทั้งหลายล้วนมีรสโอชาทั้งหมด
“แม่ครับ ตอนที่แม่ไม่อยู่ ผมรู้สึกว่าบ้านไม่เป็นบ้านเลยครับ” เจ้าสามเอ่ยด้วยแรงอารมณ์ขณะกินขนมถั่วตัด
“แถมคุณย่าทำของพวกนี้ไม่เป็นด้วย” เจ้ารองเสริม
นับตั้งแต่ที่แม่ของพวกเขากลับมา สองพี่น้องก็เริ่มมีเนื้อมีหนังขึ้นภายใต้การดูแลจากแม่ของพวกเขา ทั้งคู่ได้รับสารอาหารเพียงพอในทุกวัน แล้วทำไมพวกเขาถึงจะไม่กลับมาอ้วนท้วนสมบูรณ์เหมือนเดิมล่ะ?
ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น ตั้งแต่ที่เธอกลับมา สีหน้าท่าทางของโจวชิงไป๋ก็ดีขึ้นมากเช่นกัน
อย่างการที่เขามายุ่งวุ่นวายในตอนกลางคืนได้ ก็แสดงให้เห็นชัดว่าเขาได้รับการบำรุงเป็นอย่างดี
“ถ้าลูก ๆ สอบได้คะแนนดีและเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งได้ ลูกก็มีความสุขกับชีวิตทางนั้นได้ พูดถึงทางนั้นแล้ว พี่ใหญ่ตอนนี้ก็กำลังหลงระเริงจนลืมกลับบ้านเลยทีเดียว ลูกสองคนฟังแล้วก็คิดเอาเองแล้วกันนะ” หลินชิงเหอบอก
เจ้ารองกับเจ้าสามตำหนิพี่ใหญ่ของพวกเขาว่าไม่มีความกตัญญูรู้คุณเอาเสียเลย โทษฐานที่ไม่อยากกลับบ้านหลังได้ไปอยู่ในเมืองหลวงแล้ว!
จากนั้นพวกเขาก็รู้สึกอิจฉาพี่ชายคนโตขึ้นมา
แม้อาหารการกินที่ท่านแม่โจวทำจะมีปริมาณปานกลาง แต่บ้านนี้ก็ยังสั่งนมมากินอยู่ 2 ขวดต่อวัน ซึ่งเจ้ารองกับเจ้าสามได้กินคนละขวด
และตอนนี้เจ้าสามก็ไม่ตั้งแง่รังเกียจนมจืดแล้ว
ปีนี้สองพี่น้องสูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้สูงพรวดพราดเหมือนเจ้าใหญ่
เจ้าใหญ่เหมือนจะเข้าสู่จุดสูงสุดของการเจริญเติบโตแล้ว เพียงแค่ภาคการศึกษาเดียว เขาก็สูงเกือบ 180 เซนติเมตร
และปีนี้เขาเพิ่งจะมีอายุ 14 ปีเท่านั้น
หลินชิงเหอกังวลเล็กน้อย เขาจะสูงเกินไปหรือเปล่านะ? ถ้าเขาสูงมากไปจะต้องหาคู่ครองในอนาคตยากแน่
ถึงอย่างนั้นหลินชิงเหอก็ยังมีความกังวลว่าเขาจะเติบโตเร็วเกินไปจนได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ เจ้าใหญ่จึงได้ดื่มนมทุกเช้าเช่นกัน ซึ่งต้องรับนมที่จุดรักษาความปลอดภัยตรงประตูทางเข้า โดยเธอเป็นผู้สั่งและบอกพวกเขาให้วางไว้ตรงนั้นเอง
เจ้ารองกับเจ้าสามสูงขึ้นไม่มากนัก แค่ราว 2 เซนติเมตรเท่านั้น ในอนาคตข้างหน้าพวกเขาไม่ถือว่าเตี้ยเกินไปหรอก
การเรียนการสอนเริ่มมีในเดือนกันยายน ซึ่งหลินชิงเหอต้องจากบ้านอีกครั้งในราว ๆ วันที่ 25 สิงหาคม นั่นหมายความว่าเธอสามารถอยู่ที่บ้านได้อีก 20 กว่าวัน
ช่วงเวลานี้ไม่ถือว่านานเลย แต่เมื่อเวลานั้นมาถึง โจวชิงไป๋ก็รู้สึกขมขื่นยามเห็นหลินชิงเหอเก็บข้าวของเตรียมจากไป เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน
แม้หลินชิงเหอจะยอมให้เขาทำอย่างบ้าคลั่งนับหลายครั้งเมื่อคืนนี้ แต่ก็ไม่อาจปลอบประโลมหัวใจอันหดหู่ของโจวชิงไป๋ได้เลย
“ฉันจะกลับมาอีกทีตอนปิดเทอมฤดูหนาวนะคะ คุณรักษาตัวให้ดี ๆ ล่ะ กลับไปได้แล้วนะคะ” หลินชิงเหอเอ่ยหลังยอมให้เขามาส่งเธอขึ้นรถประจำทางในตัวอำเภอ
“ถึงวันหยุดแล้วรีบกลับมานะ คุณไม่จำเป็นต้องเอาอะไรมาฝากหรอก” โจวชิงไป๋ตอบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...