โจวเสี่ยวเหมยยกยิ้ม
นี่เป็นเรื่องจริง ตอนนี้มีใครบ้างในพื้นที่นี้ไม่อิจฉาพี่ชายสี่ในการได้แต่งงานกับพี่สะใภ้สี่? ภรรยาที่สมบูรณ์แบบทั้งการดูแลครอบครัวและหน้าที่การงาน
นับว่าเป็นโชควาสนาไปถึงสามชั่วรุ่นเลยทีเดียว
“การขายซาลาเปามันทำเงินได้จริง ๆ เหรอคะ?” โจวเสี่ยวเหมยยังกังขา
“เธอนี่โง่หรือไง? ถ้ามันไม่ทำเงินแล้วพี่จะแนะนำความคิดนี้ให้เธอกับน้องเขยเหรอ? อีกอย่างหนึ่งมีธุรกิจไหนบ้างที่ไม่ทำเงิน?” หลินชิงเหอตอบ
จากนั้นหญิงสาวก็จาระไนให้โจวเสี่ยวเหมยฟัง หากซาลาเปา 1 ลูกมีค่า 5 เฟิน ซาลาเปา 10 ลูกก็จะทำเงินได้ 5 เหมา วันหนึ่งขายอย่างน้อย 50 ลูกก็เป็นไปได้แล้วถูกไหม?
ซาลาเปา 50 ลูกก็มีมากแค่นั้น มันต้องถูกขายหมดในเวลาไม่นานแน่
กำไรของซาลาเปา 50 ลูกอยู่ที่ 2.5 หยวน แล้วเดือนหนึ่งมันจะเป็นเท่าไหร่ล่ะ? ไม่ว่าอย่างไรก็ตามมันก็ไม่แย่ไปกว่าการถูกจ้างงานหรอก
ยิ่งกว่านั้นเมื่อรสชาติถูกปากและคนขายสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เขาก็ขายได้มากขึ้น
โจวเสี่ยวเหมยอึ้งไป หล่อนไม่ได้คิดคำนวณไว้จริง ๆ
“บอกน้องเขยเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ พี่ได้ยินมาว่าในเมืองหลวงมีกระแสปลดพนักงานออกแล้ว คนหลายคนจะตกงานในภายภาคหน้า พี่ไม่รู้ว่าฝั่งน้องเขยเป็นอย่างไร แต่เป็นความคิดที่ไม่เลวเลยในการวางแผนล่วงหน้า พี่รับประกันทางฝั่งพี่ให้กับเธอสองคน ดังนั้นไม่ต้องกังวลไป อย่างมากพวกเธอแค่ย้ายไปที่นั่น พี่ยังใช้ตำแหน่งงานในมหาวิทยาลัยของพี่ปกป้องพวกเธอได้” หลินชิงเหอให้ความมั่นใจ
ในฐานะนักเรียนดีเด่น ทางมหาวิทยาลัยย่อมให้สิทธิประโยชน์มากมายอยู่แล้ว
ไม่ว่าจะอยู่ตรงหน้าประตูมหาวิทยาลัยหรือที่ไหนก็ตามมันก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เธอแค่ไปที่นั่นและบอกให้ทราบล่วงหน้าก็พอ
“ค่ะ งั้นฉันจะพูดเรื่องนี้กับต้าหลินนะคะ” โจวเสี่ยวเหมยเอ่ยและพยักหน้า
“ดังนั้นเธอต้องดูแลลูกให้ดี ๆ อย่าคิดมาก ตราบใดที่สามีภรรยาอย่างพวกเธอขยันทำงานหนัก เด็ก ๆ ก็จะไม่มีทางหิวโหยเลยในอนาคต” หลินชิงเหอบอก
“ตราบใดที่เราไม่อดตายก็ไม่เป็นไรค่ะ ฉันยังอยากจะตั้งรกรากและเจริญก้าวหน้าในเมืองหลวงอยู่นะคะ” โจวเสี่ยวเหมยเอ่ยอย่างรวดเร็ว
“พี่สะใภ้สี่ของเธอจะจำไว้นะ” หลินชิงเหอหัวเราะอย่างติดรำคาญเล็กน้อย
เมื่อพี่สะใภ้แวะมาคุยพอแล้ว พวกเขาก็จากไป
ซูต้าหลินคะยั้นคะยอให้พวกเขามากินอาหารกลางวันด้วยกัน แต่หลินชิงเหอก็บอกไปว่าไม่จำเป็น เพราะครอบครัวของเธอกำลังจะไปที่ร้านอาหาร
หลังโบกมือลา ครอบครัวนี้ก็ไปหาช่างภาพ
ช่างภาพคนนี้รู้จักมักคุ้นกับครอบครัวของพวกเขาดี พวกเขาจะมาที่นี่ในทุกปี ต่อให้ในช่วงปีใหม่จะมีหิมะตกหนัก พวกเขาก็ยังมาชดเชยหลังปีใหม่ แล้วพวกเขาจะไม่เป็นที่รู้จักได้อย่างไรล่ะ?
“เวลาผ่านไปเร็วนะครับ ตอนแรกที่มา เด็กสามคนนี้ยังตัวเล็กเท่านี้อยู่เลย” เจ้าของร้านทำมือเทียบความสูงในระดับของเด็กวัยหัดเดินจากนั้นก็พูดต่อ “ตอนนี้เขาสูงกว่าพ่อของเขาแล้ว”
โดยเฉพาะโจวข่ายที่ไม่ต่างจากพ่อของเขามากนัก
ทั้งครอบครัวถ่ายรูปกับภาพหนึ่งก่อน จากนั้นจึงค่อยถ่ายรูปรายบุคคล พวกเขาถ่ายรูปกัน 7-8 รูปก่อนจะเสร็จสิ้น
“จะว่าไป เด็กคนนี้อายุเท่าไหร่กันนะ? เขามีคนรักแล้วหรือยัง? ผมมีหลานสาวคนหนึ่งเพิ่งจะอายุ 18 …”
หลังเจ้าของร้านเอ่ยออกมา เจ้ารองก็หัวเราะ “ 18 ปียังโตเกินไปครับ พี่ใหญ่เพิ่ง 15 ในปีนี้เอง”
“แค่อายุ 15 ก็สูงขนาดนี้แล้วเหรอ?” ดวงตาของช่างภาพเป็นประกาย “ผมมีลูกสาวคนหนึ่งที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับคุณเลย”
“ยังเร็วเกินไปครับ พี่ใหญ่ผมยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่เลย” เจ้าสามเอ่ยอย่างขบขัน
“นักศึกษามหาวิทยาลัยงั้นเหรอ?” สายตาของช่างภาพเบนไปทางเจ้าใหญ่อย่างหมายตาอยากให้เด็กหนุ่มคนนี้ได้เป็นสมาชิกในครอบครัวของเขา
“ไว้เจอกันคราวหน้านะครับ” เจ้าใหญ่ทนไม่ได้จึงโบกมือและผละจากไปอย่างรวดเร็ว
หลินชิงเหอขำแทบตาย ทุกที่ที่เขาไปก็จะมีแต่คนหมายตาเขา
“รู้สึกว่าเขามองพี่โตขึ้นอยู่แทบจะตลอด และรู้ว่าพี่เป็นคนยังไงนะครับพี่ใหญ่ แกถึงอยากให้พี่แต่งงานกับลูกสาวของแก” เจ้ารองชี้แนะ
“พี่อายุแค่ 15 แต่ถูกปฏิบัติตัวเหมือนคนอายุ 20 ผมเห็นใจพี่ใหญ่นะครับ พี่โตเร็วเกินไปแล้ว” เจ้าสามเอ่ย
“นายไม่ต้องพูดเกี่ยวกับฉันหรอก จากที่ฉันเห็น ถ้านายอายุเท่าฉันนายก็จะเจอแบบนี้เหมือนกัน” เจ้าใหญ่สวนกลับ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...