“มันก็คงอีกนานแหละ” โจวชิงไป๋บอก
หลินชิงเหอหัวเราะในลำคอ “ทำตัวดี ๆ นะคะ ฤดูร้อนปีหน้าฉันก็เรียนจบแล้วล่ะ”
“ฤดูร้อนหน้า?” โจวชิงไป๋อึ้งไป “ผมคำนวณดูแล้ว คุณยังเรียนไม่จบหรอกจนกว่าจะถึงฤดูร้อนปี 1981”
เขานับวันเวลาอยู่ตลอดนับครั้งไม่ถ้วน
“ฉันวางแผนว่าจะจบเร็วน่ะค่ะ ตราบใดที่ผลการเรียนของฉันดี ทางคณะก็ไม่คัดค้านอะไร” หลินชิงเหอตอบ
แม้จะมีการฟื้นฟูและอาจารย์หลายคนทยอยกลับเข้าประจำการเรียนการสอนแล้วก็ตาม แต่ทางมหาวิทยาลัยก็ยังขาดอาจารย์อยู่อีกมาก
ถ้าเธอเรียนจบเร็ว ทำไมทางสถานศึกษาถึงจะไม่เห็นด้วยล่ะ?
“ฟังดูยากลำบากเหลือเกินนะ” โจวชิงไป๋เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเห็นใจ
“ยากลำบากอะไรกันคะ?” หลินชิงเหอไม่ใส่ใจ เธอเริ่มเรียนมานานมากแล้ว เธอไม่ได้ทำไปเปล่า ๆ หรอก
ส่วนที่จงใจไม่ให้โจวชิงไป๋ขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเร็วเกินไปนั้นเป็นเพราะเธอไม่มีทางเลือก เนื่องจากทีวีกับวิทยุเป็นของที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ครอบครองเป็นการส่วนตัวในต้นยุค 1980
แต่นี่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการซื้อขายในตลาดมืดแต่อย่างใด
เธอวางแผนเอาไว้หมดแล้ว เมื่อโจวชิงไป๋มาถึงเมืองหลวง เธอก็จะให้เขาเปิดร้านเครื่องเขียนบังหน้า แต่ในความจริงก็คือ หากเธอมีเวลาว่าง เขาก็จะเดินทางลงใต้ไปกับเธอ
ในตอนนั้นทางตอนใต้ก็จะเริ่มมีการซื้อขายกันอย่างเสรีแล้ว ซึ่งปีหน้าคงไม่สายเกินไป
พวกเขาจะเก็บสิ่งของไว้จนเต็มมิติ เป็นของหรูหราทั้งหมด ตราบใดที่พวกเขาสามารถขายทีวีหรืออะไรบางอย่างได้ พวกเขาก็สามารถปิดบังค่าใช้จ่ายไว้ได้ระยะหนึ่ง
ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าของหรูหราทั้งหมดนั้นหายากขนาดไหนในตอนนี้ พวกมันเป็นที่นิยมอย่างมาก
หลินชิงเหอวางแผนว่าจะยังไม่บอกเรื่องนี้กับโจวชิงไป๋ เมื่อเวลานั้นมาถึงเขาก็คงจะรู้เอง
ส่วนเรื่องที่เธอจะจบการศึกษาในฤดูร้อนหน้านั้นเธอสามารถบอกโจวชิงไป๋ไว้ล่วงหน้าได้
โจวชิงไป๋รู้สึกยินดีโดยแท้ เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องการเรียนจบก่อนกำหนดเลย
“มีเรื่องหนึ่งจะบอกคุณล่ะ ปีนี้คุณพ่อไม่ได้ไปทำงานแล้วนะ” โจวชิงไป๋นึกขึ้นมาได้และบอกภรรยา
“คุณพ่ออายุมากขนาดนั้นแล้วไม่จำเป็นต้องไปทำงานในทุ่งนาหรอกค่ะ ครอบครัวของเราไม่ได้ขาดแคลนแต้มค่าแรงมากขนาดนั้น ดีแล้วล่ะค่ะที่เขาไม่ได้ทำงาน ไม่งั้นสุขภาพของเขาจะยิ่งทรุดลง” หลินชิงเหอบอก
จำเป็นแค่ไหนต้องให้ท่านพ่อโจวที่อายุมากขนาดนั้นแล้วไปทำงานในทุ่งนา?
“คุณแม่บอกว่าในเมื่อเขาไม่ได้ทำงานในทุ่งนาแล้ว พวกเขาก็จะเลี้ยงเป็ดที่บ้านมากอีกหน่อย ท่านจะให้คุณพ่อเป็นคนเลี้ยงเป็ดแล้ว” โจวชิงไป๋บอก
“นั่นก็ได้นะคะ มีคนหนึ่งว่างงานแล้วพวกเขาก็คงกลัวว่าจะอยู่บ้านเบื่อ ๆ กัน” หลินชิงเหอตอบ “ปีนี้ฉันวางแผนจะไปไห่หนานน่ะค่ะ ถึงตอนนั้นฉันจะซื้อวิทยุมาไว้ที่บ้านเราเครื่องหนึ่ง”
“ตกลง” โจวชิงไป๋พยักหน้า
“ทำไมฉันไม่เห็นได้ยินข่าวติดตั้งไฟฟ้าในหมู่บ้านของเราเลยคะ? ฉันได้ยินเพื่อนร่วมหอพักบอกว่าทางหมู่บ้านหล่อนมีไฟฟ้าใช้แล้ว” หลินชิงเหอถามอย่างสงสัย
จากสิ่งที่หวังลี่พูดมา หล่อนบอกว่าบ้านของหล่อนมีไฟฟ้าใช้แล้ว
“ผมจะคอยดูว่าในปีนี้จะมีข่าวคราวไหมนะ” โจวชิงไป๋ตอบ
“ถ้ามีไฟฟ้าใช้แล้ว ฉันจะซื้อทีวีมาไว้ที่บ้านของเรานะคะ” หลินชิงเหอพูดต่อ
โจวชิงไป๋ยิ้ม เขาไม่แย้งการตัดสินใจใด ๆ ของเธอทั้งสิ้น
เขารู้ว่าเธอจะซื้อทีวีเครื่องนั้นมาให้พ่อแม่ของเขาดูเพื่อไม่ให้ผู้สูงอายุต้องรู้สึกเบื่อเหงา
เป็นเวลาดึกมากแล้วในตอนที่พวกเขากลับถึงบ้าน
ท่านแม่โจวเดินออกมาดูว่าครอบครัวนี้กลับบ้านไปนอนพักผ่อนแล้วหรือยัง
ทั้งครอบครัวต้มน้ำและล้างหน้าล้างเท้า ส่วนหลินชิงเหออาบน้ำอีกครั้งก่อนจะเข้านอน
ท่ามกลางอากาศเย็นเช่นนี้ มีเพียงหลินชิงเหอคนเดียวในหมู่บ้านที่อาบน้ำ
หลังจากวันที่สาม อู่นีกับโจวหยางก็มาหาอีกครั้ง
หลินชิงเหอจะจากบ้านไปพร้อมกับเจ้าใหญ่ในวันที่หก เธอจึงมีเวลาสอนพวกเขาเพียง 2 วัน ดังนั้นหลินชิงเหอจึงให้พวกเขามาหาอีกครั้งในตอนบ่ายและทำการสอนอีก 1 ชั่วโมง
ไม่นานนักวันที่หกก็มาถึง
เช้าตรู่วันนั้น โจวชิงไป๋ได้ส่งพวกเขาสองคนเข้าเมืองเพื่อขึ้นรถประจำทาง
รถประจำทางนี้จะเดินทางจากอำเภอเข้าไปในเทศบาลมณฑล จากนั้นพวกเขาต้องต่อรถไฟจากตัวมณฑลไปอีกทีหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...