หลินชิงเหอที่ผู้นำหมู่บ้านยกย่องให้เป็นยอดสหายหญิงสอบได้คะแนนดีเยี่ยมในการสอบครั้งนี้
อาจารย์ของเธอรายงานเรื่องนี้กับทางมหาวิทยาลัย ซึ่งพวกเขาก็ตอบรับนักเรียนอย่างหลินชิงเหอให้อยู่ทำงานที่คณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ที่ทางมหาวิทยาลัยกำลังขาดแคลนบุคลากรทางการศึกษา
ผลลัพธ์ในครั้งนี้ยืนยันถึงความสามารถของหลินชิงเหอเป็นอย่างดี
เมื่อถึงสิ้นเดือนมิถุนายน ก็จะเริ่มมีการเก็บเกี่ยวประจำฤดูร้อนในชนบท
ในเมืองหลวงหลายวันมานี้มีฝนตกและตกไม่เบาเลย ซึ่งไม่รู้ว่าทางบ้านที่ชนบทจะเป็นอย่างไรบ้าง
เมื่อสอบไล่เสร็จสิ้น หลินชิงเหอก็ถามลูกชายคนโตว่าอยากกลับบ้านด้วยกันไหม แต่เขาบอกว่าไม่อยากกลับ หลินชิงเหอจึงปล่อยเขาไป
หลังให้เงินเขาไว้ 50 หยวน เธอก็ออกเดินทางไปที่เมืองไห่หนานทันที
ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว เธอก็ลงมือซื้อของ ตอนนี้เป็นช่วงฤดูร้อน แม้ในหมู่บ้านจะยังไม่มีไฟฟ้าใช้ แต่ในอำเภอมีไฟฟ้าใช้มานานแล้ว
ของอย่างพัดลมไฟฟ้าจะต้องขายดีอย่างแน่นอน
หลินชิงเหอเดินเข้าห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ หลายที่ แต่ละที่เธอก็ซื้อพัดลมไฟฟ้า เช่นเดียวกับนาฬิกา ผ้าพันคอ และเสื้อผ้าชุดใหม่
เธอใช้จ่ายไปเกือบ 2,000 หยวนเป็นค่าสินค้าของไห่หนาน ต้องบอกว่ามันทำให้กระเป๋าเงินเธอพร่องลงมากทีเดียว แน่นอนว่าเป็นเพราะนาฬิกาที่นี่มีราคาแพงเกินไปด้วย
หลินชิงเหอกลับบ้านเกิดพร้อมกับของเหล่านี้
เธอนั่งรถไฟมาลงที่ตัวเทศบาลมณฑลและขายของจำนวนหนึ่งที่นั่น แต่ไม่ได้กำไรมากนัก หญิงสาวจึงขายต่อมันให้กับเจ้าของร้านสินค้ามือสอง
อย่างเช่นนาฬิกาเรือนหนึ่งมีราคารา 120 หยวน เธอขายในราคา 160 หยวนถึง 170 หยวน ได้กำไรเพียงไม่กี่สิบหยวน ส่วนคนที่นำไปขายต่อก็จะได้ราคา 200 หยวน บางทีอาจถึง 230 หยวนด้วย ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเขา
ทำเช่นนี้แล้ว เธอจึงสามารถระบายของออกได้อย่างรวดเร็ว
นาฬิกาถูกขายไปเพียง 3 เรือน ซึ่งพวกมันจะถูกขายในอำเภอด้วยราคา 200 หยวน ส่วนที่เหลือถูกขายในเทศบาลมณฑลไปแล้ว
จากนั้นหลินชิงเหอก็ขึ้นรถกลับมาที่อำเภอ
เธอมาที่ตลาดมืดเพื่อขายพัดลมไฟฟ้า จากนั้นก็ขายเสื้อผ้าที่ซื้อมาใหม่ให้เสิ่นอวี้ที่ทำงานอยู่ในร้านค้าสหกรณ์
เสิ่นอวี้เพิ่งได้รับรสชาติหวานหอมไปในปีที่แล้ว ผ้าพันคอกับเสื้อผ้าเหล่านั้นทำให้หล่อนได้เงินมาเกือบสามเท่าของเงินเดือนหล่อนเอง
ต้นปีนี้หลินชิงเหอได้พาเด็ก ๆ เข้าเมืองและมาที่ร้านค้าสหกรณ์ ตอนนั้นเสิ่นอวี้ทำงานอยู่พอดี หล่อนเลยดึงตัวหลินชิงเหอมาคุยและเอ่ยขอให้เธอนำสินค้ามาให้หล่อนในครั้งหน้าหากว่าเธอได้สินค้ามา
เสิ่นอวี้ไม่ได้กักตุนของด้วยตัวเอง หล่อนดึงผู้ร่วมงานอีกคนหนึ่งที่มีครอบครัวเหมือนกันให้มาทำงานด้วยกัน หลังจากที่ทั้งสองหารเฉลี่ยกำไรเท่า ๆ กันแล้ว พวกหล่อนแต่ละคนก็ได้เงินไปจำนวนมากกว่าสามเท่าของเงินเดือน
คงจะนึกออกแล้วว่าผลกำไรในธุรกิจด้านนี้มีมหาศาลขนาดไหน
เมื่อหลินชิงเหอมาหา เสิ่นอวี้ก็เสนอว่าหล่อนสามารถรับของไว้ได้
สินค้าจากไห่หนานล้วนเป็นของใหม่ทันสมัยที่สุด พวกมันต้องเป็นที่ต้องการแน่!
“ทางฝั่งเธอตกลงกันแล้วใช่ไหม อย่าลืมคุยกับหุ้นส่วนของเธอก่อนนะ” เห็นหล่อนมีท่าทางแบบนี้แล้ว หลินชิงเหอก็เอ่ยขึ้น
“พี่สาวไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพื่อนร่วมงานฉันบอกว่าตราบใดที่มีของมา ก็ให้พี่เอามาให้มากเท่าที่จะมากได้เลยค่ะ” เสิ่นอวี้กระซิบ
เมื่อทั้งสองได้ผลัดเปลี่ยนกะการทำงาน พวกหล่อนจึงสามารถสั่งของได้จำนวนหนึ่งในหนึ่งวัน
ของหนึ่งชิ้นสามารถทำกำไรได้ราว 2 หยวน เมื่อแบ่งรายได้สินค้ากันแล้ว แต่ละคนจะได้กันคนละไม่กี่หยวน ทั้งคู่มีหน้าที่รับผิดชอบแผนกขายผ้า และเงินเดือนของพวกเธอเพิ่งจะได้ขึ้นเป็น 30 หยวน
เห็นรายได้ขนาดนี้แล้ว จะไม่เกิดแรงจูงใจได้อย่างไร?
การค้าขายของเหล่านี้ย่อมต้องมีความเสี่ยง แต่ปกติแล้วก็ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร
เมื่อลูกค้ามาถึง ทั้งคู่จะอธิบายว่าพวกหล่อนมีเสื้อผ้าแบบใหม่จากไห่หนานที่เพื่อนนำมาขายต่อ แต่ไม่ต้องการใส่แล้วจึงมาถามว่าพวกหล่อนชอบไหม?
พวกหล่อนทำกำไรได้ 2 หยวนต่อ 1 ชุด แม้หลินชิงเหอจะได้กำไรบ้างในฐานะคนกลาง แต่มันก็ยังไม่แพงเกินไปนัก ผู้หญิงที่ซื้อเสื้อผ้าแบบใหม่ไปย่อมไม่ก่อปัญหา
ดังนั้นงานนี้จึงดำเนินต่อไปด้วยดี แม้ว่าจะถูกฟ้อง แต่มันก็ยังเหมือนเดิม เพราะโดยทั่วไปแล้วไม่มีใครนำเรื่องนี้ไปฟ้อง
เมื่อหลินชิงเหอได้ยินหล่อนพูดดังนี้ เธอก็มอบเสื้อผ้าทั้งหมดให้หล่อนด้วยรอยยิ้ม ซึ่งมีไม่มากนักเพียง 2 ถุงเท่านั้น
หลินชิงเหอมอบรายการสินค้าให้หล่อนและเอ่ยขึ้น “นี่เป็นรายการที่ฉันทำ ราคาอยู่ข้างบนแล้ว หลังเธอเลิกงานก็กลับบ้านไปตรวจดูนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...