ท่านแม่โจวอยากไปอย่างเห็นได้ชัด นางเอ่ยพลางยิ้มกริ่ม “รอจนกว่าเธอจะตั้งตัวได้แล้วเราค่อยมาคุยกันนะ ดูว่าผู้เฒ่าสองคนอย่างเราจะช่วยเธอได้ไหม ถ้าช่วยได้เราก็จะไป”
พวกเขาไม่อาจไปอยู่ที่นั่นเพื่อเป็นตัวปัญหาได้หรอก
หลินชิงเหอไม่ได้เอ่ยอะไร ตอนนี้ยังเร็วเกินไปหน่อยที่จะพูดเรื่องนี้ รอหลังจากนั้นค่อยตัดสินใจดีกว่า
โจวชิงไป๋กลับมาในตอนเย็นพร้อมกับเจ้ารอง ทั้งพ่อลูกนำกระต่าย 2 ตัวและไก่ฟ้า 5 ตัวกลับมาด้วย
หลินชิงเหอเห็นว่าน้องชายสามตระกูลหลินไม่ได้มาด้วยจึงเอ่ยปากถาม “คุณน้าเดินไปไกลแล้วหรือยัง?”
“ยังครับ เราเพิ่งแยกทางกัน” เจ้ารองยืนยัน
“เอาเป็ดย่างตัวนี้ไปให้คุณน้าสิ” หลินชิงเหอยื่นเป็ดย่างในห่อกระดาษไขให้เขาและออกคำสั่ง
ส่วนของพี่สาวใหญ่กับพี่สาวรอง เธอค่อยส่งให้พรุ่งนี้
“ครับ” เจ้ารองรับคำและกระโดดขี่จักรยานปั่นตามคุณน้าไป
จากนั้นหลินชิงเหอก็หันมามองโจวชิงไป๋ ส่วนโจวชิงไป๋เองก็มองสำรวจภรรยาอยู่เช่นกัน
“พ่อ ยังมองไม่พออีกเหรอครับ? พ่อมองแม่ตั้งแต่ตอนที่กลับมาถึงบ้านแล้วนะ” เจ้าสามเอ่ยเย้า
“แม่คิดว่าลูกคงจะอิ่มแล้ว แล้วก็อยากชิมรสไม้เรียวกระทบเนื้อแล้วสินะ” หลินชิงเหอกวาดสายตาเหลือบมองเขา
เจ้าสามหัวเราะคิกคักก่อนจะต้มน้ำเพื่อซักผ้าขนสัตว์
หลินชิงเหอชงน้ำผสมน้ำผึ้งถ้วยหนึ่งให้โจวชิงไป๋ดื่มก่อน ในมิติของเธอยังมีน้ำผึ้งอยู่จำนวนหนึ่ง ทั้งหมดนี้เธอเก็บไว้เพื่อดื่มในฤดูหนาว อากาศฤดูนี้แห้งเกินไป พวกเขาจึงต้องได้รับน้ำให้เพียงพอเข้าไว้
หลังดื่มน้ำผสมน้ำผึ้งเสร็จ โจวชิงไป๋ก็มองเธอพลางเอ่ยขึ้น “ผมรอคุณแล้วแต่คุณก็ยังไม่กลับมา”
“ค่ะ ฉันได้ยินจากคุณแม่แล้ว ตอนที่คุณออกไป ฉันก็กลับมาพอดี ตั้งใจจะทำให้คุณประหลาดใจน่ะค่ะ” หลินชิงเหอหัวเราะ
มุมปากของโจวชิงไป๋โค้งขึ้นเล็กน้อย หลินชิงเหอดึงตัวเข้าไปในห้องและยื่นใบรับรองอสังหาริมทรัพย์ให้เขาดู “ฉันได้ที่แล้วนะคะ เมื่อไหร่ที่ปีนี้ผ่านไป เราจะย้ายครอบครัวกัน พรุ่งนี้คุณไปหาคุณครูใหญ่ขอจดหมายรับรองการย้ายโรงเรียนให้เด็กทั้งสองคนด้วยนะคะ”
“ย้ายทันทีหลังปีใหม่นี้เหรอ?” โจวชิงไป๋อึ้งไปขณะจ้องมองใบรับรองอสังหาริมทรัพย์และหันไปมองภรรยา
“ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะเรียนจบเร็วก่อนกำหนดน่ะค่ะ แผนเดิมก็เลยต้องปรับเปลี่ยนไป แต่มันก็ถือว่าเป็นเรื่องดีอยู่นะคะ” หลินชิงเหอตอบ “ฉันกับลูกชายคนโตของเราได้ทำความสะอาดบ้านที่เราจะไปอยู่เรียบร้อยแล้วนะคะ หลังผ่านปีนี้ไปเราย้ายไปอยู่ที่นั่นเลยไหมคะ?”
“งั้นพรุ่งนี้ผมจะไปทำเรื่องขอเอกสารทั้งหมดให้นะ” โจวชิงไป๋เอ่ยหลังได้ยินดังนี้
หลินชิงเหอยิ้มขณะมองเขา “คุณไม่กังวลตอนต้องไปอยู่ที่นั่นเหรอ”
“ไม่เลย ผมจะอยู่เฝ้าร้านนี้ให้คุณนะ” โจวชิงไป๋ให้สัญญาอย่างจริงจัง
“ฉันวางแผนจะให้คุณขายเกี๊ยว ดังนั้นช่วงปีใหม่คุณฝึกทำอยู่ที่บ้านไปนะคะ” หลินชิงเหอบอก
“ได้ครับ” โจวชิงไป๋ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ถ้าให้ขายเกี๊ยวเขายังมีความสามารถที่จะทำได้ ดังนั้นภายในปีนี้เขาต้องฝึกทำแล้ว
นับจากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป โจวชิงไป๋จึงเริ่มทำอาหารหลังทำเรื่องขอเอกสารที่ต้องการแล้ว
การทำเกี๊ยวไม่ยากอะไรนัก แค่รีดแป้งให้เป็นแผ่น สับไส้เกี๊ยว ห่อเกี๊ยว จากนั้นก็ทำให้สุก
เขาทำสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่นานเท่าไรนักทั้งครอบครัวก็มากินเกี๊ยว
หลินชิงเหอกินเกี๊ยวจนเบื่อขยาดไปแล้ว แต่เมื่อเห็นชิงไป๋ของเธอมีท่าทางจริงจังมาก เธอก็ยอมหยวน ๆ ให้เขา
ความจริงแล้วมันเป็นแค่ร้านเกี๊ยวเท่านั้น แต่เหตุผลที่เธอเปิดร้านนี้เพราะกลัวว่าเขาจะเบื่อมากในทันทีที่ย้ายไปอยู่ที่นั่น
ชายคนนี้รู้สึกเหนื่อยได้ แต่รู้สึกว่างงานไม่ได้ เพราะถ้าว่างงานเกินไป เขาจะสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงเปิดร้านนี้ขึ้นมา
หลายวันมานี้โจวชิงไป๋ลองหัดทำเกี๊ยวหลายไส้มาก เช่น ไส้กะหล่ำปลี ไส้เห็ด และอื่น ๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่น่ากินทั้งนั้น
ไส้เนื้อสับ แกะสับ และหมูสับก็มีเหมือนกัน
แต่ที่นี่หาวัตถุดิบได้ยากนัก เนื้อวัวกับเนื้อแกะไม่ค่อยมีให้เห็น ดังนั้นเกี๊ยวไส้เนื้อส่วนใหญ่ที่กินกันจึงเป็นไส้หมูสับ
เดิมทีหลินชิงเหอรู้สึกนิ่งนอนใจอยู่ แต่ตอนนี้เมื่อเห็นความพากเพียรของโจวชิงไป๋แล้ว เธอก็ไม่กล้าประมาท
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...