ขณะที่หลินชิงเหอยังไม่รู้เรื่องของสองศรีพี่น้องคู่นี้ พวกหล่อนก็ได้ทะเลาะทุ่มเถียงกันไปมาแล้ว
คุณป้าจางถึงกับตะโกนบอกให้หยุด
จากนั้นสะใภ้ตระกูลจางก็เอ่ยขึ้น “พวกเธอไล่จับกันเองเถอะ ถ้าทำสำเร็จต่างคนต่างก็มีชีวิตของตัวเอง ไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกัน”
ซึ่งนี่ก็คือการหว่านแหจับปลาใหญ่
ทั้งพ่อและลูกชายคนโตแห่งตระกูลโจวต่างเป็นผู้ชายดีที่ควรจับไว้
หากโจวชิงไป๋กับโจวข่ายรู้เรื่องนี้ ในคืนนั้นพวกเขาคงอยากรีบเก็บของหนีทันที
ครอบครัวนี้เป็นเป็นหนึ่งในครอบครัวที่น่ากลัวเลยทีเดียว
คนหนึ่งก็หมายตาเด็กหนุ่มที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ส่วนอีกคนหนึ่งก็หมายจะจับชายที่แต่งงานแล้ว มีอะไรที่พิลึกยิ่งกว่านี้อีก?
ทุกคนในชุมชนพากันพูดถึงเรื่องนี้ ซึ่งหลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋รู้เรื่องจากคุณป้าหม่า แต่พวกเขาก็ไม่สนใจ เพราะในปีนี้มีคนผันตัวมาเป็นเถ้าแก่มากกว่าปีก่อนจริง ๆ
และชิงไป๋ของเธอก็เป็นหนึ่งในนั้น
ในวันที่สองของการเปิดร้าน โจวชิงไป๋ก็มีรายได้ราว 2 หยวนหรือประมาณนั้น ต้องบอกว่ากิจการอยู่ในช่วงคงตัวมากแล้ว เพราะถึงจะได้เงินไม่มาก แต่หลินชิงเหอก็ไม่ได้เข้ามาก้าวก่าย เธอปล่อยให้โจวชิงไป๋ได้อุทิศตัวเพื่องานนี้อย่างเต็มกำลัง
ร้านค้าแห่งนี้เปิดตั้งแต่สิ้นเดือนมกราคม และเมื่อถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ โจวชิงไป๋ก็ยื่นเงินให้เธอ 60 หยวน
หลินชิงเหออึ้งไปและเอ่ยขึ้น “ให้ฉันหมดเลยเหรอคะ? เรายังต้องสั่งซื้อของเข้าร้านอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
“ผมกันส่วนนั้นไว้แล้วล่ะ” โจวชิงไป๋ตอบ
เดือนนี้เขาได้กำไรไปเกือบ 70 หยวน ซึ่งเขาให้ภรรยาเก็บไว้ 60 หยวน ขณะที่เก็บส่วนที่เหลือไว้กับตัวเองเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของทางร้าน
“มากินแค่ไม่กี่คนแต่ได้เยอะขนาดนี้เลยเหรอคะ?” หลินชิงเหอรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก
ชิงไป๋ของเธอดำเนินกิจการอย่างซื่อสัตย์ เขาได้เงิน 5 เหมาต่อเกี๊ยว 1 ชาม ออกจากบ้านตั้งแต่หกโมงเช้าและอยู่เฝ้าร้านจนถึงสามทุ่ม
จากที่หลินชิงเหอเห็น เธอเห็นว่าเขายุ่งมากจริง ๆ แต่เมื่อเห็นว่าเขามีความสุขในการทำงาน เธอก็ไม่เคยว่ากล่าวอะไร
เธอคิดว่าในเดือนนี้จะได้กำไรราว 3 หยวนเสียอีก แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้มาถึงสองเท่าตัว
“เดือนหน้ากิจการเราจะดีขึ้นนะครับ” โจวชิงไป๋บอก
ตอนนี้เขาเริ่มจับทางได้แล้ว และอีกไม่นานก็จะมีกุยช่ายขายในตลาด
“ถึงการทำธุรกิจจะได้กำไรเยอะมาก แต่คุณยังต้องใส่ใจกับการพักผ่อนด้วยนะคะ ถ้าเจ้าใหญ่ไปหาตอนกลางวัน คุณก็ขึ้นไปพักที่ชั้นสองได้ ให้เขาจัดการขายเกี๊ยวแทน” หลินชิงเหอเอ่ยเตือน
“ครับ” โจวชิงไป๋พยักหน้า
ลูกชายคนโตช่วยเขาได้ หลังจากผ่านช่วงบ่ายอันเร่งด่วน เขาคงขึ้นไปนอนพักได้ตอนบ่ายโมง
ทันทีที่เขาตื่น ลูกชายคนโตก็จะกลับไปเรียนอีกครั้ง ต่อให้โจวชิงไป๋จะมีสุขภาพแข็งแรงดี แต่เขาก็มีอายุ 30 กว่าแล้วและยังตื่นแต่เช้า ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องดูแลสุขภาพของตัวเอง
หลังเข้าสู่ฤดูใบไม้ผล ในตลาดก็เริ่มมีกุยช่ายออกวางขาย
โจวชิงไป๋ออกจากบ้านตั้งแต่ตีห้าครึ่งและไปถึงตลาดตอนหกโมงเช้าพอดี
เขาซื้อกุยช่ายเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุที่เขาซื้อเป็นจำนวนมากนี่เองจึงได้ราคาถูกลง โดยเฉพาะตั้งแต่ที่เขาบอกว่าจะมาซื้อทุกวัน ยิ่งกว่านั้นเขาก็ซื้อไปเป็นจำนวนมาก หากได้ซื้อในราคาขายส่งจะได้ราคาที่ถูกกว่า
เป็นการแก้ปัญหาทั้งสองฝ่ายถูกไหม?
หลังซื้อกุยช่ายแล้ว โจวชิงไป๋ก็เติมเกี๊ยวหมูกับกุยช่ายกับเกี๊ยวไข่กับกุยช่ายในเมนูอาหารธรรมดา ๆ ของเขา
หากเป็นวิธีของเขาแล้ว มันไม่จำเป็นต้องทำให้ยุ่งยากมากนักหรอก
เขาไม่จำเป็นต้องทำเกี๊ยวมากมายหลายชนิด แต่ภรรยาบอกว่าการมีเกี๊ยวหลากไส้ให้เลือกจะดึงดูดลูกค้าได้ อย่าไปกลัวปัญหาเลย
ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวปัญหา
ทันทีที่ร้านเปิด เขาก็มุ่งหน้าไปทำงาน ตอนนี้ยังเป็นแค่หกโมงครึ่ง แต่ก็มีลูกค้าทยอยเข้าร้านแล้ว
เป็นเพราะเขาเติมกุยช่ายลงไปล่าสุดในเมนู คนส่วนใหญ่จึงสั่งเกี๊ยวกุยช่ายกับหมูเป็นหลัก และสั่งเกี๊ยวไข่กับกุยช่ายรองลงมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...