วอนตายเสียแล้วยัยนี่
ในวันนั้นหลินชิงเหอได้สลับชั้นเรียนกับอาจารย์อีกคนหนึ่งพอดี ซึ่งอาจารย์คนนั้นมีสอนช่วงบ่าย เธอจึงขอสลับเวลาสอน
แล้วเธอก็มาที่ร้านและได้ยินคำพูดพวกนั้นเข้า
หลินชิงเหอไม่ยั้งตัวเองใด ๆ ทั้งสิ้น เธอเดินเข้ามาในร้านและเห็นโจวชิงไป๋ทำหน้าหงิกขณะที่จางเหมยเหอนั่งอยู่ที่โต๊ะลูกค้า
เมื่อเห็นเธอเข้ามา โจวชิงไป๋ก็มีสีหน้าผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย
กลับกัน จางเหมยเหอก็ร้อนรนขึ้นมาทันทีที่ถูกจับได้ หล่อนมองมาที่หลินชิงเหอ
หลินชิงเหอมองหล่อนกลับและเริ่มทำการแฉ “ลูกสาวคนโตตระกูลจางอย่างเธอเคยท้องมาก่อนและอีกฝ่ายก็เป็นผู้ชายที่แต่งงานแล้ว บอกได้เลยว่าถ้าเธอหนีไม่ทันในครั้งนั้น เธอก็จะกลายเป็นเป้าให้ถูกวิจารณ์อย่างแน่นอน ตอนที่เธอไปชนบท เธอแต่งงานกับคนบางคนเพราะต้องการหาคนมาช่วยเหลือ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตอนนั้นที่ทำแท้งหรือเปล่าน่ะจึงทำให้ร่างกายของเธอทรุดโทรมมีลูกไม่ได้มานานหลายปี แต่ก็ไม่คิดเลยว่าตอนนี้เธอจะมาจับผู้ชายของฉัน”
จางเหมยเหอตกใจไม่คิดว่าเธอจะรู้เรื่องกระจ่างหมด หล่อนขบเคี้ยวฟันและโต้กลับ “คุณเป็นอาจารย์ผู้ทรงความรู้และมีหน้าที่สอนคน แต่ก็ยังเปิดปากว่าร้ายคนอื่นแบบนี้ ไม่กลัวกรรมตามสนองเหรอคะ?”
“ขนาดเธอยังไม่กลัวกรรมตามสนอง แล้วทำไมคนอย่างฉันที่สุจริตมาโดยตลอดถึงต้องกลัวด้วย? อีกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ฉันด่าว่าเธอ หรือตอนที่ฉันไปสืบเรื่องนี้ในชุมชนของเรา มีใครบ้างล่ะที่ไม่รู้ว่าเธอเป็นคนยังไง…จางเหมยเหอ? เรื่องนี้ชาวบ้านรู้กันทุกที่แล้ว เกือบจะบอกตรง ๆ เลยว่าเธอเป็นผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอายที่เป็นของมือสองพัง ๆ ชิ้นหนึ่ง” หลินชิงเหอเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน
“แก…ยัยบ้านนอ…”
ก่อนที่หล่อนจะพูดจบ หลินชิงเหอก็ขัดเสียก่อน “ฉันแค่ไม่อยากจะสนใจการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อก่อหน้านี้ของเธอหรอก ก็เป็นแค่ผู้หญิงผ่านการหย่าที่ดูเหมือนเมล็ดแตงฝ่อและพุทราเน่าที่ไม่มีการศึกษา เธอเหมาะจะเป็นคู่ต่อสู้ฉันด้วยเหรอ? ฉันไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตาเลยล่ะ มีส่วนไหนในร่างกายเธอที่เทียบกับฉันได้บ้าง? ทั้งหน้าตา รูปร่าง การศึกษา แล้วก็เรื่องการเป็นคนเมืองหลวง เธอมีลูกไม่ได้ เป็นแม่ไก่ที่ออกไข่ไม่ได้ที่พอเห็นว่าชิงไป๋ของฉันมีลูกชายสามคนแล้วก็สาระแนอยากเป็นแม่เลี้ยงของพวกเขา ทำไมไม่หัดปัสสาวะใส่กระโถนแล้วชะโงกดูเงาเสียบ้าง? ว่าเธอน่ะคู่ควรไหม?”
จางเหมยเหอได้ฟังถึงกับปิดหน้าร้องไห้วิ่งออกไปในที่สุด
ในครั้งนี้หลินชิงเหอจงใจแทงใจดำหล่อนอย่างตรงจุด ไม่ปรานีแต่อย่างใด
เธอเมินการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อก่อนหน้านั้น แต่ก็ไม่คิดว่าหล่อนจะหน้าด้านมาคุกคามชิงไป๋ของเธอถึงในร้าน แล้วหลินชิงเหอจะทนได้อย่างไรล่ะ?
หลินชิงเหอไม่เคยปรานีอยู่แล้วในการจัดการกับคนพวกนี้ เหมือนกับที่เคยทำกับพ่อแม่บังเกิดเกล้าเมื่อหลายปีมาแล้ว ไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ ทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ไม่ลงมือหรือลงมือทำ เธอก็ใจดำอยู่แล้ว
หลินชิงเหอหันหลังกลับและเห็นโจวชิงไป๋จ้องมองดวงตาของเธอ เขาไม่หวาดกลัวเธอเลย กลับกันสีหน้าของเขายังคงผ่อนคลายและอ่อนโยนราวกับต้องมนต์สะกดของเธอ
“อะแฮ่ม” หลินชิงเหอกระแอมเสียงแห้งพยายามจะกู้ภาพลักษณ์คืนกลับมาและเอ่ยขึ้น “หล่อนยั่วโมโหฉันก่อน คนอย่างหล่อนต้องโดนสั่งสอนเสียบ้างน่ะค่ะ”
“อืม คุณด่าได้ดีทีเดียว” โจวชิงไป๋เอ่ยพร้อมกับสายตาฉายความรื่นเริง
หลินชิงเหอรู้ว่าจางเหมยเหอต้องสร้างความรำคาญให้เขาหนักมาก ไม่อย่างนั้นแล้วคนนิสัยอย่างเขาจะไม่พูดเรื่องนี้เลย
จากความเห็นที่เขามีต่อจางเหมยเหอในตอนนี้ หลินชิงเหอก็รู้ดีว่าเขาก็ใกล้จะหมดความอดทนแล้วเหมือนกัน
การเจอคนน่ารำคาญที่รับมือยากแบบนี้ ถ้าไม่ด่ากลับไปเสียบ้าง ก็เอาชนะหล่อนไม่ได้จริง ๆ
หลินชิงเหอมาช่วยงานโจวชิงไป๋ที่นี่ จากนั้นก็มีลูกค้าอีกคนหนึ่งเข้ามากินเกี๊ยว
คุณป้าหม่าที่ออกไปซื้อของกินของใช้ก็ได้ผ่านมาเห็นพอดี นางถึงกับเอ่ยทักเมื่อเห็นหลินชิงเหอ “อาจารย์หลินไม่ได้อยู่ที่มหาวิทยาลัยหรอกเหรอจ๊ะ?”
“ฉันแลกชั้นกับเพื่อนร่วมงานไปน่ะค่ะ” หลินชิงเหอยิ้ม “ก็เลยมาช่วยตอนที่ว่าง”
“กิจการเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?” คุณป้าหม่าถาม
“ก็ดีอยู่นะคะ” หลินชิงเหอบอก ในตอนนี้มีลูกค้าเข้าร้านสองคน นับว่ากิจการซบเซาไม่น้อย เมื่อเทียบกับโต๊ะนับสิบที่สามารถนั่งกันได้หลายคน การมีคนเข้าเพียงสองคนจึงทำให้ร้านดูโล่งมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...