เรื่องนมผงเป็นเรื่องหนึ่งในอีกหลาย ๆ เรื่อง
มีหลายเรื่องเลยทีเดียวที่แม่ของพวกเขารักพ่อมากกว่า ได้แก่ เรื่องเสื้อผ้า
แม่ของพวกเขาไม่ได้ตัดชุดใหม่ให้ตัวเอง แต่พ่อของพวกเขากลับมีเสื้อผ้าจำนวนมาก มีเสื้อกั๊กดี ๆ จำนวนหนึ่งและเสื้อผ้าอื่น ๆ อีกหลายชุด
ต่อให้ตอนอยู่ในชนบทพวกเขาจะยากจนกว่านี้ แต่พ่อของพวกเขากลับมีเสื้อผ้าชุดใหม่ทุกปี เสื้อผ้าชุดหนึ่งจัดว่าหรูหราขนาดไหนกันล่ะ?
กลับกัน พ่อของพวกเขากลับอยู่อย่างเรียบง่ายกว่าแม่ของพวกเขามาก
เรื่องนี้สามารถสรุปได้หนึ่งประโยคก็คือ
ภรรยาของเขามีอำนาจสูงสุด
ดูจากผิวเผินแล้วจะเป็นผู้ชายจัดการอะไรต่าง ๆ ภายนอกโดยมีผู้หญิงบงการอยู่ภายใน แต่ความจริงแล้ว ทันทีที่ภรรยาพูดขึ้นมา เขาก็ไม่มีทางแย้งได้
ไม่รู้ว่าความรักแสนประเสริฐนี้คืออะไร
หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ไม่รู้เลยว่าลูกชายทั้งสามได้เปิดโปงความสัมพันธ์ของพวกเขากับคุณป้าหม่าและคุณตาทูนหัวเสียแล้ว
ตอนนี้พวกเขาอยู่บนรถไฟ
ทั้งคู่ถือถุงใบหนึ่งเป็นการบังหน้า จากนั้นก็หยิบอาหารทุกชนิดออกมาจากถุง และยังอ่านหนังสือเป็นการฆ่าเวลา
หลินชิงเหอเคี้ยวมะเขือเทศสดก่อนอ่านหนังสือภาษาอังกฤษของเธอ ขณะที่โจวชิงไป๋อ่านหนังสือพิมพ์ เขาไม่ได้รังเกียจหนังสือพิมพ์ที่รายงานสถานการณ์ส่วนต่าง ๆ ของประเทศแต่อย่างใด เพราะรู้สึกติดใจไปแล้ว
โจวชิงไป๋เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งต่าง ๆ เริ่มมีการปฏิรูปเมื่อใด
เขาอยากหาเงิน แม้ว่าจะไม่ได้สนใจคุณค่าของเงินมากนัก แต่ก็รู้ว่าเขาต้องหาเงินให้มากกว่านี้หากอยากให้ภรรยาของเขามีความเป็นอยู่ที่ดีในอนาคต
ดังนั้นเขาจึงต้องดูสถานการณ์ในประเทศเป็นการอ้างอิง
“ภรรยาครับ ครอบครัวของเราต้องเก็บเงินให้ได้ 10,000 หยวนแล้วล่ะ” โจวชิงไป๋พับหนังสือพิมพ์เก็บและเอ่ยกับภรรยา
หลินชิงเหออึ้งไปเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ จากนั้นเธอก็หัวเราะและจ้องมองเขา “งั้นคราวนี้คุณต้องขยันทำงานแล้วล่ะค่ะ เงินเดือนน้อยนิดของฉันเทียบไม่ได้กับร้านเกี๊ยวของคุณหรอก”
กิจการร้านเกี๊ยวของโจวชิงไป๋ดำเนินไปได้ดีมาก
ในเดือนมิถุนายน ร้านเกี๊ยวของโจวชิงไป๋ทำกำไรได้เกือบ 150 หยวน
มากกว่าสองเท่าของเงินเดือนเธออีก
ใครจะเชื่อว่าร้านเล็ก ๆ แบบนี้จะทำเงินได้มากขนาดนี้? ตอนนี้กำไรจากการทำธุรกิจกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้ว
โจวชิงไป๋ยิ้ม “คราวนี้ผมจะขยันทำงานหนักขึ้นนะครับ”
ในตู้ขบวนมีแค่พวกเขาสองสามีภรรยาเท่านั้น และพวกเขาลดเสียงต่ำลงเวลาคุยกัน จึงไม่กลัวว่าจะมีใครมาแอบได้ยิน
แม้ว่าจะมีพื้นที่ว่างและไม่มีใครในตู้ขบวนนี้เลย แต่การอยู่ในรถไฟก็ยังไม่สบายตัวอยู่ดี
เมื่อพวกเขาออกจากรถไฟและมาถึงหยางเฉิงได้ หลินชิงเหอก็ระบายลมหายใจอย่างโล่งอก
“เราหาที่พักกันก่อนเถอะค่ะ” หลินชิงเหอบอก
ตอนนี้เธอยังไม่อยากจะทำอะไร
เมื่อโจวชิงไป๋มาถึงหยางเฉิง เขาก็รู้สึกสับสนเล็กน้อยเพราะไม่เข้าใจสำเนียงกวางตุ้งของคนที่นี่ หลินชิงเหอพูดจีนกวางตุ้งได้คล่องเหมือนกับคนท้องถิ่น หากต้องพูดภาษาอังกฤษอีกสักนิด คนอื่นก็คงจะเชื่อว่าเธอมาจากเกาะฮ่องกง
โจวชิงไป๋รู้สึกทึ่งกับภรรยาผู้มากความสามารถ เขารู้สึกว่าภรรยาช่างรู้ไปหมดทุกเรื่องจริง ๆ
“คุณมาที่นี่เป็นครั้งแรกก็ไม่แปลกหรอกค่ะที่จะไม่เข้าใจ คุณลองมาเยือนอีกหลาย ๆ รอบแล้วจะเข้าใจ ความจริงภาษาจีนกวางตุ้งก็ไม่ต่างจากจีนกลางมากนักหรอกค่ะ” หลินชิงเหอบอก
โจวชิงไป๋พยักหน้า แค่ตามภรรยาไปก็ดีแล้ว
หลังพักผ่อนแล้วหนึ่งคืน หลินชิงเหอก็มีพลังงานฟื้นคืนในเช้าวันต่อมา
จากนั้นเธอก็เริ่มเดินเตร่ไปทั่วเมืองกับโจวชิงไป๋
ต้องบอกว่าทางภาคใต้ตอนนี้พัฒนาไปไม่น้อย ทุกอย่างช่างน่าตื่นตาไปหมด
หลินชิงเหอไม่รู้สึกประหลาดใจนัก แต่โจวชิงไป๋ที่ยังไม่เคยออกสู่โลกภายนอกถึงกับตะลึงไป
เพราะเขาคิดแค่ราคาขายกับราคาขนส่งเพิ่ม ราคาขนส่งนั้นก็พอกันกับของที่ขายตามห้างสรรพสินค้า ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ราคาขายเพิ่มขึ้นมากนัก
หลังมาถึงหยางเฉิงอีกครั้ง ทั้งคู่ก็ไม่รีรอที่จะเริ่มลงมือ ของฟุ่มเฟือยหลายอย่างก็ได้หลั่งไหลเข้าไปในมิติ
คราวนี้ทั้งสองไม่ได้ไปที่เมืองเทศบาลอีก แต่มุ่งหน้าไปที่เมืองใหญ่ของมณฑล พวกเขาใช้เวลา 3 วันในการขายสินค้าฟุ่มเฟือยที่เก็บไว้ในมิติ และครั้งนี้ก็ได้ผลตอบแทนมากกว่าคราวที่แล้ว โดยพวกเขาทำเงินไปได้เกือบ 20,000 หยวนเลยทีเดียว
“ไม่แปลกใจเลยนะคะว่าทำไมการนำของมาขายเก็งกำไรถึงเป็นอาชญากรรมใหญ่” หลินชิงเหอเอ่ยด้วยแรงอารมณ์ที่พุ่งพล่าน
เป็นเพราะผลตอบแทนมหาศาลขนาดนี้นี่เอง พวกเขาสองคนไปเยือนที่นั่นสองรอบก็ทำเงินไปได้แล้วเกือบ 40,000 หยวน คนอื่น ๆ อาจไม่ได้ผลตอบแทนมากเท่าทั้งสอง แต่ถ้าพวกเขาสามารถนำของกลับมาได้ พวกเขาก็ทำเงินได้ถึงเกือบร้อยหยวน
“ใกล้ได้เวลาแล้ว เราควรกลับไปได้แล้วล่ะ” โจวชิงไป๋เตือน
แม้สามีภรรยาคู่นี้จะซื้อของและขายของไป 2 รอบ แต่วันหยุดฤดูร้อนก็มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
“ฉันเหนื่อยจังค่ะ” หลินชิงเหอเอนตัวนอนพิงในอ้อมแขนของโจวชิงไป๋
เธอจะไม่เหนื่อยได้อย่างไรล่ะ จากการต้องวิ่งไปวิ่งมาเป็นเวลานาน การทำเงินก็ส่วนการทำเงิน แต่มันก็ยังเหนื่อยมากอยู่ดี
ทั้งคู่หยิบนาฬิกา พัดลมไฟฟ้า และชุดทีวีออกมาจากมิติก่อนติดตั้งในบ้านหลังกลับมาจากการเดินทางแล้ว
ทั้งคู่ไปที่บ้านก่อนเป็นอันดับแรกเมื่อมาถึงเมืองหลวงแล้ว
เมื่อนำพัดลมไฟฟ้าและทีวีกลับมาที่บ้าน มันก็เป็นที่ดึงดูดความสนใจอย่างมาก
เพราะพวกมันล้วนเป็นของใช้ประจำบ้านที่ต้องมี อย่างทีวีหนึ่งเครื่องกับพัดลมไฟฟ้า 3 ตัว!
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พ่อเข้าใจแล้วใช่ไหมคะว่าทำไมแม่ถึงหาเงินด้วยวิธีนี้ ยินดีต้อนรับสู่วงการนักธุรกิจค่ะ
ไหหม่า(海馬)
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...