อาจบอกได้ว่าหลินชิงเหอเฝ้าดูเด็กหนุ่มโจวต้งคนนี้เติบโตอยู่ ซึ่งเธอก็รู้นิสัยของเขาว่าเขาเป็นเพื่อนบ้านที่ดี
หลินชิงเหอจึงมาหาเขา เหตุผลที่มาหาก็ไม่มากไม่น้อยไปกว่าความคิดถึงเขาและอยากจะถามเขาว่าสนใจจะเริ่มธุรกิจไหม หากสนใจเขาสามารถลองเริ่มทำได้
ถ้าเขาต้องการจะทำ เขาก็คอยระวังหลังให้น้องชายของเธอได้ถูกไหม?
“ปีนี้ครอบครัวเราเลี้ยงไก่ได้เยอะเลยครับ ผมจะให้คุณน้ามารับพวกมันไปขายพอดี” โจวต้งยิ้มกริ่ม
เขารับผิดชอบงานในแปลงนา ซึ่งปีนี้เขาทำสัญญาไว้เป็นจำนวนมากเหมือนกัน ส่วนภรรยาของเขาก็เลี้ยงไก่เป็นจำนวนมาก ทั้งไข่ไก่หรือไก่เป็นสามารถแลกเป็นเงินมาจุนเจือครอบครัวได้
บอกได้ว่าชีวิตของพวกเขาดีมาก
“ทำไมไม่เพิ่มจำนวนการเลี้ยงให้มากกว่าเดิมล่ะ?” หลินชิงเหอพูด “ไม่ใช่ว่าหลังบ้านนายยังมีพื้นที่ว่างอยู่ผืนหนึ่งเหรอ? ไปขอทำสัญญากับทางหมู่บ้านสิ จากนั้นก็ล้อมรั้วไว้ เป็นแบบนี้นายจะเลี้ยงไก่ได้เป็นร้อยตัวหรือมากกว่านั้นเลย หลังจากนั้นก็เลี้ยงหมา 2 ตัวไว้เฝ้า ภรรยานายก็อยู่ที่บ้านดูแลเด็ก ๆ กับเลี้ยงไก่ไป คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงนักหรอก”
ต้องบอกว่าโจวต้งเป็นชายที่รักและเทิดทูนภรรยามากคนหนึ่ง เขาไม่อยากให้ไฉ่ปาเม่ยทำงานในทุ่งนาเลย งานในไร่นาล้วนเป็นเขาแบกรับไว้ทั้งหมด
ไฉ่ปาเม่ยอยู่กับบ้าน แม้หล่อนจะซื่อสัตย์ แต่ก็รู้จักการดำเนินชีวิต
ไม่เพียงแต่ครอบครัวพวกเขาจะเลี้ยงไก่ได้เกือบ 20 ตัว ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนมากแล้ว พวกเขายังเลี้ยงลูกหมูไว้อีกด้วย ปีหน้าคงจะได้ผลผลิตอู้ฟู่แน่นอน
หล่อนช่างเป็นภรรยาที่มีความสามารถมากคนหนึ่ง
“ที่ดินหลังบ้านเหรอครับ” โจวต้งชะงักไปด้วยความประหลาดใจ
“นายไปทำสัญญากับทางหมู่บ้านว่าอนาคตจะขอซื้อได้ไหม ถ้าซื้อได้นายก็ซื้อเลย” หลินชิงเหอพูด
ตอนนี้พวกเขายังซื้อไม่ได้ มีเพียงทำสัญญาเช่าได้อย่างเดียว แต่ในอนาคตมันจะไม่เป็นปัญหาเลย
“ที่อาสะใภ้เสนอมาก็ฟังดูดีนะคะ” ไฉ่ปาเม่ยผู้มีครรภ์นูนใหญ่แล้วตอบ ดวงตาของหล่อนเป็นประกาย
“ไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ?” หลินชิงเหอยิ้มกริ่ม “ไปซื้อไม้มาขึ้นรั้วล้อมสวนเสียนะ แล้วหาหมามาเลี้ยงอีก 2 ตัว บ้านของพวกเธออยู่ในหมู่บ้านแล้วก็อยู่ติดกับบ้านฝั่งแม่ด้วย ใครล่ะจะกล้าทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แบบไม่ดูตาม้าตาเรือ? แค่ตะโกนเรียกพวกเขาก็มาแล้ว ดังนั้นอย่าห่วงเลย”
“แต่ตอนนี้ภรรยาผมท้องอยู่นะครับ” โจวต้งมองหน้าท้องนูนป่องของภรรยา
“รอจนกว่าฉันจะคลอดลูกในปีนี้แล้วออกจากพักฟื้นหลังคลอดก่อนค่ะ แล้วฉันจะเลี้ยงพวกมัน” ไฉ่ปาเม่ยเอ่ยจริงจัง
หล่อนรู้สึกว่าทางเลือกนี้น่าลงมือทำเพราะสามารถจัดการมันได้
“แต่ถ้าเธอเลี้ยงไก่มากขึ้น เธอต้องดูแลสุขอนามัยให้ดี ๆ นะ น้ำยาฆ่าเชื้อที่ใช้ตามโรงพยาบาลก็ใช้ได้ แต่ถ้าไม่มีก็ใช้ผงปูนขาว ถ้ารักษาสุขอนามัยในเล้าให้ดี ๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วล่ะ” หลินชิงเหอเอ่ยเตือน
“อาสะใภ้พูดถูกแล้วค่ะ” ไฉ่ปาเม่ยพยักหน้า
“ส่วนเรื่องช่องทางการขายไก่ เธอก็คุยกับน้องชายของอาได้และต่อรองราคากันเอง อาไม่รู้เรื่องนี้ก็เลยไม่ได้มาเกี่ยวข้องด้วย” หลินชิงเหอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ไฉ่ปาเหมยกับโจวต้งเคยติดต่อกับน้องชายสามตระกูลหลินเมื่อปีที่แล้ว พวกเขาขายไก่มากกว่า 10 ตัวให้กับอีกฝ่าย เนื่องจากพวกเขาขายเป็นจำนวนมาก ราคาจึงสูงขึ้น หากขายแค่ตัวสองตัวก็จะได้ราคาไม่สูงนัก นับว่าเป็นการตกลงราคาที่ดีไม่น้อย
เมื่อหลินชิงเหอออกจากบ้านไปแล้ว โจวต้งจึงปรึกษาเรื่องนี้กับไฉ่ปาเม่ย
“เลี้ยงไก่เยอะขนาดนั้นเป็นความคิดที่ดีแน่เหรอคุณ?” โจวต้งยังลังเล
“ถ้าไม่ดีแล้วอาสะใภ้คงไม่มาบอกเราเรื่องนี้หรอกค่ะ อาสะใภ้น่ะเป็นห่วงคุณเสมอนะคะ” ไฉ่ปาเม่ยตอบด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นหล่อนก็เปิดห่อลูกกวาดและแบ่งกันคนละครึ่งระหว่างลูกชายและลูกสาวของพวกเขา
ความจริงตัวไฉ่ปาเม่ยเองก็อยากเลี้ยงไก่เพิ่ม แต่หล่อนไม่กล้าพูดเรื่องนี้หลังคิดสาระตะดูแล้ว หล่อนยังไม่ลืมการตัดหางปล่อยวัดที่ผ่านมา
แต่ตอนนี้คุณอาสะใภ้ชิงเหอยื่นมือมาช่วยแล้ว หล่อนจึงรู้สึกวางใจ ไม่กลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนแน่นอน
“หลังสิ้นปีใหม่นี้แล้ว ผมจะไปหาเลขาธิการสาขาของหมู่บ้านและทำสัญญาขอที่ดินหลังบ้านเราดีไหมครับ?” โจวต้งเป็นคนที่เชื่อฟังภรรยา เขาจึงกล่าวตอบแบบนี้
“งั้นก็ทำสัญญาเลยค่ะ” ไฉ่ปาเม่ยพยักหน้า
หล่อนกำลังจะคลอดลูกในอีก 4 เดือน หลังคลอดลูกแล้วหล่อนก็เริ่มทำงานได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...