“เด็กนั้นตัวโตกว่าพี่ชายของเขา ค่อนข้างจะแข็งแรงมากทีเดียว เขาไม่สามารถทำงานที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนได้ แต่สามารถทำงานอย่างอื่นที่เหลือได้ทั้งหมดเลยละ” พี่สาวรองกล่าว
หลินชิงเหอมีเรื่องประทับใจอยู่บ้าง หู่จือหลานชายคนนี้ครั้งหนึ่งเคยเอาปลามาให้หนึ่งตะกร้า เขาจับปลาได้ด้วยตัวเองแล้วส่งมาให้ที่นี่
ตอนนั้นเขาอายุแค่ 13 ปี พริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไป 4 ปีแล้ว เขาคงจะตัวสูงขึ้นอย่างแน่นอน
หลินชิงเหอไม่ติดขัดอะไรที่จะพาคนไปเพิ่ม
เนื่องด้วยสถานที่นั้นกว้างขวางมากเพียงพอ เพิ่มแค่คนกินข้าวมาอีกคนเท่านั้น หลังจากไปถึงที่นั่นแล้วคงมีเรื่องให้ทำอีกมากมาย
ตัวอย่างเช่นเอ้อร์นีและสวี่เชิ่งเหม่ยคอยดูร้านค้า ส่วนเด็กหนุ่มหู่จือก็สามารถออกไปตั้งแผงลอยที่ถนนได้ ไม่มีแรงงานสูญเปล่า
“ในสองวันนี้ถ้าเขาว่าง ให้เขามานั่งคุยกับฉันที่นี่แล้วกันค่ะ ฉันจะเลี้ยงขนมเขาเอง” หลินชิงเหอไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนไป เธอต้องได้เห็นตัวจริงเสียงจริงเสียก่อน
“ตกลงจ้ะ พี่จะให้เขามาที่นี่พรุ่งนี้นะจ๊ะ” พี่สาวรองเอ่ยอย่างดีใจ
พวกเด็ก ๆ ไม่ได้กลับมาในปีนี้ ในบ้านจึงมีที่นั่งอยู่เยอะแยะ ดังนั้นคนทั้งหมดจึงกินอาหารกลางวันกันที่นี่
หลังกินเสร็จ พี่สาวใหญ่และพี่สาวรองได้นั่งอยู่อีกสักพักก่อนจะไปที่บ้านตระกูลโจว
เมื่อพี่สาวกับพี่เขยทั้งสองคู่ออกไปแล้ว โจวเสี่ยวเหมยจึงถามขึ้นด้วยความสับสน “พี่สะใภ้สี่ ร้านเกี๊ยวพี่ต้องการคนมากมายขนาดนั้นเลยหรือคะ?”
“พวกเขาไม่ได้ไปทำงานที่ร้านเกี๊ยวกันหรอก ปีนี้พี่วางแผนไว้ว่าจะเอาตัวอย่างแบบเสื้อไปให้ทางโรงงานเสื้อผ้าดูและจะขอให้ทางโรงงานผลิตเสื้อผ้าใหม่ ๆ ออกมาให้พี่ จากนั้นพี่ก็จะเปิดร้านขายเสื้อผ้าน่ะ” หลินชิงเหอตอบ
โจวเสี่ยวเหมยมีท่าทางประหลาดใจมากอย่างเห็นได้ชัด “พี่สะใภ้สี่ พี่ต้องการจะเปิดร้านขายเสื้อผ้าของตัวเองหรือคะ?”
พี่สะใภ้สี่ของหล่อนช่างแข็งแกร่งมากเกินไปแล้ว!
“ตอนนี้พี่สี่ของเธอก็กำลังก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ พี่ยอมอยู่ล้าหลังเขาไม่ได้หรอก ไม่อย่างนั้นพวกผู้หญิงสวย ๆ ฐานะร่ำรวยจากเมืองหลวงคงจะมาเกาะแกะเขาได้ง่าย ๆ แล้วทีนี้พี่จะทำอย่างไรล่ะ? พี่เลยต้องหาเลี้ยงตัวเองให้ได้น่ะสิ” หลินชิงเหอตอบ
โจวชิงไป๋ได้ฟังก็ทำอะไรไม่ถูก
ส่วนโจวเสี่ยวเหมยกับซูต้าหลินหัวเราะออกมาทั้งคู่
“ชิงไป๋ แกทำความผิดอะไรต่อเมียแกหรือเปล่า?” ท่านแม่โจวหน้าเปลี่ยนสีและพูดขึ้นมาทันที
“แม่ครับ ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” โจวชิงไป๋ตอบด้วยท่าทางหมดแรง
“ใช่ คุณยังไม่ได้ทำ แค่มีคนมาเล็งคุณเท่านั้นล่ะ คุณแม่คะ ถ้าไปอยู่ที่นั่นแล้ว คุณแม่ต้องคอยสอดส่องนะคะ คุณแม่เกือบจะสูญเสียฉันกับเจ้าหลานชายทั้งสามคนไปแล้วน่ะค่ะ” หลินชิงเหอบอกกับท่านแม่โจว
ท่านแม่โจวที่ถูกหลอกด้วยเรื่องเหลวไหลจึงรีบถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้น?”
“ภรรยาครับ” เมื่อมองไปที่ภรรยาของเขา โจวชิงไป๋ก็ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี
หลินชิงเหอกลอกตาใส่เขา “คนที่ชื่อจางเหมยเหอ คุณคิดว่าฉันจะลืมหรือคะ? หล่อนตามหาคุณถึงที่ร้านเลยทีเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะฉันบังเอิญปรับเปลี่ยนชั้นเรียนแล้วไปเจอเข้าละก็ เฮอะ!”
การขุดเรื่องเก่า ๆ มาพูดเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทำได้ดีที่สุด ซึ่งเธอก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
โจวเสี่ยวเหมยกับซูต้าหลินต่างพากันตกใจ ส่วนท่านแม่โจวก็ร้อนใจมากจนต้องตีลูกชายตัวเองแรง ๆ ทีหนึ่ง “แก…แกต้องการจะทำให้แม่โกรธจนตายไปเลยใช่ไหม? ทำไมแกไม่อยู่กับเมียและลูกของแกดี ๆ กลับกลายเป็นว่า…”
“คุณแม่คะ ใจเย็น ๆ ค่ะ” หลินชิงเหอไม่เต็มใจที่จะให้สามีของเธอต้องโดนทุบตี เธอช่วยพาคุณแม่กลับลงนั่งที่เก้าอี้และพูดว่า “เหตุการณ์นั้นผ่านไปแล้วค่ะ ผู้หญิงคนนั้นก็แต่งงานไปเรียบร้อยแล้ว ฉันแค่บอกให้คุณแม่รู้ ถ้าชิงไป๋กล้าทำผิดต่อฉัน ฉันจะไม่ให้อภัยและไม่มีทางกลับมาคืนดีอีก ส่วนลูกชายทั้งสามคนของฉันนั้นทางตระกูลโจวสามารถลืมไปได้เลยค่ะว่ามีพวกเขาอยู่ เพราะทุกคนจะเปลี่ยนไปใช้แซ่หลินของฉัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...