หู่จือลูกชายของพี่สาวรองก็ได้มาที่บ้านในวันรุ่งขึ้น
เด็กหนุ่มในวัย 17 ปีสูงเกือบจะ 173 เซนติเมตรแล้ว ซึ่งในวัยนี้ไม่ถือว่าเตี้ย แต่เมื่อเปรียบเทียบกับลูกชายของเธอแล้ว ก็ไม่ได้ถือว่าสูงมากนัก
แต่เขายังเติบโตขึ้นได้อีก ในอนาคตเขาจะต้องเป็นคนที่มีรูปร่างสูงอย่างแน่นอน
“กินอะไรมาหรือยังจ๊ะ?” หลินชิงเหอต้อนรับด้วยรอยยิ้ม
“ผมกินมาแล้วครับ คุณน้าสะใภ้ไม่ต้องลำบากนะครับ” หู่จือพูดอย่างขัดเขินเล็กน้อย
“น้าได้ยินจากคุณแม่ของเธอว่าหล่อนอยากจะให้เธอไปเมืองหลวงกับน้าสี่ของเธอและน้า แต่นั่นเป็นความตั้งใจของคุณแม่ของเธอ น้าเลยอยากฟังความต้องการของเธอเองน่ะจ้ะ” หลินชิงเหอแสดงความเห็น
“คุณน้าสะใภ้ครับ ผมอยากไปครับ” หู่จือตอบ “ถึงแม้ผมจะเรียนหนังสือมาแค่ไม่กี่ปีและมีความรู้ไม่เยอะนัก แต่ผมจะทำทุกอย่างตามที่คุณน้าบอกให้ผมทำครับ”
หลินชิงเหอยิ้มให้ “อย่างนั้นถ้าน้าให้เธอไปตั้งแผงลอยขายของ เธอจะกลัวเสียหน้าไหม?”
มันไม่ใช่เรื่องที่น่านับถือนักในการตั้งแผงลอยขายของริมถนน
“มีอะไรต้องกลัวครับ? ผมเคยจับปลาเข้าไปขายในตัวเมืองด้วยซ้ำ กิจการค่อนข้างดีเลยครับ เสียแต่ว่ามีปลาน้อยเกินไป” หู่จือตอบกลับ
เด็กคนนี้มีผิวคล้ำ มองแล้วก็เห็นได้ชัดว่าส่วนใหญ่เขาอยู่กลางแจ้งตลอด
หลินชิงเหอได้ยินแล้วก็กล่าวอย่างยินดี “ในเมื่อเธอเต็มใจจะไปก็ไม่มีปัญหา”
เธอบอกหู่จือเรื่องกำหนดเวลาออกเดินทาง จากนั้นบอกให้เขาอยู่ต่อเพื่อกินอาหารกลางวัน แต่หู่จือปฏิเสธที่จะอยู่ต่อและกลับไป
“ดูไม่เลวเลยนะเด็กคนนี้” โจวชิงไป๋เอ่ย
หลินชิงเหอยิ้มกว้างพร้อมกับพยักหน้า “เขาเป็นเด็กหนุ่มหน่วยก้านดีเลยค่ะ”
ลูกชายคนนี้ของพี่สาวรองจะมีอนาคตที่ไม่ย่ำแย่อย่างแน่นอน ถ้าเขาถูกชักนำไปในเส้นทางที่ถูกต้อง
และแล้วคนที่จะไปด้วยก็ได้ถูกกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้ที่เธอกลับเมืองหลวง เธอจะพาโจวเอ้อร์นี สวี่เชิ่งเม่ยและหู่จือไปด้วย
สำหรับเรื่องที่ว่าสะใภ้รองจะคิดอย่างไรนั้น หลินชิงเหอไม่ได้สนใจ
ในวันที่ 7 หลินชิงเหอและโจวชิงไป๋ก็เรียกน้องชายสามตระกูลหลินให้เข้าไปในเมืองด้วยกัน
หลินเชิงเหอแวะไปหาเสิ่นอวี้ก่อนเพื่อสะสางบัญชีของปลายปีที่แล้ว จากนั้นจึงไปหาซูต้าหลินพร้อมกับโจวชิงไป๋และน้องสามตระกูลหลิน
“ต้าหลิน ดูลูก ๆ อยู่ที่บ้านนะคะ ฉันจะพาพวกพี่ไปหาคุณป้า” โจวเสี่ยวเหมยบอก
“ตกลงครับ” ซูต้าหลินพยักหน้ารับ
โจวเสี่ยวเหมยพาพี่สี่ พี่สะใภ้สี่ของหล่อน และน้องสามตระกูลหลินไปหาคุณป้าของซูต้าหลิน
“พวกเธอมาที่นี่ได้ถูกเวลาพอดีเลย” คุณป้าซูเอ่ย
มันเป็นเวลาที่ประจวบเหมาะที่สุด เพื่อนเก่าร่วมชั้นเรียนของนางคนหนึ่งมีลูกชายฝาแฝดสองคน ทั้งคู่ต่างก็มีอนาคตที่ดี สองคนพี่น้องได้รับเลือกเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยระหว่างการจัดสอบเข้าในปีแรกและจะจบการศึกษาปีนี้ จากนั้นพวกเขาก็ได้ถูกจัดสรรให้ไปอยู่ในเมืองหลวงของมณฑลและจะไปตั้งรกรากทำงานที่อยู่นั่น
ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการขายที่อยู่ที่นี่และพาพ่อแม่ไปอยู่ด้วย
สถานที่แห่งนี้ค่อนข้างดี แม้จะไม่มีสวนหลังบ้านขนาดใหญ่นัก แต่มันก็มีพื้นที่กว้างขวาง ถ้าบูรณะใหม่เสียหน่อยทั้งครอบครัวก็สามารถเข้ามาอยู่ที่นี่ได้
“บ้านหลังนี้ราคาไม่ถูกมากนัก ตั้งราคาไว้อยู่ที่ 700 หยวน แต่ป้าคิดว่ามันน่าจะต่อรองลงมาได้อีกนิดหน่อย” คุณป้าซูบอก
700 หยวน?
หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋หันมามองหน้ากัน ถ้าเปรียบเทียบกับที่เมืองหลวงแล้ว มันไม่แพงเลย
ส่วนน้องชายสามตระกูลหลินกัดริมฝีปาก 700 หยวน…มันไม่ถูกเลย
พวกเขาไปที่บ้านหลังนั้นกัน ซึ่งนักศึกษามหาวิทยาลัยสองคนนั้นและคุณพ่อคุณแม่ของเขาอยู่ที่นั่นด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...