ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม นิยาย บท 333

สรุปบท บทที่ 333 บ้านเกิด: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 333 บ้านเกิด – ตอนที่ต้องอ่านของ ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ตอนนี้ของ ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 333 บ้านเกิด จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 333 บ้านเกิด
EnjoyBook
บทที่ 333 บ้านเกิด

น้องชายสามตระกูลหลินถึงกับนิ่งอึ้งไป เนื่องจากเขาไม่เคยคิดไปถึงเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย

“ตอนนี้ที่นายยังทำไหวเป็นเพราะอายุยังน้อย แต่นายต้องการจะขี่จักรยานแบบนี้ไปชั่วชีวิตเหรอ? ในเมืองหลวงมีคำพูดที่ว่า ‘ลองสู้ดูสักตั้ง จักรยานก็กลายเป็นมอเตอร์ไซค์ได้’ นายจะเชื่อคำพูดของพี่หรือไม่ นายกับภรรยาของนายต้องไปตัดสินใจกันเอาเอง”

น้องชายสามตระกูลหลินใคร่ครวญดูแล้วก็รู้ว่าพี่สาวของเขาพูดถูกจริง ๆ

ถ้ามีมอเตอร์ไซค์แล้วเขาจะสามารถไปรับของมาขายได้มากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าเขาก็จะหาเงินมากได้ขึ้นตามไปด้วย

ตอนนี้เขาเดินทางขนของโดยใช้จักรยาน ซึ่งของที่เอามามีไม่พอขาย ของหนึ่งคันรถขายได้จนหมดเกลี้ยงในช่วงก่อนบ่ายเท่านั้นเอง ช่วงเวลาที่เหลือมีลูกค้าเข้าร้าน แต่พวกเขาก็ไม่มีอะไรเหลือจะให้ขายอีกแล้ว

ถ้ามีมอเตอร์ไซค์ ไม่ว่าจะเป็นผลไม้และผักจากชนบท หรือจะเป็นพวกไก่ เป็ด ปลาและไข่ เขาก็จะสามารถขนพวกมันกลับมาขายได้เยอะขึ้น

“ผมแค่กังวลว่ามอเตอร์ไซค์ไม่ได้หาซื้อกันมาได้ง่าย ๆ จะทำให้พี่ต้องลำบากมากเกินไปหรือเปล่าครับ?” น้องชายสามตระกูลหลินมองหน้าพี่สาว

“ไม่ได้ลำบากอะไรเลย แต่ปีนี้นายคงต้องทำแบบนี้ไปก่อนนะ อาจจะงานหนักสักหน่อยสำหรับนาย จะต้องรอจนถึงช่วงนี้ของปีหน้าเสียก่อน” หลินชิงเหอพยักหน้า

เธอพอใจมากที่น้องชายของเธอเป็นคนที่มีหัวคิดก้าวหน้าเช่นนี้ ถ้าเขายังเป็นแบบนี้ ต่อไปวันหน้าเขาจะมีชีวิตที่ดีอย่างแน่นอน

เธอหันไปหาน้องสะใภ้สามตระกูลหลิน “อย่ามัวแต่ประหยัดเงินมากจนเกินไปนะจ๊ะ คอยหาอาหารดี ๆ มาให้เขากินให้มาก ทำงานหนักขนาดนี้ถ้าไม่บำรุงร่างกายแล้วละก็อีกไม่นานร่างกายจะรับไม่ไหวแน่ ๆ พอถึงเวลานั้นต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลจะต้องเสียเงินไปอีกตั้งมากเท่าไหร่ มันไม่คุ้มกันหรอกนะกับสุขภาพที่แย่ลง”

“ฉันก็ทำอย่างนั้นค่ะ ตอนนี้ทำไข่กินทุกวันและก็กินเนื้อวันเว้นวันด้วยค่ะ” สะใภ้สามตระกูลหลินตอบ

“เธอต้องหมั่นเชือดไก่มาให้เขากินบำรุงร่างกายด้วย” หลินชิงเหอพูดแทรกขึ้น

ตอนนี้ร้านแห่งนี้ไม่ได้ทำกำไรน้อยไปกว่าร้านเกี๊ยวของครอบครัวเธอเลย พวกเขาไม่มีความจำเป็นต้องมาประหยัดกับเงินเพียงเล็กน้อยเท่านี้หรอก ไก่ตัวหนึ่งราคาแค่ประมาณหยวนเดียวเท่านั้น อย่างครอบครัวของเธอจะต้องตุ๋นไก่ทุก ๆ 3 วันให้ทุกคนในครอบครัวได้กินเพื่อบำรุงร่างกาย

ส่วนเรื่องอื่นนอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีอะไรจะต้องบอกเพิ่มอีกแล้ว

หลินชิงเหอและโจวชิงไป๋บอกลาพวกเขาและไปที่บ้านของซูต้าหลินกับโจวเสี่ยวเหมยต่อ

ตอนที่ไปถึงซูต้าหลินและโจวเสี่ยวเหมยอยู่ที่บ้านพอดี ทั้งครอบครัวกำลังนั่งกินแตงโมกันอยู่

“พี่สี่ พี่สะใภ้สี่!”

โจวเสี่ยวเหมยตาเป็นประกายเมื่อเห็นพวกเขามา หล่อนตะโกนเรียกออกไปในทันที

ซูต้าหลินรินน้ำให้พวกเขาแล้วไปตัดแตงโมมาให้เพิ่ม

โจวชิงไป๋และหลินชิงเหอไม่เกรงใจหยิบแตงโมขึ้นมาและพูดว่า “มีความสุขกันจริงๆ นะครอบครัวของเธอเนี่ย”

“วันนี้เฉิงเฉิงพูดขึ้นมาว่าอยากกินแตงโมน่ะค่ะ ต้าหลินก็ตามใจเขา เลยซื้อมาให้กิน” โจวเสี่ยวเหมยเล่า

แม้ว่าซูต้าหลินจะเป็นคุณพ่อ แต่เป็นเพราะเขารู้สึกโดดเดี่ยวมาตั้งแต่เด็กเนื่องจากไม่มีพี่น้องแท้ ๆ เลยสักคน เขาจึงตามใจลูก ๆ ทั้งสี่คนของตัวเองมาก

ตราบใดที่ไม่ใช่เรื่องที่หนักหนาจนเกินไป เขาจะทำให้ลูก ๆ ได้สมหวัง

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วกลับเป็นโจวเสี่ยวเหมยที่กลายเป็นคุณแม่ที่เข้มงวด

“คุณลุง คุณป้าสะใภ้ จะมาพาพวกเราไปเมืองหลวงใช่ไหมครับ?” แววตาของซูเฉิงเป็นประกายวิบวับ

“ใช่จ้ะ ป้ามาพาหนูไปเมืองหลวง ญาติผู้พี่ของหนูก็อยู่ที่นั่นกันด้วยนะ” หลินชิงเหอตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

โจวชิงไป๋ลูบหัวของเขา หลานชายตัวน้อยคนนี้เติบโตขึ้นมาในบ้านของเขา

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะออกเดินทางกันเมื่อไหร่ครับ?” ซูเฉิงถาม

“พวกเธอเก็บของกันเสร็จหรือยัง?” หลินชิงเหอมองไปที่ซูต้าหลินกับโจวเสี่ยวเหมย

“เก็บ…เก็บ…ทั้งหมดแล้วครับ” ซูต้าหลินพยักหน้า

“เก็บทุกอย่างเสร็จไปนานแล้วค่ะ ต้าหลินก็ลาออกตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว แค่รอเวลาให้พี่สี่กับพี่สะใภ้มารับเท่านั้นค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยตอบ

หลินชิงเหอผงกศีรษะและเอ่ยว่า “งั้นก็ไม่มีเรื่องให้ต้องล่าช้าอีก ไปถึงที่โน่นเร็วจะได้ตั้งหลักได้เร็วขึ้น คืนนี้พวกเธอพักผ่อนกันก่อน วันพรุ่งนี้พวกเราค่อยไปขึ้นรถไฟกันที่เทศบาลมณฑล”

“ตกลงค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยส่งเสียงอย่างดีใจ

เพื่อนบ้านทั้งหมดต่างก็รู้กันแล้วว่าครอบครัวของเธอกำลังจะย้ายไปอยู่ที่เมืองหลวง และรู้ด้วยว่าซูต้าหลินได้ลาออกจากงานแล้วและวางแผนจะไปทำธุรกิจของตัวเองที่เมืองหลวง

ซูต้าหลินซื้อของมามากมาย มีปลาตัวใหญ่ ๆ 2 ตัวและไก่อีก 1 ตัว นับเป็นอาหารเย็นมื้อที่อุดมสมบูรณ์มาก

หลังจากกินเสร็จแล้ว หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ก็กล่าวลาแล้วเดินทางไปที่บ้านเกิดต่อ

ตอนที่ทั้งคู่มาถึง ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวเพิ่งจะกินอาหารเสร็จ

พวกเขาได้ยินเสียงพูดของหลินชิงเหอกับเพื่อนบ้านที่ด้านนอก

“ตาเฒ่า ทำไมเหมือนฉันจะได้ยินเสียงเมียของอาสี่เลยล่ะ?” ท่านแม่โจวเอ่ยขึ้นด้วยความงุนงง

ท่านพ่อโจวก็ได้ยินเหมือนกัน เขาจึงลุกขึ้นออกไปดูโดยมีท่านแม่โจวเดินตามออกไป

ครั้นแล้วพวกเขาจึงเห็นลูกชายคนเล็กและสะใภ้กลับมาด้วยกันทั้งคู่ พวกเขาต่างก็ดีใจมาก “แม่กำลังพูดอยู่เลยว่าลูกน่าจะใกล้มาถึงแล้ว นี่คงจะหิวกันมาแน่เลย เข้ามาข้างในกันก่อนแล้วค่อยคุยกัน แม่จะไปทำอาหารมาให้กินรองท้อง”

“คุณแม่คะ พวกเรากินกันมาแล้วค่ะ” หลินชิงเหอบอก

“กินมาแล้วเหรอ? นี่มาจากบ้านเสี่ยวเหมยกันเหรอ?” ท่านแม่โจวถาม

“ค่ะ พวกเรามาจากบ้านอาเขยเล็กค่ะ” หลินชิงเหอพยักหน้า จากนั้นก็หันไปบอกโจวชิงไป๋ “คุณและคุณแม่ เข้าไปเก็บของกันก่อนเถอะค่ะ”

“ได้ครับ” โจวชิงไป๋พยักหน้า

หลินชิงเหอหันไปคุยกับเพื่อนบ้านต่อ เธอยังเปิดเผยข่าวคราวต่าง ๆ ในเมืองหลวงให้ฟังด้วย เธอกล่าวว่าประเทศกำลังพัฒนาดีขึ้นไปเรื่อยๆ ในอนาคต ในเมืองหลวงมีพวกโจรขโมยอยู่มาก พวกเขาควรจะต้องคอยระมัดระวังกันให้มาก

……………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ใครดีกับแม่ แม่ก็ดีตอบแบบนี้แหละค่ะ เสี่ยวเหมยกับครอบครัวได้ย้ายเข้าเมืองหลวงกันแล้ว

ไม่มีอะไรแค่พูดลอย ๆ บ้านไหนฟังแล้วร้อนตัวก็ถือว่าไม่เกี่ยวกับผู้แปลนะคะ

ไหหม่า(海馬)

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม