ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวต่างรู้สึกยินดีปรีดา
“มันจะได้ผลหรือเปล่าน่ะ?” ท่านแม่โจวถาม
หลินชิงเหอไม่สนใจนาง ขณะที่โจวเสี่ยวเหมยปริปากตอบแทน “ตราบใดที่เขาทำงานหนักมันก็น่าจะได้ผลแน่ล่ะค่ะ น้องชายสามของพี่สะใภ้สี่ก็ไปได้สวยไม่ใช่หรือคะ?”
หากเป็นเมื่อเดือนที่แล้ว โจวเสี่ยวเหมยยังจะมีความมั่นใจเอ่ยอะไรแบบนี้ออกมาได้งั้นหรือ?
หลังจากราว ๆ เดือนนี้เป็นต้นไปแล้ว โจวเสี่ยวเหมยก็มีพื้นฐานขึ้นมาบ้างจริง ๆ
ในวันที่สามที่พวกเขามาที่นี่ ร้านซาลาเปาของซูต้าหลินก็เปิดกิจการแล้ว แม้ธุรกิจจะไม่เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายนัก แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร
เขาทำงานอย่างขยันขันแข็งและพิถีพิถันในทุกวัน ซึ่งในเดือนตุลาคม ซาลาเปาที่เขาทำก็ทำรายได้เกือบ 130 หยวนหลังหักจากรายจ่ายล่าสุดแล้ว
เงินจำนวนนี้ไม่ได้มาก แต่ก็ไม่ได้น้อยเช่นกัน เทียบเท่ากับเงินเดือนสองเดือนของซูต้าหลินตอนที่เขาอยู่ในอำเภอเลยทีเดียว
ในที่สุดหัวใจของคนทั้งคู่ก็สงบลงได้
การทำซาลาเปาเป็นเรื่องเหนื่อยยาก เพราะเขาต้องตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อมาเตรียมแป้งและของอื่น ๆ ไว้ แต่ถึงอย่างนั้นซูต้าหลินก็ยังทำด้วยความกระตือรือร้นอันแรงกล้า
โจวเสี่ยวเหมยหลับอุตุจนกระทั่งเกือบหกโมงเช้าถึงจะมาช่วยเขา
อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย จากที่โจวเสี่ยวเหมยได้เห็น หล่อนก็บอกได้แล้วว่าธุรกิจนี้ทำรายได้ดีแค่ไหน
หล่อนจึงรู้สึกว่าหากพี่ชายสามของหล่อนมาเปิดร้านในอำเภอ เขาก็น่าจะประสบกับเรื่องนี้ไม่ต่างกัน
“ต้องขอบคุณน้าของเจ้าใหญ่แท้ ๆ” ท่านแม่โจวได้ยินดังนี้ก็รู้สึกยินดีระคนกับอับอายเล็กน้อย นางเอ่ยกับหลินชิงเหอ “พวกเขาทำธุรกิจเดียวกันแบบนี้ ฉันยังคิดอยู่เลยว่าเขาจะขโมยธุรกิจของน้าเจ้าใหญ่หรือเปล่า?”
“ถ้างั้นพี่ชายสามกับพี่สะใภ้สามต้องมีฝีมือในการขโมยหน่อยล่ะค่ะ น้องชายสามของฉันมีฝีมือทำธุรกิจเป็นอย่างดีเลยนะคะ” หลินชิงเหอตอบพลางเลิกคิ้ว
ท่านแม่โจวได้ฟังก็สะอึก
โจวเสี่ยวเหมยหัวเราะ “แม่ไม่ต้องเข้ามายุ่งเรื่องนี้หรอกค่ะ การจะซื้อร้านในอำเภอสักร้านต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก พี่สามจะมีเงินเยอะขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
“ครั้งนี้ที่ฉันกลับไป พี่สะใภ้สี่ของเธอก็ให้เงินฉันมา 500 หยวนด้วย แล้วฉันก็ฝากไว้กับพี่ใหญ่ก่อนจะกลับมาแล้ว ถ้าพวกเขาขาดเงินทุนสำหรับธุรกิจก็ไปขอยืมจากพี่ใหญ่มาใช้ชั่วคราวได้” โจวชิงไป๋บอก
“สะใภ้สี่ช่างเอาใจใส่ผู้อื่นจริง ๆ” เป็นท่านพ่อโจวที่กล่าวพลางมองหลินชิงเหออย่างยอมรับนับถือ
สิ่งที่คนแก่คนเฒ่ากล่าวไว้เป็นความจริง ว่าการได้แต่งงานกับภรรยาผู้มีความสามารถไม่ต่างกับการได้รับโชคลาภไปสามชั่วอายุคนเลยทีเดียว ซึ่งท่านพ่อโจวก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องจริง
ท่านแม่โจวก็รู้สึกเห็นดีเห็นงามไปด้วยและมองมาที่สะใภ้คนสุดท้อง
หลินชิงเหอกระแอมเสียงแห้ง เธอเหลือบมองสามี เห็นได้ว่าเขาต้องการเพิ่มความดีความชอบให้เธอจริง ๆ
“พวกเราล้วนเป็นคนครอบครัวเดียวกัน ฉันก็หวังว่าทุกคนจะใช้ชีวิตด้วยดีอยู่แล้วค่ะ อนาคตเราเองก็จะกลายเป็นคนชรา ถึงตอนนั้นมันจะเป็นโลกของคนหนุ่มสาวอย่างเจ้าใหญ่ จึงเป็นเรื่องดีกว่าถ้าทุกคนจะช่วยกันดูแลซึ่งกันและกันน่ะค่ะ” หลินชิงเหอตอบ
“แม่ดีใจนะที่เธอคิดแบบนี้ได้” ท่านแม่โจวพูด
“หากคุณแม่รู้สึกดีใจ งั้นฉันเองก็รู้สึกดีใจเหมือนกันค่ะ” หลินชิงเหอตอบ
ท่านแม่โจวยิ้มพลางจ้องมองเธอ จากความสัมพันธ์ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ระหว่างหลินชิงเหอกับแม่สามี ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะแทบรู้สึกขนลุกจากสายตารักใคร่ของนาง
ดังนั้นพักเรื่องนี้ไว้และไม่ทำอะไรต่อไปจะดีกว่า
“น้องเขย ธุรกิจของนายตอนนี้ค่อนข้างลงตัวแล้วล่ะ นายวางแผนว่าจะซื้อรถสามล้อแล้วให้เสี่ยวเหมยดูแลร้านขณะที่นายเอาของไปตระเวนขายไหม?” หลินชิงเหอถาม
“ครับ…คิดแล้ว…วางแผนนี้ไว้แล้วครับ” ซูต้าหลินพยักหน้า
“พี่สะใภ้สี่คะ เรามีไส้ให้เลือกน้อยเกินไปหรือเปล่าคะ?” โจวเสี่ยวเหมยถาม
ตอนนี้พวกเขาขายซาลาเปาทั้งหมดสามไส้ มีไส้เนื้อกับเห็ด ไส้เนื้อกับผักกาดขาว และไส้เนื้อกับกะหล่ำปลี
“เรามีไส้อยู่น้อยอย่างจริง ๆ ด้วย พวกเธออยากใส่ไส้อะไรเพิ่มเติมไหม?” หลินชิงเหอตอบ
“ฉันคิดว่าจะเติมไส้หมูกับผักดองเข้าไปอีกไส้ค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยตอบ
“ลองสับแครอทให้ละเอียดแล้วใส่ลงไปในไส้ซาลาเปาสิ ซาลาเปาไส้ไข่คนก็รสชาติดีนะ” หลินชิงเหอเสนอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...