หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋นั่งซุกอยู่บนโซฟาขณะดูทีวี พวกเขาเพิ่งซื้อเกาลัดมาห่อหนึ่งจากนอกบ้าน เธอจึงกะเทาะเปลือกให้เขากินขณะดูทีวีไปด้วย
ส่วนเด็ก ๆ นั้นหลินชิงเหอไล่ให้ไปอยู่ที่อื่น ไม่ให้กลับมารบกวนพวกเขาจนกว่าจะถึงสามทุ่ม
“เกาลัดนี่บำรุงไตกับม้ามดีนะคะ กินบำรุงร่างกายไว้เยอะ ๆ ถ้าเกิดรอบเดือนของฉันหมดแล้วเราก็มาจัดหนักกัน แล้วก็กินเนื้อแกะกับเนื้อวัวให้มากขึ้นด้วย คราวนี้คงจะมีโอกาสแน่นอน” เธอกะเทาะเปลือกเกาลัดและส่งป้อนให้เขา
โจวชิงไป๋กินเกาลัด ขณะดูทีวีเขาก็เอ่ยขึ้น “คุณไม่อยากมีลูกนี่”
“ใครบอกว่าฉันไม่อยากมีลูกคะ?” หลินชิงเหอตอบทันที จากนั้นเธอก็จับใบหน้าของเขาให้หันออกจากทีวีก่อนมองหน้า “คุณไม่รู้เหรอว่าฉันรักคุณขนาดไหน!”
โจวชิงไป๋ยังอยากได้ยินคำพูดเหล่านี้อยู่ แต่เขาก็ไม่พูดอะไร กลับหันหน้าไปดูทีวีต่อ
“ชิงไป๋ อย่าโกรธฉันเลยนะคะ ฉันไม่ได้คาดคิดว่าจะเป็นแบบนี้ พูดตามตรงแล้วฉันก็ผิดหวังนะคะ ฉันเตรียมตัวจะเป็นแม่คนทั้งที่มีความเสี่ยงสูงขนาดนี้แล้ว” หลินชิงเหอพูด
“แต่ผมรู้สึกว่าคุณดูดีใจไม่น้อยนะ” โจวชิงไป๋จี้จุด
“จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไรกันคะ? ฉันผิดหวังไม่น้อยเลย จริง ๆ ตอนที่ฉันเข้าใจผิดว่าตัวเองท้องฉันก็รับไม่ได้เหมือนกัน แต่เพราะเด็กคนนี้เป็นลูกของเรา ฉันก็เลยพยายามทำใจอยู่น่ะค่ะ” หลินชิงเหอตอบ
สีหน้าของโจวชิงไป๋ดูผ่อนคลายลง
หลินชิงเหอพยายามพูดจาดี ๆ ปลอบโยนเขา พอถึงเวลาเกือบสองทุ่ม โจวชิงไป๋ก็มีสีหน้าดูดีขึ้นมาก
บรรยากาศระหว่างคนทั้งคู่เพิ่งจะกลับมาเป็นปกติ โจวเสี่ยวเหมยก็มาเคาะประตูพอดี
หลินชิงเหอเดินไปเปิดประตู เมื่อเห็นคนทั้งคู่อยู่ที่หน้าประตูเธอก็เอ่ยทัก “เข้ามาในบ้านกันก่อน เกิดอะไรขึ้นเนี่ย? หิมะก็กำลังตก ทำไมพวกเธอถึงได้มาที่นี่กันล่ะ?”
ในห้องช่างอุ่นนัก ทำให้โจวเสี่ยวเหมยกับซูต้าหลินต่างโล่งใจเมื่อเดินเข้ามาแล้ว
วันนี้อากาศข้างนอกบ้านหนาวจริง ๆ ฤดูหนาวในเมืองหลวงช่างหนาวเหน็บยิ่งกว่าเมืองบ้านเกิดของพวกเขาเสียอีก
“เชิ่งเหม่ยบอกว่าวันนี้น้าสี่ไม่ได้เปิดร้าน พ่อแม่ฉันก็เลยเป็นกังวลขึ้นมา เราเพิ่งจะปิดร้านก็มาได้ยินเรื่องนี้ตอนกลับถึงบ้านเข้า เราก็เลยมาดูให้เห็นกับตาที่นี่น่ะค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยบอก
หลินชิงเหอรินน้ำอุ่นสองแก้วให้พวกเขาดื่มและเอ่ยตอบ “ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย ไม่เห็นต้องมาถึงนี่เพราะเรื่องนี้ก็ได้”
“กินเกาลัดสิ” โจวชิงไป๋เอ่ยกับซูต้าหลิน
“ครับ” ซูต้าหลินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“พี่สี่ เกิดอะไรขึ้นกับพี่กันคะ? พี่ยังปกติดีอยู่ไหม?” โจวเสี่ยวเหมยมองพี่ชายสี่ของหล่อน
“อืม” โจวชิงไป๋ตอบ
“ถ้าพี่ไม่สบาย พี่ก็ต้องพักผ่อนให้มากขึ้นนะคะ” โจวเสี่ยวเหมยบอก
หล่อนบอกได้ว่าจากนิสัยของพี่ชายสี่แล้ว เขาจะไม่เปิดร้านได้อย่างไร ต้องเป็นเพราะอาการป่วยแน่ ๆ เพราะเขาดูไม่สบายไร้เรี่ยวแรงไปเล็กน้อย
“กลับไปบอกพ่อกับแม่ด้วยว่าไม่ต้องกังวล” โจวชิงไป๋บอก
“ได้ค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยพยักหน้า
“วันนี้อากาศหนาวมาก ทางบ้านของพวกเธออุ่นพอไหม?” หลินชิงเหอถาม
“เราไม่หนาวจนแข็งหรอกค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยตอบ หล่อนกับซูต้าหลินนำผ้านวมผืนใหญ่สองผืนมาเอง แต่มันก็ยังไม่พอ หลังจากมาถึงที่นี่แล้วพวกเขาจึงซื้อผ้านวมผืนใหญ่อีกสองผืนถึงจะรู้สึกอุ่นพอดี
เมื่อเห็นว่าพี่ชายสี่ของหล่อนไม่มีปัญหาอะไรแล้ว โจวเสี่ยวเหมยก็ไม่รู้สึกเป็นห่วงอีก หล่อนบอกพี่สะใภ้สี่ให้ทำแกงเนื้อกินอีกหม้อ
ในฤดูหนาวพวกเขาจะกินแกงเนื้อแกะกัน พอถึงฤดูใบไม้ผลิก็จะเปลี่ยนเป็นน้ำเต้าหู้
“ไม่รู้ว่าความคิดของต้าหลินจะเข้าท่าหรือเปล่านะคะ?” โจวเสี่ยวเหมยเอ่ยปิดท้าย
“เข้าท่าสิ น่าจะขายดีเลยล่ะ” หลินชิงเหอมองซูต้าหลินแล้วก็เอ่ยขึ้น “น้องเขย นายไม่ต้องลังเลไป ทำอะไรที่อยากทำไปเลย ถึงอย่างไรก็มีร้านซาลาเปาเป็นเสาหลักอยู่แล้ว มันคงไม่เลวร้ายเท่าไหร่หรอก”
“ครับ” ซูต้าหลินพยักหน้า
หลินชิงเหอกะเทาะเกาลัดให้โจวชิงไป๋พลางเอ่ยขึ้น “พวกเธอสองคนไปหาเจ้าของที่แล้วหรือยัง?”
“ไปมาแล้วค่ะ แต่ดูแล้วเหมือนหล่อนไม่คิดจะขายให้เลย” โจวเสี่ยวเหมยเม้มปาก
ต้องบอกว่าพวกเขาไม่สนใจร้านนั้นหรืออยากได้ร้านนั้นมาก่อน แต่มาตอนนี้โจวเสี่ยวเหมยรู้สึกอยากซื้อร้านนั้นแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...