เมื่อท่านแม่โจวเข้านอนในคืนนั้น นางก็ได้พูดคุยกับท่านพ่อโจว
“สะใภ้ตระกูลจูที่อยู่ข้างบ้านเราช่างน่ารังเกียจไม่น้อย แม่เฒ่าจูกับสามีของนางอายุขนาดนี้แล้วหล่อนก็ยังไม่สนใจพวกเขา” ท่านแม่โจวพูด “แล้วยังมีตระกูลหูอีก พวกเขามีลูกสาวกัน 4 คน มีลูกชายแค่คนเดียวแต่เขาก็แต่งกับเมียที่ไม่กตัญญูกับสองผู้เฒ่าหูเลย”
ท่านพ่อโจวจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าภรรยากำลังหมายความอย่างไร เขาจึงพูดให้นางหายหมั่นไส้ “ไม่ใช่ทุกคนจะมีชีวิตได้อย่างคุณนี่”
ท่านแม่โจวเผยยิ้มออกมา “ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ?”
เห็นชัดว่านางกำลังรอให้คู่ชีวิตเอ่ยชมนางอยู่
ท่านพ่อโจวรู้จักภรรยาของตัวเองดี เขาจึงเอ่ยขึ้นมา “เราทำงานหนักมาทั้งชีวิต ต่อให้เมื่อก่อนจะยากลำบากเพียงใดเราก็ผ่านมันมาได้ นับจากนี้เราก็ใช้ชีวิตที่นี่ให้มีความสุขเถอะ อย่าว่าแต่คนพวกนั้นในบ้านเกิดของเราเลย แม้แต่คนแก่คนเฒ่าที่นี่ก็อาจจะไม่ได้มีชีวิตที่ดีกว่าเราสักเท่าใด”
“พูดแบบนี้แล้วฉันอยากจะกลับไปพร้อมกับเชิ่งเหม่ยและหู่จือจริง ๆ” ท่านแม่โจวเอ่ยอย่างร่าเริง
กลับไปทำไมน่ะหรือ?
ก็เพื่อจะใส่เสื้อผ้าเครื่องประดับใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้าทั้งภายในและภายนอกน่ะสิ ถ้านางกลับไปในสภาพนี้นางจะได้หน้ามากขนาดไหน? มันคงจะทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหมู่บ้านอิจฉาแทบตายเลยทีเดียว
“แล้วทำไมคุณไม่กลับไปล่ะ? หู่จือกับเชิ่งเหม่ยจะไปขึ้นรถพรุ่งนี้แล้วนะ” ท่านพ่อโจวตอบ
“มันเดินทางลำบากเกินไปน่ะ” ท่านแม่โจวส่ายหน้า
นางจำการเดินทางมายังเมืองหลวงได้ขึ้นใจ มันทำให้นางรู้สึกเหนื่อยมากจนไม่อาจทนได้เลย
ดังนั้นต่อให้นางอยากกลับไปจนตัวสั่น แต่เมื่อคิดถึงสภาพถนนที่ผ่านมาตลอดทาง นางก็รู้สึกขยาดขึ้นมา
“ก็ดีแล้วที่คุณไม่กลับไป เจ้ารองบอกว่าในช่วงปีใหม่นี้เราจะไปถ่ายรูปด้วยกัน เมื่อถึงเวลานั้นก็ถ่ายรูปไว้เยอะๆ นะ” ท่านพ่อโจวบอก
“ก็ได้” ท่านแม่โจวรู้สึกยินดี จากนั้นก็เอ่ยขึ้น “แม่เจ้าใหญ่กำลังทำงานหนักอยู่ที่นั่น อากาศหนาวขนาดนี้แล้วหล่อนก็ยังต้องไปสอนนักศึกษาอีก”
“ชิงไป๋คงดูแลหล่อนมากขึ้นน่ะ เราไม่สร้างปัญหาให้พวกเขาก็พอแล้ว นอนกันเถอะ” ท่านพ่อโจวบอก
ท่านแม่โจวไม่พูดอะไร นางพยักหน้าและล้มตัวลงนอน
ในตอนนี้หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ยังนอนไม่หลับ หู่จือกับสวี่เชิ่งเหม่ยกำลังจะกลับบ้าน เธอจึงเตรียมของบางส่วนให้พวกเขานำกลับไปด้วย
มีเป็ดย่างครอบครัวละ 1 ตัวเหมือนเช่นเคย และยังมีลูกกวาด 2 ห่อ
พี่สาวใหญ่ พี่สาวรอง และพี่ชายทั้งสามในตระกูลโจว เช่นเดียวกับน้องชายสามตระกูลหลินต่างได้รับส่วนแบ่งทั้งหมด พวกเขาคงให้โจวหยางเป็นคนไปส่งได้ ซึ่งไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเลย
พวกเขามีของติดตัวไปไม่มากนัก เพราะเสื้อผ้าทั้งหลายสามารถสวมติดตัวได้เลย ต่อให้มันหนักไปสักหน่อยแต่ก็กันความหนาวเย็นได้
พวกเขาแบกกระเป๋าไปคนละสองใบรวมกับของพวกนี้ก็กลับไปได้แล้ว
ทุกอย่างถูกจัดเตรียมเรียบร้อย โจวเฉวี่ยนที่ได้หยุดเรียนก็ได้รับคำสั่งให้เป็นคนพาเด็กทั้งสองไปขึ้นรถในวันรุ่งขึ้น
หลินชิงเหอยังไม่ตื่นนอน เธอเองก็อยู่ในช่วงหยุดพักเหมือนกัน มันเป็นโอกาสหายากที่จะได้นอนตื่นสาย ดังนั้นทำไมเธอถึงจะไม่นอนให้ยาวกว่านี้ล่ะ
ในวันที่เด็กทั้งคู่กลับบ้านไป หลินชิงเหอก็เริ่มเตรียมอาหารสำหรับวันขึ้นปีใหม่
หลังนัดกับเจ้ารองและเจ้าสามได้แล้ว ทั้งแม่และลูกชายทั้งสองก็ออกไปซื้อของ
“ม้าอยากรู้จริง ๆ ว่าพี่ใหญ่ของลูกจะกลับมาในปีนี้ไหม” หลินชิงเหออดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นตอนที่ซื้อปลาจะละเม็ดทองแห้ง “พี่ใหญ่ลูกชอบกินปลาจะละเม็ดทองนี่มากเลยนะ”
“ม้า เราก็อยากกินเหมือนกันนะครับ” โจวกุยหลายบอก
“ไม่ใช่ว่าลูกได้กินตลอดทั้งปีอยู่แล้วเหรอ?” หลินชิงเหอตอบอย่างหมั่นไส้
“พี่ใหญ่แค่ไปอยู่โรงเรียนเตรียมทหาร ไม่ได้จะไปถือศีลเป็นพระสักหน่อยนี่ครับ คงไม่เลวร้ายอย่างที่ม้าพูดหรอก ผมได้ยินว่าอาหารการกินที่นั่นยอดเยี่ยมมากเลยนะ” โจวกุยหลายบอก
“ม้าอย่ากังวลไปเลย อาหารที่นั่นยอดเยี่ยมอยู่แล้ว” โจวเฉวี่ยนพูดปลอบ
พวกเขาฝึกฝนกันหนักทุกวันจึงกินพลังงานร่างกายไปมาก อาหารการกินก็ต้องมากตามไปด้วย
แต่ในสถานที่แบบนั้น พวกเขาทำได้เพียงสวาปามเข้าไปให้หมด ไม่ว่าอาหารนั้นจะดีหรือไม่ก็ตาม
หลินชิงเหอซื้อปลาจะละเม็ดทองแห้งไป 10 ตัว จากนั้นเธอก็พาพวกเขาไปซื้อไข่
ตอนนี้เริ่มมีผู้ค้าปลีกเกิดขึ้น มีไก่และไข่ขายอยู่หลายร้าน ทุกอย่างดูหาซื้อได้ง่ายไปหมด หลังจากเข้าเดือนธันวาคมแล้ว หลินชิงเหอก็ทำหมูสามชั้นหมักบางส่วนแขวนผึ่งไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...