โจวข่ายกลับมาที่บ้านในวันที่ 23 ธันวาคม
เขากลับมาตั้งแต่เช้าตรู่ ซึ่งตอนนั้นหลินชิงเหอยังนอนหลับอยู่ เมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็เห็นเขานั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นแล้ว
หลินชิงเหอชะงักครู่หนึ่งก่อนเอ่ยออกมา “เจ้าใหญ่?” ด้วยความไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเธอคิดถึงลูกชายคนโตมากเกินไปจนเกิดภาพหลอนหรือเปล่า?
“ม้า” โจวข่ายเลิกคิ้วและเอ่ยทักทาย
ใช่แล้วล่ะ เขากลับมาแล้วจริง ๆ เธอไม่ได้ฝันไป
หลินชิงเหอเดินมาหาเพื่อมองลูกชายคนโตให้ชัด ๆ แล้วเอ่ยขึ้น “ทำไมลูกคล้ำถึงขนาดนี้เลยล่ะ?”
ผิวของโจวข่ายดูคล้ำลงจริง ๆ สีผิวของเขาคล้ำลงไม่น้อย ต่อให้เป็นฤดูหนาวแล้วเขาก็ยังไม่หายคล้ำ ยังเหมือนกับตอนฤดูใบไม้ร่วงไม่เปลี่ยนแปลง
แต่ต้องบอกว่าเขาดูกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวาอย่างมาก
“ฝึกทหารน่ะครับ” โจวข่ายตอบสั้น ๆ
หลินชิงเหอรับรู้แล้วก็ถามต่อ “ลูกกินข้าวเช้ามาหรือยัง? แล้วป๊ารู้ไหมเนี่ยว่าลูกกลับมาแล้ว?”
“ผมไปที่ร้านเกี๊ยวก่อนจะกลับมาที่นี่น่ะครับ” โจวข่ายพยักหน้าและเอ่ยต่อ “ผมตั้งใจรอให้ม้าเห็นตัวผมก่อนแล้วค่อยไปที่บ้านคุณปู่คุณย่า”
“งั้นลูกก็ไปเถอะ ม้าจะตุ๋นกระเพาะหมูยัดไส้ไก่ให้เป็นมื้อกลางวัน” หลินชิงเหอบอก
โจวข่ายยิ้มกริ่ม เขาได้ยินเรื่องที่แม่ของเขาพูดถึงเขาทุกวันในหลายวันที่ผ่านมาจากปากน้องชายที่ร้านเกี๊ยวแล้ว ตอนนี้เขากลับมาถึง เธอก็ปฏิบัติกับเขาราวกับสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่ง
โจวข่ายไปเยี่ยมบ้านคุณปู่คุณย่า ส่วนหลินชิงเหอมาที่ร้านเกี๊ยวเพื่อกินอาหารเช้าหลังจากล้างหน้าแล้ว จากนั้นก็เริ่มทำตุ๋นกระเพาะหมูยัดไส้ไก่
คุณป้าหม่าก็ได้พูดขึ้นมาอย่างร่าเริง “ตอนนี้เสี่ยวข่ายดูบึกบึนขึ้นเยอะเลยนะจ๊ะ”
“เขาก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ แถมยังดำราวกับถ่านอีกด้วย แล้วจากนี้ไปเขาจะหาภรรยาได้ยังไงเนี่ย” หลินชิงเหอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
แม้เธอจะพูดแบบนั้น แต่ลูกชายก็ดูไร้ที่ติในใจของเธออยู่ดี ถ้ามีใครคนอื่นกล้ามาดูถูกเขาก็ลองดูสิ?
คุณป้าหม่าเอ่ยขึ้น “คุณจะกังวลเรื่องอื่นก็ได้แต่ไม่ใช่เรื่องที่เขาหาเมียไม่ได้แน่ ๆ จ้ะ เสี่ยวข่ายเป็นแบบนี้แล้วก็ไม่ต้องกังวลอะไรเลย มีสาว ๆ ตาดีเยอะแยะที่อยากจะแต่งงานกับเขา”
หลินชิงเหอยิ้มกว้าง จากนั้นก็เริ่มจัดการล้างกระเพาะหมูกับไก่อย่างคล่องแคล่ว
“คุณจะทำอาหารนี้อย่างไรคะเนี่ย?” คุณป้าหม่าเห็นแล้วก็ไม่เข้าใจ
“ที่ต้องทำคือยัดไก่เข้าไปในกระเพาะหมูก่อนจะเอาไปตุ๋นน่ะค่ะ มันอร่อยแล้วก็ยังบำรุงกระเพาะด้วย คุณป้าลองตุ๋นให้คุณลุงกับคนที่เหลือกินบ้างก็ได้นะคะ” หลินชิงเหอตอบ
เห็นลูกชายมีสุขภาพร่างกายดีแล้ว หลินชิงเหอก็รู้ว่าอาหารที่เขากินคงไม่ย่ำแย่ แต่ต่อให้เป็นแบบนี้หลินชิงเหอก็ยังอยากหุงหาอาหารดี ๆ ให้เขากินอยู่ดี
ไม่ใช่แค่ตุ๋นกระเพาะหมูยัดไส้ไก่เท่านั้น หลินชิงเหอยังออกไปซื้อหัวหมูมาหนึ่งหัวด้วย อาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นหัวหมูนี้จึงถูกเก็บไว้ทำเป็นอาหารเย็น
เจ้าใหญ่ชอบกินเนื้อหัวหมูตุ๋นมาก ตอนนี้เขากลับมาบ้านเธอก็ต้องทำให้เขากินสิถูกไหม?
โจวกุยหลายกลับมาดูที่ร้านเกี๊ยว เมื่อเห็นอาหารแล้วเขาก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาเต็มอก “พี่ใหญ่โชคดีจังเลยที่ได้เป็นคนโปรดของครอบครัวขนาดนี้”
“ถ้านายไม่ได้กลับมาที่บ้านนาน ๆ แล้วค่อยกลับมา เรากับม้าก็จะรักนายด้วยเหมือนกันนะ” โจวเฉวี่ยนยิ้ม
โจวเอ้อร์นีที่ช่วยงานอาสะใภ้สี่อยู่ก็ถึงกับกลั้นยิ้ม “ตอนนี้เจ้าใหญ่กลับมาแล้ว คุณปู่คุณย่าที่อยู่บ้านนั้นจะต้องดีใจมากแน่ ๆ เลย”
แน่นอนว่าท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวต่างดีใจมาก หลานชายคนโตของพวกเขากลับมาคราวนี้ พวกเขาถึงกับดีใจจนตัวลอยเลยทีเดียว
แม้จะมีหลานอยู่หลายคน แต่โจวข่ายคือหลานชายคนโตคนโปรด เขาได้รับความรักจากท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวอย่างแท้จริง
ดังนั้นต่อให้เจ้าของร่างเดิมจะทำเรื่องแย่ ๆ มากมายในอดีต แต่หล่อนก็ยังเชิดหน้าอยู่ได้เพราะว่ามีหลานชายคนนี้อยู่
เมื่อหลานชายคนโตกลับมาบ้าน ท่านแม่โจวถึงกับตาแดง
“อยู่ที่นั่นคงจะลำบากสินะ ตอนที่พ่อของหลานไปเป็นทหาร ย่าก็คิดเหมือนกันว่ามันจะต้องลำบาก ตอนนี้หลานไปอยู่ที่นั่นแล้ว ย่าก็รู้สึกทนไม่ได้” ท่านแม่โจวเอ่ยขณะสวมกอดหลานชายคนโต
แม้ท่านพ่อโจวจะรู้สึกดีใจเช่นกัน แต่เขาก็ไม่ได้เข้าไปหาหลานชาย ได้แต่พูดเอ็ดขึ้นมา “พอแล้วล่ะคุณ”
“อะไร? ฉันจะพูดอะไรหน่อยไม่ได้เหรอ?” ท่านแม่โจวเหลือบค้อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...