เมื่อแม่เฒ่าหูมาหาแม่เฒ่าจูที่บ้าน นางก็ยกประเด็นนี้ขึ้นมา
แม่เฒ่าจูได้ยินก็ประหลาดใจ “เปล่งประกายขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“แล้วไม่ถูกหรือ? แกก็รู้ว่าสามีของฉันมักไม่ค่อยเห็นคนส่วนใหญ่เข้าตาอยู่แล้ว แต่เขาพูดชมเด็กคนนั้นไม่หยุดเลยหลังจากได้เห็นแค่ครั้งเดียว” แม่เฒ่าหูตอบ
แม่เฒ่าจูรู้สึกอยากเห็นบ้างหลังได้ยินดังนี้
นางมีหลานสาวคนโตอยู่คนหนึ่ง หล่อนเป็นคนซื่อสัตย์ ปีนี้มีอายุ 18 ปี และกำลังจะย่างเข้าอายุ 19 ปีหลังปีใหม่ที่จะถึง
“คราวที่แล้วแม่เสี่ยวเหมยบอกว่าหลานชายคนโตของหล่อนอายุเท่าไหร่แล้วนะ?” แม่เฒ่าจูถาม
“17 ย่างเข้า 18 หลังปีนี้” แม่เฒ่าหูตอบ นางรู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีหน่วยก้านดีทีเดียว “ยังไม่ถึง 18 ปีดีและสูงเกือบ 190 เซนติเมตร”
“ตัวสูงมากทีเดียว” แม่เฒ่าจูเอ่ยขณะดวงตากลอกกลิ้งไปมา
แม่เฒ่าหูเป็นคนฉลาด นางจึงรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่โดยดูจากสีหน้าท่าทาง พวกนางเป็นเพื่อนบ้านกันมากี่ปีแล้วล่ะ? และคุ้นเคยกับสถานการณ์ในบ้านของอีกฝ่ายมากขนาดไหน?
แม่เฒ่าจูมีหลานสาวคนโตคนหนึ่งที่อยู่ในวัยแต่งงานแล้ว เก้าในสิบส่วนก็คือหลานชายคนโตของเฒ่าโจวได้สะดุดตาของนางพอดี
แต่แม่เฒ่าหูไม่ได้เอ่ยอะไรเพราะรู้สึกว่าเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้น
ถึงแม้คู่สามีภรรยาเฒ่าบ้านโจวจะเป็นคนมาจากถิ่นอื่น แต่สะใภ้ของพวกเขานั้นมีความสามารถ หล่อนเป็นอาจารย์ภาษาต่างประเทศในมหาวิทยาลัยปักกิ่งและย้ายครอบครัวมาอยู่ที่นี่โดยผ่านการใช้เส้นสายของมหาวิทยาลัย
ตอนนี้พวกเขาเป็นพลเมืองปักกิ่งอย่างแท้จริงแล้ว จึงไม่มีสิ่งที่เรียกว่าการดูถูกทะเบียนบ้านที่มาจากถิ่นอื่น
โดยเฉพาะตอนที่ลูกชายและลูกสะใภ้ของพวกเขารักษาสัญญาและกตัญญู ซื้อทีวี พัดลมไฟฟ้า และของใช้อื่น ๆ มาให้ โดยที่ลูกชายกับลูกสะใภ้ของพวกนางเทียบไม่ติด
ถึงอย่างนั้นแม่เฒ่าหูก็ยังมีความคิดบางอย่าง
โดยเฉพาะตอนที่นางมีหลานชายคนโตจากครอบครัวทางฝั่งแม่ที่ยังไม่ได้แต่งงาน มันคงจะวิเศษหากเขาได้แต่งงานกับหลานสาวของบ้านโจวที่ชื่อว่าเชิ่งเหม่ย
นางเคยเห็นเด็กสาวคนนี้อยู่ หล่อนนิสัยดีและว่านอนสอนง่าย หลานชายของนางค่อนข้างจะเสเพล แต่เขาชอบผู้หญิงแบบนี้
ยิ่งกว่านั้น เด็กสาวคนนี้ยังเป็นคนสวย หล่อนจะต้องสามารถเปลี่ยนหลานชายของนางให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้นได้แน่ ๆ
แต่น่าเสียดายที่ปีนี้เขากลับบ้านไปแล้ว ไม่อย่างนั้นนางก็วางแผนว่าจะเรียกหลานชายมาในปีนี้และคอยดูว่าเขาชอบหล่อนหรือไม่
ถ้าเขาชอบหล่อน เรื่องนี้ก็ไม่มีปัญหา
เงื่อนไขของหล่อนนั้นธรรมดา ขณะที่ครอบครัวฝั่งแม่ของหลานชายอยู่ในระดับยอดเยี่ยม หล่อนคงไม่พลาดการแต่งงานนี้
สองแม่เฒ่าต่างตกอยู่ในความคิดของตัวเอง เทียบกันกับพวกนางแล้ว ท่านแม่โจวถือว่าไร้เดียงสาและอ่อนโยนกว่ามากนัก
ขณะที่นางกำลังอยู่ในอาการยินดี แม่เฒ่าจูก็เข้ามาถาม ท่านแม่โจวจึงตอบด้วยรอยยิ้ม “เขากลับมาแล้วล่ะ แต่อยู่เพียง 10 วัน หลังปีใหม่นี้ก็จะต้องกลับไปอีก”
“ยุ่งขนาดนั้นเชียวเหรอคะ?” แม่เฒ่าจูถาม
“หรือไม่ถูกล่ะคะ? เด็กคนนี้น่ะก้าวหน้ามาตลอดตั้งแต่เด็กแล้ว เขาสมัครการฝึกพิเศษไว้ เดิมเขาเป็นคนค่อนข้างขาว แต่กลับมาคราวนี้ตัวดำเป็นถ่านเชียว” ท่านแม่โจวเอ่ยราวกับบ่น
แม่เฒ่าจูได้ยินก็รู้สึกยินดีไม่น้อย เด็กผู้ชายจะผิวคล้ำก็ไม่เป็นไร จุดสำคัญคือต้องมีความใฝ่ฝันและความทะเยอทะยาน
“จริงเหรอคะ หลานคนโตของคุณมาแต่คุณก็ไม่ได้เรียกฉัน ฉันไม่เคยเห็นหลานคนโตผู้เจิดจรัสของคุณเลย” แม่เฒ่าจูเอ่ย
ท่านแม่โจวชอบที่จะได้ยินคำพูดเหล่านี้จึงยิ้มกว้าง “ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้เห็นหรอกค่ะ เจ้าใหญ่น่ะกตัญญูกับฉัน เขามาหาเราทุกวันเลย”
หลานชายคนโตทำให้พวกเขามีหน้ามีตาจริง ๆ แน่นอนว่าหลานชายคนอื่น ๆ ก็เหมือนกัน เจ้ารองกับเจ้าสามก็เป็นหลานที่ยอดเยี่ยมทั้งคู่
โจวข่ายแวะมาเยี่ยมอาเขยเล็กกับอาเล็กก่อนจะกลับไป
ในตอนกลางวัน พวกเขาได้กินหมั่นโถวกับตุ๋นกระเพาะหมูยัดไส้เนื้อไก่ อาหารง่าย ๆ นี้ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกพอใจมาก เขากินจนเหงื่อผุดพรายบนหน้าผาก
หลินชิงเหอใส่พริกไทยลงในตุ๋นกระเพาะหมูยัดไส้เนื้อไก่ด้วย มันไม่ได้ทำให้เผ็ด แต่ช่วยให้มีกลิ่นหอมหวนมากขึ้น
“พี่ใหญ่ อยากไปโรงอาบน้ำไหม” โจวกุยหลายถาม
“ไปสิ” โจวข่ายพยักหน้า เขาอยากอาบน้ำแบบดี ๆ เหลือเกิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...