ร้านเกี๊ยวของโจวชิงไป๋เปิดอยู่จนกระทั่งสองทุ่มของวันที่ยี่สิบแปดธันวาคม จากนั้นก็ปิดอย่างเป็นทางการเนื่องในวันเทศกาลปีใหม่
ในเย็นนั้นเอง สองสามีภรรยาก็ช่วยกันคำนวณบัญชีร้านค้าของปีนี้อยู่ภายในห้อง
ร้านเสื้อผ้าของหลินชิงเหอทำผลประกอบการได้อย่างยอดเยี่ยม
รายได้โดยเฉลี่ยของปีนี้อยู่ที่ 2,000 หยวนต่อเดือนหลังหักค่าจิปาถะต่าง ๆ แล้ว
ร้านเสื้อผ้าผู้ชายที่เปิดภายหลังไม่ค่อยทำรายได้ดีเหมือนกับร้านเสื้อผ้าผู้หญิง แต่กิจการก็ยังถือว่าดีอยู่ มันเปิดมาเป็นระยะเวลาสั้น ๆ แต่ก็ยังมีรายได้ ซึ่งเกือบเท่ากับรายได้ประจำปีของร้านเกี๊ยวของโจวชิงไป๋เลยทีเดียว
ซึ่งความจริงแล้วปีนี้ร้านเกี๊ยวของโจวชิงไป๋ก็ทำรายได้อย่างยอดเยี่ยมในปีนี้ เขาได้เงินไป 300 หรือเกือบ 400 หยวนในแต่ละเดือน
ช่วงสิ้นปีนับว่าเป็นเวลาที่วุ่นวาย เมื่อเพิ่มเกี๊ยวไส้เนื้อแกะที่ทุกคนชื่นชอบอย่างมากเข้าไปแล้ว กิจการในเดือนสุดท้ายก็เฟื่องฟูที่สุด
มันทำรายได้ไปเกิน 400 หยวน
มันมีข้อจำกัดตรงรายจ่ายของปีนี้ ส่วนใหญ่หมดไปกับการซื้อร้านเสื้อผ้าผู้ชาย ส่วนที่เหลือก็ไม่มีอะไรบกพร่อง
พวกเขาหาเงินได้มหาศาล
หลังคำนวณบัญชีแล้ว เงินเก็บของทั้งครอบครัวถือว่ามหาศาลเป็นกอบเป็นกำทีเดียว
“ทำไมถึงไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับเรือนสี่ประสานเลยนะ?” หลินชิงเหอเอ่ย
เพื่อเรือนสี่ประสานที่เธออยากได้มานานแล้ว เธอจึงไม่ได้ซื้อบ้านหรือร้านค้าที่อื่นอีก
แน่นอนว่าทำเลของมันก็ไม่ใช่ที่เธอต้องการด้วย ไม่อย่างนั้นเธอคงหลับหูหลับตาซื้อไปแล้วถ้ามันมี
“คุณอย่ากังวลเลย เรารอดูไปเรื่อย ๆ เถอะ” โจวชิงไป๋รู้ว่าภรรยาอยากได้เรือนสี่ประสานมาก
แต่ว่าตามความจริงแล้ว เขาเองก็ชอบมันเหมือนกัน
เขาเคยไปช่วยเฒ่าหวังเก็บค่าเช่าจากเรือนสี่ประสานของชายชรา ซึ่งเรือนสี่ประสานของเฒ่าหวังเป็นแบบมีทางเข้าสองทาง ดูยิ่งใหญ่อลังการมาก
แต่นั่นเป็นเรือนของเฒ่าหวัง ต่อให้โจวชิงไป๋จะนับถือเขาเป็นพ่อทูนหัวก็ตาม เขาก็ไม่เคยอยากเอาเปรียบชายชราเลย เขากับภรรยาต้องการซื้อมันด้วยเงินของพวกเขาเอง
หลินชิงเหอพยักหน้า “ถ้าปีหน้ายังไม่มีให้ซื้อ ฉันก็จะซื้อร้านค้าและอสังหาริมทรัพย์อื่นแล้วล่ะค่ะ”
ตอนนี้เศรษฐกิจกำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ และสถานการณ์ก็กำลังเป็นไปในทางที่รุ่งเรืองขึ้น แต่โอกาสมีไม่มากนัก เนื่องจากมีเจ้าของกิจการมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นร้านค้าทำเลดี ๆ จึงไม่ใช่สิ่งที่จะหาซื้อได้โดยง่าย
หากใครต้องการจะซื้อร้าน พวกเขาต้องชิงลงมือก่อน
โจวชิงไป๋ไม่คัดค้านอะไร ทุกอย่างขึ้นอยู่กับภรรยาของเขา
“ในอนาคตเราไปซื้อบ้านที่อื่นไว้ดีกว่าค่ะ” หลินชิงเหอเอ่ยอีกครั้งหลังนอนลงบนเตียง
“ที่ไหนเหรอคุณ?” โจวชิงไป๋เอ่ยอย่างงุนงง
“ไห่หนานน่ะค่ะ” หลินชิงเหอตอบ
ในอนาคตถ้าพวกเขาเห็นว่าที่นี่หนาวเกินไป พวกเขาก็สามารถไปพักตากอากาศที่เมืองไห่หนานได้ เพราะอากาศที่นั่นอุ่นกว่า ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในฤดูใบไม้ผลิตลอดทั้งปี
โจวชิงไป๋พยักหน้า “งั้นเราต้องขยันทำงานมากกว่านี้แล้วล่ะครับ”
หลินชิงเหอยิ้ม จากนั้นก็เอ่ยด้วยสายตาเชิญชวน “ชิงไป๋ มาขยันทำงานเผื่อว่าสวรรค์จะประทานลูกสาวให้เราดีไหมคะ?”
โจวชิงไป๋หรือจะไม่ให้ความร่วมมือ? ไม่เพียงแต่เขาจะร่วมมือ แต่เขายังทุ่มเทพลังทั้งหมดลงไปด้วย
ในเมื่อพรุ่งนี้ไม่ต้องเปิดร้านแล้ว ดังนั้นในคืนนั้น….ทั้งคู่จึงนอนดึก
พวกเขาหลับไปจนถึงสิบโมงเช้าของอีกวันหนึ่ง พอถึงเวลาจึงได้ลุกขึ้นอย่างเกียจคร้าน
โจวข่ายออกไปแล้ว โจวกุยหลายเองก็ไม่อยู่บ้าน มีเพียงโจวเฉวี่ยนที่อยู่คนเดียว
“ป๊า ม้า อยากกินอะไรกันบ้างครับ?” โจวเฉวี่ยนถาม
“ม้าไม่อยากอะไรหรอก นึ่งซาลาเปาสักสองสามลูกกับอุ่นแกงเนื้อแกะให้ป๊าชามหนึ่งก็พอแล้ว” หลินชิงเหอบอก
ไม่ใช่ว่าเมื่อวานนี้เป็นวันสุดท้ายที่เปิดร้านหรอกเหรอ? หลินชิงเหอคิดแล้วก็ให้เจ้ารองส่งเกี๊ยวจำนวนหนึ่งมาให้ ซึ่งพวกมันถูกปรุงสุกและทิ้งให้เย็นแล้ว เมื่อใดที่พวกเขาอยากจะกินก็แค่นำมาอุ่นจนพร้อมกินเท่านั้น นับว่าสะดวกสบายมากทีเดียว
หลินชิงเหอเองก็เตรียมอาหารให้ครอบครัวเป็นจำนวนมากด้วย ซึ่งทั้งหมดถูกแช่แข็งเอาไว้
“เรากินมาแล้วครับ” ซูเฉิงพยักหน้า
“แล้วนี่พี่ใหญ่อยู่ไหนแล้วครับ? ผมอยากเรียนศิลปะต่อสู้กับเขา” ซูสวิ่นเอ่ย
“ออกไปแล้วล่ะ” โจวเฉวี่ยนตอบ “มาดูทีวีกันก่อน บางทีเขาอาจกลับมาทีหลังก็ได้ นี่หม่าเหวินนะ ชื่อเล่นว่าหม่าเสี่ยวตั้น”
เขาแนะนำหม่าเสี่ยวตั้นให้พวกเขา
จากนั้นพวกเขาก็นั่งดูทีวีด้วยกัน ละครทีวีสมัยนี้ยังมีเนื้อเรื่องดีอยู่ ด้วยยังไม่มีวัฒนธรรมสมัยใหม่เข้ามาปน ดังนั้นทุกเรื่องจึงเป็นการสร้างจากนวนิยายทั้งหมด
หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ทิ้งเรื่องที่บ้านไว้ในส่วนลึกของหัวใจ และเป็นอย่างที่คิด ทั้งคู่มาดูหนังกัน
“บทหนังตอนนี้เริ่มดูเปิดกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะคะ” หลินชิงเหอให้ความเห็นหลังออกมาจากโรงภาพยนตร์แล้ว
เมื่อการปฏิรูปฝังรากลึกและเศรษฐกิจที่พัฒนารวดเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ภาพยนตร์ก็ดูเปิดกว้างขึ้นเช่นกัน ไม่เหมือนกับยุคอดีตที่พวกเขาจะฉายแต่หนังสงครามต่อต้านต่าง ๆ
โจวชิงไป๋เองก็รู้สึกได้ชัด ปีนี้มีข่าวว่าเมืองบ้านเกิดของเขามีไฟฟ้าใช้แล้ว
พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ หมู่บ้านโจวเจียจะมีไฟฟ้าใช้ทั้งหมู่บ้านอย่างช้าที่สุดในปีหน้า
นี่ถือเป็นการพัฒนาอย่างรวดเร็วอีกด้านหนึ่ง
ทั้งคู่มากินอาหารเย็นกับท่านพ่อโจวและท่านแม่โจวไม่บ่อยนัก ดังนั้นในวันสุดท้ายของปี 1981 สองสามีภรรยาก็นำเนื้อมาให้เป็นอาหารเย็นวันสิ้นปี โดยลูกชายทั้งสามของพวกเขาก็มาร่วมโต๊ะด้วย
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ทั้งพ่อและแม่ขยันทำการบ้านบ่อย ๆ นะคะ เผื่อสวรรค์จะได้เห็นใจและส่งลูกสาวมาให้
แม่วางแผนจะซื้อบ้านตากอากาศที่ไห่หนานแล้วค่ะ รวยจริงจังมากผู้หญิงคนนี้
ในที่สุดความเจริญก็เข้าสู่หมู่บ้านเดิมของพ่อแล้ว นึกย้อนไปก็รู้สึกถึงความยาวนานของเรื่องนี้เหมือนกันนะคะ จำได้ว่าตอนนั้นที่แปลตอนแม่ทะลุมิติเข้ามาใหม่ ๆ สภาพความเป็นอยู่ยังอยู่กันแบบไม่มีไฟฟ้าใช้อยู่เลย
ไหหม่า(海馬)
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...