ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม นิยาย บท 367

สรุปบท บทที่ 367 คิดจะประหารก่อนแล้วรายงานทีหลังเหรอ?: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 367 คิดจะประหารก่อนแล้วรายงานทีหลังเหรอ? – ตอนที่ต้องอ่านของ ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ตอนนี้ของ ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 367 คิดจะประหารก่อนแล้วรายงานทีหลังเหรอ? จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 367 คิดจะประหารก่อนแล้วรายงานทีหลังเหรอ?
EnjoyBook
บทที่ 367 คิดจะประหารก่อนแล้วรายงานทีหลังเหรอ?

ตอนนี้ดึกมากแล้ว ทั้งคู่จึงเดินทางกลับบ้าน

ยิ่งหลินชิงเหอคิดทบทวนเรื่องนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องดี ส่วนโจวชิงไป๋ไม่คัดค้านในเรื่องที่เธอจะเปิดร้านเลย เขาแค่ถามว่า “แล้วใครจะเป็นคนดูแลร้านนี้เหรอครับ?”

“มันง่ายออกไม่ใช่เหรอคะ?” หลินชิงเหอตอบ

เธอบอกแผนการของเธอให้เขาฟัง

เธอจะจ้างเด็กสาวไหวพริบดี 2 คนเฝ้าหน้าร้าน และยังต้องการผู้จัดการคนหนึ่งไว้ติดตามการจัดส่งสินค้า การลงบัญชี และการจัดการบัญชี ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนต้องการกำลังคนทั้งหมด

เธอวางแผนจะให้หม่าเฉิงหมินเป็นคนดูแลในด้านนี้

หลินชิงเหอตั้งใจเลื่อนขั้นให้เขาเป็นหัวหน้าผู้จัดการ ความจริงแล้วตัวเลือกอันดับหนึ่งของเธอคือเอ้อร์นี แต่นั่นก็ช่วยไม่ได้ เอ้อร์นีตอนนี้ยังขาดประสบการณ์อยู่ หล่อนไม่มีคุณสมบัติพอที่จะทำงานในตำแหน่งนี้ได้

จึงเป็นเรื่องดีกว่าหากจะให้คนท้องถิ่นอย่างหม่าเฉิงหมินเป็นคนช่วยเหลือเธอ

ส่วนเรื่องเงินเดือนเธอจะคุยกับเขาเป็นการส่วนตัวว่าให้ในระดับที่เหมาะสม เขาอยู่ในแผนกจัดการอยู่แล้ว ซึ่งอนาคตอาจจะมีร้านอื่นให้จัดการมากกว่านี้

หลินชิงเหอยังคงรู้สึกลิงโลดไม่น้อยตลอดทางที่กลับบ้าน

เธอไม่คิดที่จะเปิดร้านหรอก แค่รู้สึกอยากซื้อร้านไว้ให้คนอื่นเช่า แต่เธอก็อดไม่ได้ ในยุคนี้สามารถหาโอกาสได้ทุกที่ เพียงเหลือบมองครู่เดียวก็มองเห็นลู่ทางทำธุรกิจแล้ว

เงินทองล้วนหามาได้อย่างง่ายดายเป็นพิเศษ

ยกตัวอย่างเช่นร้านขายเสื้อผ้าทั้งสองร้านของเธอในช่วงนี้ไม่ต่างจากแม่ไก่ทองที่ออกไข่ทองคำเลย ในอนาคตข้างหน้า ถ้าร้านเสื้อผ้าขนาดใหญ่แบบนี้มีทำเลที่ตั้งไม่ดีและไม่ได้รับการจัดการอย่าางเหมาะสม มันคงไม่สามารถทำรายได้ให้เธอเหมือนกับตอนนี้

รูปแบบเสื้อผ้าที่เธอผลิตดึงดูดความสนใจคนซื้อโดยแท้ แต่เป็นการผลิตแบบทีละมาก ๆ ซึ่งมันยังไม่มีการทำเลียนแบบหรือการลอกเลียนแบบ ดังนั้นความต้องการจึงลดต่ำลงเล็กน้อย

เธอจึงเพิ่มร้านขายเสื้อผ้าผู้ชายเข้าไปอีกร้านหนึ่ง

เธอจะคว้าโอกาสขณะที่ทุกคนมีความต้องการต่ำและขาดแคลนแหล่งสินค้ามาให้ได้มากที่สุด ทันทีที่เธอทำกำไรได้เธอก็จะลงทุนเพิ่มอย่างรวดเร็ว จากนั้นในอนาคตพวกเขาก็จะได้ไม่ต้องใช้ทรัพย์สินที่มีเก็บไว้จนหมดไปเปล่า ๆ

นี่คือหนทางเดียวที่เธอจะได้อยู่อย่างเสือนอนกิน

แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าตอนนี้จะถึงเวลาวางแผนเปิดร้านแห่งที่สี่

โจวข่ายเริ่มเดินทางกลับไปที่ค่ายในวันที่สี่ของวันหยุดปีใหม่ โดยที่ครอบครัวของเขาไปส่ง ครั้งนี้เขาอาจไม่มีเวลากลับมาบ้านในช่วงวันหยุดฤดูร้อน บางทีอาจเป็นวันสิ้นปีในปีหน้าเลยทีเดียวที่เขาจะได้กลับมา

หลินชิงเหอรู้สึกหดหู่ไป 2 วันหลังส่งลูกชายคนโตกลับไปแล้ว

ปีนี้ลูกชายคนโตมีอายุ 18 ปี ถึงเวลาต้องบินจากอ้อมอกของพ่อแม่แล้ว แต่ในฐานะที่เป็นแม่ชราคนหนึ่ง หลินชิงเหอก็ยังรู้สึกไม่ยอมรับว่าต้องห่างจากลูกอยู่นิดหน่อย

“ม้า อย่ากังวลเลยครับ ผมจะไม่ทิ้งม้าไปไหนหรอก ภายภาคหน้าผมจะทำงานอยู่กับม้านะ” โจวเฉวี่ยนปลอบ

ปีนี้เขามีอายุ 16 ปี มีรูปร่างค่อนข้างสูงคือเกิน 180 เซนติเมตร และยังมีหน้าตาหล่อเหลา

ในบรรดาลูกชายทั้งสาม เจ้ารองดูเหมือนเธอมากที่สุด เขาเคยเป็นเด็กที่ดูเจ้าเล่ห์ราวกับสุนัขจิ้งจอก แต่ในตอนนี้เขากลับเอนเอียงมาทางหนุ่มผู้อ่อนโยนสง่างาม

มีลูกชายคนรองเป็นแบบนี้ก็ทำให้หลินชิงเหอรู้สึกสบายใจขึ้น เธอหันไปหาเจ้าสามและเอ่ยถาม “เจ้าสาม ลูกว่าอย่างไรล่ะ?”

โจวกุยหลายชะงักไป จากนั้นก็ประกาศเสียงดัง “ม้าไม่ต้องห่วงหรอกครับ เรื่องนี้ผมยังเด็ก แต่ถ้าผมโตขึ้น ผมจะพาม้ากับป๊าไปเที่ยวให้ทั่วเลย”

“ถ้าเราไปเที่ยวแล้วจะยังต้องการลูกอยู่อีกเหรอ?” หลินชิงเหอดูถูก

โจวกุยหลายยิ้มกริ่ม “งั้นม้าก็พาผมไปด้วยได้ไหมครับ?”

“ไม่พาไปด้วยหรอก ในอนาคตป๊ากับม้าจะเที่ยวกันเอง หลังเลี้ยงดูลูก ๆ มาจนโตขนาดนี้แล้วก็ไม่อยากจะปกครองพวกลูกอีกต่อไปแล้วล่ะ ลูกต้องปล่อยให้เราสองคนมีเวลาของตัวเองบ้าง” หลินชิงเหอบอก

จากนั้นเธอก็เหลือบมองชิงไป๋ของเธอ

โจวชิงไป๋มีแววตาอ่อนลง

โจวกุยหลายจึงเอ่ยอย่างฮึดฮัด “ป๊า ม้า ทั้งสองคนเก็บอาการหน่อยได้ไหมครับ? ผมเหนื่อยใจแล้วนะ”

เขาไม่เคยเห็นคู่รักคู่ไหนเหมือนพ่อกับแม่ของเขามาก่อน พวกเขารักกันแบบปานจะกลืนกินจริง ๆ ตอนที่เขายังเด็กกว่านี้เขาเคยเห็นทั้งคู่ขลุกอยู่ในห้องและจูบกันมาแล้ว

ตอนนั้นพวกเขายังเล็กอยู่ คนทั้งคู่ก็ยังเป็นหนุ่มเป็นสาวกันอยู่ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติ

นับตั้งแต่วันนั้นมันผ่านมากี่ปีแล้ว? พวกเขาโตขึ้น แต่ก็ยังเห็นคนทั้งคู่ประกบจูบกันอีกครั้งในคืนหนึ่ง

โดยที่แม่ของเขาจะนั่งบนตักของพ่อ ขณะที่พ่อโอบเอวแม่ไว้

ตอนนั้นประตูไม่ได้ปิดสนิท หลังแอบมองแล้วเขาก็รีบกลับเข้าห้องของตัวเอง

สวี่เชิ่งเฉียงคือน้องชายของสวี่เชิ่งเหม่ย อ่อนกว่าสวี่เชิ่งเหม่ยอยู่ 2 ปี

ปีนี้สวี่เชิ่งเหม่ยมีอายุได้ 18 ปี ส่วนสวี่เชิ่งเฉียงมีอายุ 16 ปี เหนือสวี่เชิ่งเหม่ยขึ้นไปคือพี่สาว 2 คน ซึ่งทั้งคู่ก็แต่งงานออกเรือนกันไปแล้ว

ในครอบครัวของพี่สาวใหญ่ไม่ได้มีลูกชายแค่สวี่เชิ่งเฉียงคนเดียว เขาไม่ใช่คนที่เด็กที่สุด อ่อนกว่าเขายังมีน้องชายคนสุดท้องอีกคนหนึ่ง

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ พี่สาวใหญ่มีลูกสาว 3 คนกับลูกชาย 2 คน

และเป็นเพราะการที่มีลูก 3 คนแรกเป็นลูกสาวติดกันนี่เอง พี่สาวใหญ่จึงลืมตาอ้าปากไม่ขึ้นไปชั่วขณะหนึ่ง หลังให้กำเนิดลูกชายคนโตแล้วหล่อนถึงได้หยัดยืนขึ้นมาได้

หลังจากนั้นลูกชายอีกคนหนึ่งก็เกิด แต่สวี่เชิ่งเฉียงที่เกิดก่อนนั้นได้รับการตามใจอยู่บ้างแล้ว

ก่อนหน้านี้โจวข่ายส่งเป็ดย่างไปให้ เมื่อโจวข่ายกลับมา เขาก็บอกว่าไม่อยากจะเชื่อกับลูกพี่ลูกน้องคนนี้เลย เขาเดินทางไปตั้งไกลเพื่อส่งเป็ดย่างไปให้ แต่อีกฝ่ายกลับบ่นว่ามันตัวเล็กเกินไป เป็นนัยว่ามันไม่พอกินหรอก

หลินชิงเหอได้ยินมาแล้วครั้งหนึ่ง แม้จะยังส่งเป็ดอีกตัวไปให้ เธอก็ยังจดจำไว้ในใจ

เธอไม่มีความอดทนและตั้งใจจะสั่งสอนลูกชายของคนอื่นหรอก เธอแค่มอบน้ำใจจากฝั่งของเธอให้เท่านั้น และไม่คาดหวังอะไรอย่างอื่นเลย

ดังนั้นหลังได้ยินเรื่องนี้จากโจวเอ้อร์นี เธอก็โทรศัพท์ไปหาบ้านเก่าตระกูลโจว

ในตอนแรกเธอทักทายสะใภ้ใหญ่ก่อนจะเข้าประเด็นด้วยการขอให้พี่ชายใหญ่นำเรื่องไปบอกบ้านนั้นว่าที่นี่ไม่ขาดแคลนพนักงาน หากใครคิดกล้าประหารก่อนแล้วรายงานทีหลัง เธอจะทำให้พวกเขาเสียหน้าให้ดู

“อีกอย่างหนึ่งนะคะ พี่สะใภ้ใหญ่ ฝากพี่ชายใหญ่ไปบอกเชิ่งเหม่ยด้วยค่ะว่าถ้าปีหน้าหล่อนไม่อยากมาที่เมืองหลวงแล้ว งั้นหล่อนก็ไม่ต้องมาอีก” หลินชิงเหอเอ่ยทิ้งท้าย

………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ขาดเจ้าใหญ่ไปบ้านพลันเงียบเหงาถนัดตา เอ็นดูน้อง ๆ ทั้งสองบ่นคิดถึงพี่ใหญ่จังค่ะ

แม่เริ่มฟาดคนแล้ว แหม พี่สาวใหญ่ คิดว่าเป็นใครคะถึงกล้าล้ำเส้นแม่ยัดเยียดลูกตัวเองให้ ขนาดแม่โจวที่เป็นแม่สามียังโดนแม่ฟาดไปแล้วเลยค่ะ แม่ไม่ได้ตั้งสถานสงเคราะห์เด็กเพื่อการกุศลนะคะ

เชิ่งเหม่ยถ้าหนูไม่ปรับตัวหนูก็โดนน้าสะใภ้สี่เขี่ยทิ้งได้นะ

ไหหม่า(海馬)

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม