ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม นิยาย บท 386

บทที่ 386 หลี่อ้ายกั๋ว
EnjoyBook
บทที่ 386 หลี่อ้ายกั๋ว

ขณะที่โจวซานนีแบกถุงถั่วเหลืองหนักหลายสิบชั่งเข้าไปในเมือง ก็บังเอิญได้เจอกับหลี่อ้ายกั๋วผู้ซึ่งกำลังขับรถม้าเข้าไปในตลาด

เขานำของมาส่งให้กับผู้ที่ซื้อสินค้าทั้งหมดของเขา แม้จะอาศัยอยู่คนละอำเภอกันก็ตาม เพราะเหตุนี้สินค้าของเขาถึงขายดี

เนื่องจากไม่มีอะไรให้ทำต่อ เขาจึงตั้งใจมาสำรวจตัวเมืองในอำเภอนี้

และบังเอิญได้พบกับโจวซานนีเข้าพอดี

เมื่อเห็นว่าหล่อนกำลังจะเข้าเมืองและต้องแบกถั่วเหลืองมาด้วยเยอะแยะ หลี่อ้ายกั๋วจึงช่วยขับรถม้าไปส่งหล่อน

ปกติแล้วด้วยนิสัยที่เงียบขรึมของโจวซานนี หล่อนจะไม่คุยกับผู้อื่นเลย แต่เพราะคนผู้นี้ให้ความช่วยเหลือ หล่อนจึงสอบถามว่าเขามาจากหมู่บ้านไหน?

ถ้าหล่อนได้ผ่านไปที่นั่นในอนาคต อาจจะได้แวะไปขอบคุณเขา

หลี่อ้ายกั๋วกล่าวว่าเขาไม่ได้อยู่ในอำเภอนี้ แต่อยู่ในอำเภอที่ติดกัน เขาแค่มาแวะเที่ยวชมเมืองประจำอำเภอในเวลาว่างเท่านั้น

กล่าวได้ว่า โจวซานนีต้องการออกไปอยู่ให้ไกลจากบ้านของตน

พอหล่อนได้ยินว่าเขาอยู่ในอำเภอที่อยู่ติดกัน จึงถามออกไปว่า เขาพอจะรู้จักแม่สื่อในอำเภอนั้นบ้างหรือไม่?

ถูกต้อง โจวซานนีต้องการแต่งงานออกไปอยู่อีกอำเภอ หล่อนไม่ต้องการแต่งงานอยู่ที่นี่ แต่อยากแต่งออกไปอยู่ในที่ไกล ๆ มากกว่า ถ้าไม่ต้องกลับมาที่นี่ได้ตลอดไปยิ่งดีที่สุด!

หลี่อ้ายกั๋วรู้สึกแปลกใจมาก ในยุคสมัยนี้ หญิงสาวอ่อนเยาว์ที่มองหาแม่สื่อด้วยตัวเองเป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก

ครั้นแล้ว หลี่อ้ายกั๋วจึงพูดหยอกขึ้นมาว่า พวกแม่สื่อต่างก็กลัวเขากันทุกคน คนพวกนั้นเบื่อจนไม่อยากจะเจอหน้าหรือฟังคำพูดของเขาแล้ว

โจวซานนีย่อมต้องถามถึงสาเหตุ จากนั้นหล่อนถึงรู้ว่าชายผู้นี้ยังไม่ได้แต่งงาน ทั้งที่อยู่ในวัยที่น่าจะมีลูกได้แล้วด้วยซ้ำ

“คุณอยากจะแต่งงานไปอยู่ที่อำเภอติดกันนี่หรือครับ?” หลี่อ้ายกั๋วถาม

“ค่ะ” โจวซานนีตอบเขาโดยที่ตอนแรกไม่ได้นึกถึงนัยที่แฝงอยู่ในประโยคเลย

“ถ้าอย่างนั้น คุณจะพิจารณาเรื่องการแต่งงานกับผมได้ไหมครับ? ผมน่าจะอายุมากกว่าคุณอยู่หลายปี ขาของผมไม่ได้พิการมาตั้งแต่กำเนิด แต่เป็นเพราะตอนที่ซ่อมบ่อเก็บน้ำอยู่ผมตกลงไป ความเป็นอยู่ที่บ้านผมก็ไม่เลวนักและอยู่ไกลมากด้วย ถ้าคุณเต็มใจจะแต่งงานกับผมแล้วไปอยู่ด้วยกัน รับรองได้ว่าผมจะปฏิบัติต่อคุณอย่างดีเลยครับ” หลี่อ้ายกั๋วกล่าว

โจวซานนีถึงกับตกตะลึงแล้วจึงหันไปมองเขา

ไม่จำเป็นต้องบอกว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น หลี่อ้ายกั๋วส่งคนมาสอบถามที่บ้าน จากนั้นเขาก็จัดเตรียมพิธีการหมั้นหมายขึ้น

สะใภ้ใหญ่อธิบาย “พี่รู้เรื่องพวกนี้มาจากซานนี เด็กคนนี้นับวันยิ่งเงียบขรึมมากขึ้นไปทุกที หลี่อ้ายกั๋วอายุมากไปสักหน่อย แต่นิสัยใจคอใช้ได้ทีเดียว แค่พวกแม่สื่อปากเสียเท่านั้นเอง เขาเต็มใจที่จะจ่ายเงินสินสอดให้ถึง 400 หยวนเลยทีเดียว แต่ดูจากความตั้งใจของซานนีแล้ว พอแต่งออกไป วันหน้าหล่อนคงจะไม่ติดต่อกับที่นี่อีกแล้วละจ้ะ”

เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ สะใภ้ใหญ่ก็ถอนใจขึ้นอีกครั้ง

หลินชิงเหอยิ้ม “หล่อนกำลังจะเป็นเด็กสาวที่แต่งงานแล้ว ครอบครัวไม่ดีต่อหล่อน เช่นนั้นก็เป็นเรื่องปกติที่หล่อนจะไม่อยากติดต่อกับพวกเขาอีก ถ้าชีวิตหล่อนกำลังจะเป็นไปด้วยดี แค่นั้นก็เพียงพอแล้วค่ะ”

นี่ไม่ได้เหมือนกับตัวเธอเองหรอกหรือ? เว้นแต่เรื่องน้องชายสามของเธอ แล้วได้เห็นเธอไปข้องเกี่ยวอะไรกับทางบ้านครอบครัวหลินไหม? เชื่อหรือไม่ว่าถึงพวกเขาจะมาตายอยู่ตรงหน้า เธอสามารถเดินจากไปได้อย่างไม่รู้สึกอะไรเลย

จะไม่ใช่เป็นการทำร้ายตนเองหรอกหรือ ถ้าครอบครัวทางมารดาปฏิบัติไม่ดีด้วย แล้วยังจะรี่กลับไปหาพวกเขาอีก? ใช้ชีวิตของตนเองให้ดีย่อมจะดีกว่าเรื่องอื่น ถูกต้องไหม?

เมื่อได้ยินแบบนี้ หลินชิงเหอรู้สึกโล่งใจขึ้นมาก เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่สะใภ้สามบอก มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น จริงไหม?

สรุปแล้ว โจวซานนีและชายหนุ่มที่ชื่อหลี่อ้ายกั๋วเคยรู้จักกันมาก่อน

ยิ่งไปกว่านั้น จากที่เห็นฝ่ายชายเองก็ชอบโจวซานนี มิเช่นนั้นคงไม่มอบเงิน 400 หยวนให้เป็นสินสอด คนส่วนใหญ่ไม่เต็มใจที่จะจ่ายเงินจำนวนนี้

“นาฬิกาเรือนนี้สำหรับหยางหยาง พี่สะใภ้ช่วยเก็บไว้ให้กับหยางหยางด้วยนะคะ เขาจะได้ใช้ตอนไปเรียนในมหาวิทยาลัย” หลินชิงเหอเอ่ยพร้อมหยิบนาฬิกาออกมาอีกเรือน

สะใภ้ใหญ่ผงะไปพลางรีบพูดขึ้นว่า “ทำอย่างนี้ได้ที่ไหนกัน? นี่ต้องใช้เงินเยอะมาก!”

“อู่นีกับหยางหยางได้คนละเรือนค่ะ” หลินชิงเหอบอก

“คราวนี้ เธอเอาขนมแล้วก็ของมีค่าอย่างนี้มาให้อีกแล้ว” สะใภ้ใหญ่เอ่ย

“หยางหยางสอบเข้ามหาวิทยาลัยครูได้ ฉันก็ดีใจกับเขาด้วยค่ะ เมื่อเรียนจบแล้ว เขาก็จะได้เป็นคุณครู ซึ่งเป็นชามข้าวเหล็ก(1) ไม่มีเรื่องให้ต้องกังวลไปตลอดชีวิตแล้วละค่ะ” หลินชิงเหอกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม