ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม นิยาย บท 387

สรุปบท บทที่ 387 กล่องสมบัติส่วนตัว: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 387 กล่องสมบัติส่วนตัว – ตอนที่ต้องอ่านของ ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ตอนนี้ของ ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 387 กล่องสมบัติส่วนตัว จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 387 กล่องสมบัติส่วนตัว
EnjoyBook
บทที่ 387 กล่องสมบัติส่วนตัว

“ไม่ต้องช่วยหรอกจ้ะ แค่เสื้อผ้าของอาสี่กับของอาเท่านั้นเอง ให้อาสี่ของหนูเป็นคนซักเถอะ” หลินชิงเหอกล่าว

“ไปคุยกับอาสะใภ้สี่เถอะ” โจวชิงไป๋เหลือบมองหลานสาวพร้อมกับพูดออกมา

โจวซานนีเม้มปากพยักหน้าแล้วเดินเข้าไป

หลินชิงเหอทำท่าบอกให้หล่อนนั่งลง ก่อนที่จะเข้าเรื่อง “อาได้ยินอาสะใภ้ใหญ่และอาสะใภ้สามเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานของหนู”

“คุณอาสะใภ้สี่ไม่ต้องมาเกลี้ยกล่อมอะไรหนูหรอกค่ะ หนูจะแต่งงานกับหลี่อ้ายกั๋ว และจะแต่งกับเขาเท่านั้น” โจวซานนีหันหน้าหนีแล้วเอ่ยออกมา

นี่เป็นเพราะหล่อนคิดว่าเธอจะห้ามปรามไม่ให้หล่อนแต่งงาน

หลินชิงเหอยิ้ม “บอกตามตรง ตอนที่ได้ยินเรื่องนี้จากอาสะใภ้สามของหนูที่ในเมือง อาก็ไม่เห็นด้วยเลย แต่พออากลับมาที่นี่แล้วได้คุยกับอาสะใภ้ใหญ่ อาก็รู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้แย่อะไรมากมายนัก”

โจวซานนีถอนใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นก็ก้มหน้าลง

“ที่อาสะใภ้สี่เรียกหนูมาที่นี่คืนนี้เพราะมีคำพูดบางคำที่อยากจะบอกกับหนู หนูอยากจะฟังคำพูดของอาสะใภ้สี่หรือเปล่าจ๊ะ?” หลินชิงเหอพูด

“ค่ะ” โจวซานนีพยักหน้า

“ให้อาสะใภ้สี่ถามหนูก่อน ครอบครัวของหลี่อ้ายกั๋วมีลูกชายทั้งหมดกี่คน?” หลินชิงเหอถาม

“มี 3 คนค่ะ เขาเป็นคนที่ 3 แต่ว่าคุณแม่ของเขาไม่ค่อยชอบเขาสักเท่าไหร่หรอกค่ะ” โจวซานนีตอบ

“งั้นเขาก็เป็นคนสุดท้องใช่ไหม? แล้วทำไมถึงไม่ชอบเขาล่ะ?” หลินชิงเหอถาม

“เขาบอกว่าตอนที่เขาเกิด ทำให้ร่างกายแม่ของเขาต้องบอบช้ำมาก หล่อนก็เลยไม่ชอบเขาน่ะค่ะ” โจวซานนีเล่า

“แล้วเขาได้บอกอะไรหนูอีกบ้าง?” หลินชิงเหอถามยิ้ม ๆ

เธอรู้สึกได้ทันทีว่าหลี่อ้ายกั๋วเป็นคนที่ดีมากคนหนึ่ง จากการที่เขาสามารถเล่าสถานการณ์ที่บ้านตนให้ภรรยาได้รับรู้ก่อนที่จะแต่งเข้าไป

เห็นได้ชัดว่า ความรู้สึกที่เขามีให้โจวซานนีเป็นเรื่องจริง

โจวซานนีเล่าให้เธอฟังหมดทุกอย่าง

หลี่อ้ายกั๋วบอกหล่อนหลายเรื่อง ยกตัวอย่างเช่น เขาไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อและแม่แล้วตอนนี้ เนื่องจากพี่ชายสองคนก่อนหน้าเขาต้องการแยกบ้านออกไป

ถึงแม้ว่าในเวลานั้นตัวเขาจะยังไม่ได้แต่งงาน แต่เมื่อมีการแยกบ้านเกิดขึ้น เขาก็สามารถย้ายออกไปอยู่ได้ด้วยตนเอง

ตอนนี้เขามีสัญญาเช่าที่ดินและได้ทำงานอยู่บนที่ดินผืนนั้น เขาไม่ได้ขาดแคลนอะไรเลย นอกจากภรรยา

นั่นเป็นเพราะตอนที่อายุยังน้อย เขายินดีจะอยู่ตามลำพังมากกว่าต้องแต่งงานกับหญิงหม้ายหรือหญิงที่หย่าเหล่านั้น และเพราะเรื่องนี้ทำให้ชื่อเสียงของเขาต้องมีมลทินเพราะพวกแม่สื่อ

พวกเขาพูดว่าเป็นโชคดีของหลี่อ้ายกั๋วแล้วที่มีหญิงหม้ายเต็มใจจะแต่งงานด้วยกับเขาซึ่งเป็นคนขาพิการ อีกทั้งเขายังมาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ บนภูเขา ที่ซึ่งการจะไปตลาดแต่ละครั้ง ต้องเดินทางไปตามถนนบนภูเขา แล้วจะมีเด็กสาวคนไหนเต็มใจจะแต่งเข้าไปอยู่ที่นั่นกันเล่า?

อย่างไรก็ตาม หลี่อ้ายกั๋วไม่ได้คิดว่าตัวเขาแย่อะไร เพียงรู้สึกว่าโชคชะตาที่ถูกกำหนดไว้ยังมาไม่ถึงเท่านั้น

ดูเอาเถอะ ไม่ใช่ว่าภรรยาของเขาปรากฏตัวขึ้นเมื่อโชคชะตามาถึงหรอกหรือ? แล้วยังเป็นหญิงสาววัยเยาว์อีกด้วย

หลินชิงเหอพอใจมากกับสิ่งที่เธอได้ฟัง เธอมองหน้าโจวซานนีแล้วพูดว่า “ในชีวิตของผู้หญิงมีโอกาสได้เกิดใหม่อยู่ 2 ครั้ง ครั้งแรกคือตอนที่บิดามารดาเป็นผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูขึ้นมา ซึ่งหนูไม่มีโอกาสได้เลือก อีกครั้งคือตอนที่ได้แต่งงานกับใครสักคน ไม่ว่าหนูจะได้มีการแต่งงานที่ดีหรือไม่ นี่ก็เป็นโอกาสครั้งที่ 2 ของหนูแล้วนะจ๊ะ”

นี่เป็นความจริงอย่างที่สุด

การที่ผู้หญิงสามารถพึ่งพาตนเองได้นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าหญิงสาวคนนั้นเป็นคนแบบไหนด้วย ผู้หญิงที่เข้มแข็งบางคนสามารถต่อสู้ดิ้นรนเองได้ ซึ่งนั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

แต่สำหรับเด็กสาวอย่างโจวซานนีผู้ซึ่งไม่เคยได้ร่ำเรียนหนังสือมาก่อน การแต่งงานมีความสำคัญมาก

เพราะเด็กสาวแบบนี้ เมื่อแต่งงานไปแล้วนั่นเป็นเรื่องของทั้งชีวิต การหย่าร้างแทบไม่เคยเกิดขึ้นเลย

“อาสะใภ้สี่อยากจะบอกหนู ช่วงเวลาที่อยู่ทางครอบครัวบ้านแม่ หนูสามารถทิ้งมันออกไปได้เลย เมื่อหนูแต่งออกไปแล้ว ก็ไม่มีอะไรจะสำคัญมากไปกว่าครอบครัวเล็ก ๆ ของตนเอง หนูต้องเปิดใจรับกับทุกเรื่องให้ได้ ในโลกใบนี้ ไม่มีอะไรยากเกินกว่าจะเอาชนะได้หรอกนะจ๊ะ”

“อืม” โจวซานนีพยักหน้า

“แล้วเรื่องครอบครัวทางแม่ของหนู ถ้าพวกเขาปฏิบัติต่อหนูอย่างเป็นอย่างดี งั้นก็เป็นที่ถูกต้องแล้วที่หนูจะมีพวกเขาอยู่ในใจ แต่ถ้าพวกเขาปฏิบัติไม่ดีกับหนู ตอนที่แต่งงานออกไปก็ให้เงินครอบครัวทางแม่ไปสักก้อนหนึ่ง คิดเสียว่าเป็นการตัดขาดความรู้สึกที่มีต่อกันทั้งหมด แล้วก็ไม่จำเป็นต้องไปกังวลกับครอบครัวทางแม่อีกต่อไป” หลินชิงเหอแนะนำ

“เชื่อฟังที่อาสะใภ้สี่ของหนูพูด” โจวชิงไป๋ซึ่งซักผ้าเสร็จแล้วกล่าวกับหลานสาว

หลินชิงเหอเดินเข้าไปหา ใส่เงินและนาฬิกาลงในกระเป๋าของโจวซานนี พลางกล่าวว่า “หนูกำลังแต่งงานแล้ว อาสี่กับอาสะใภ้สี่หวังว่าหนูจะได้มีชีวิตที่ดี อย่าไปคิดถึงเรื่องอื่นที่ไม่ควรคิด มันเป็นชีวิตใหม่ของหนูแล้วนะจ๊ะ”

โจวซานนีเม้มริมฝีปากก่อนจะเอ่ยว่า “ขอบคุณค่ะ คุณอาสี่ คุณอาสะใภ้สี่”

“ดึกแล้ว กลับไปเถอะ” หลินชิงเหอพยักหน้า

โจวซานนีพยักหน้าแล้วโค้งคำนับให้คุณอาสี่และคุณอาสะใภ้สี่ของหล่อนก่อนจะกลับออกไป

ทันทีที่หล่อนเดินจากไป หลินชิงเหอก็หันไปหาโจวชิงไป๋ “เด็กสาวที่ดีอย่างนี้กลับต้องเติบโตขึ้นมาเป็นแบบนี้”

เธอยังจำเรื่องของสมัยก่อนได้ แม้ว่าโจวซานนีจะไม่ได้เข้าโรงเรียน แต่หล่อนก็ยังมาที่นี่พร้อมกับต้านี เอ้อร์นีและคนอื่นเพื่อมาเรียนหนังสือด้วย

ในเวลานั้น ซานนียังไม่มีอุปนิสัยเช่นนี้

แต่ถึงแม้เธอจะเห็นซานนีมาโดยตลอด เธอซึ่งเป็นคุณอาสะใภ้จะสามารถช่วยอะไรหล่อนได้เล่า?

ยิ่งเมื่อสะใภ้รองกลายเป็นคนจิตใจคับแคบขึ้นมาอย่างหนัก หล่อนเรียกโจวซานนีให้ไปทำงาน หรือแม้แต่ตีและดุด่าเป็นครั้งคราว แต่นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติในหมู่บ้านแห่งนี้

ในฐานะที่เป็นแม่ สะใภ้รองไม่ได้ทุบตีและปล่อยให้หล่อนต้องอดอยากอะไร เช่นนี้แล้วใครจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยได้?

……………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เรื่องภายในครอบครัวคนอื่นบางเรื่องเราอยากเข้าช่วยเหลือเกินแต่ก็ไม่สามารถเข้าไปช่วยได้จริง ๆ ค่ะ ดังนั้นช่วยเท่าที่เราจะช่วยได้ก็พอ

ขอให้ซานนีมีชีวิตแต่งงานที่มีความสุขนะคะ เหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วก็ให้เป็นอดีตไป เริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างสดใสนะน้อง

ไหหม่า(海馬)

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม