ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม นิยาย บท 420

บทที่ 420 ความคิดชั่วร้าย

แม้พวกเขาจะไม่ได้ไปเห็นเมืองน้ำแข็ง แต่หลินชิงเหอกับคุณแม่เวิงก็ได้สานสัมพันธ์กันอย่างรวดเร็วตลอดการเดินทาง

เรื่องนี้ยังทำให้คุณแม่เวิงพึงพอใจกับบรรยากาศในครอบครัวโจวเป็นพิเศษ

หล่อนรู้สึกว่าถ้าลูกสาวของหล่อนแต่งงานเข้าไปและมีแม่สามีที่เพียบพร้อมด้วยเหตุผลและความสามารถเช่นนี้ มันคงจะไม่เลวเลยใช่ไหม?

หลินชิงเหอรู้สึกว่าคุณแม่เวิงเป็นคนใจดีและมีจิตใจอ่อนโยน เธอจึงรู้สึกพอใจเช่นกัน

หลังนั่งรถไฟตลอดทางสู่เมืองหลวง มันก็เป็นเทศกาลโคมไฟพอดีกับที่คนกลุ่มนี้มาถึง

“คุณไปถึงบ้านแล้วไม่ต้องทำอาหาร แต่ชวนเฒ่าเวิงมากินเกี๊ยวไส้เนื้อแกะที่ร้านเราดีไหมคะ” หลินชิงเหอเสนอแนะ

“โอ้ เกรงใจจริง ๆ ค่ะ” คุณแม่เวิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ต้องเกรงใจกันหรอกค่ะ กลับไปเก็บสัมภาระที่บ้านแล้วเรียกเฒ่าเวิงมานะคะ แล้วเราจะรอขึ้นรถบัสคันต่อไปเพื่อไปที่นั่น” หลินชิงเหอยืนกราน

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณกลับไปก่อนเลย ฉันจะถามเฒ่าเวิงทีหลัง ถ้าเราไปไม่ถึงร้านก่อนห้าโมงครึ่ง พวกคุณก็กินกันตามสบายนะคะไม่ต้องห่วงเรา” คุณแม่เวิงตอบ

“งั้นอย่าลืมมานะคะ” หลินชิงเหอพูด

ไม่นานนักก็ถึงป้ายรถประจำทางใกล้บ้านของคุณแม่เวิง ทันทีที่หล่อนลงจากรถ หล่อนก็โบกมือลาและเดินกลับไปที่บ้าน หล่อนคิดว่าคุณพ่อเวิงอยู่ที่บ้าน แต่กลับผิดคาดที่เขาไม่อยู่

แต่เมื่อหลินชิงเหอกับเด็ก ๆ ลงจากรถ พวกเขาก็เห็นคุณพ่อเวิงอยู่ที่ร้านเกี๊ยวแล้ว

“โอ้ เฒ่าเวิง คุณอยู่ที่นี่เอง ฉันเพิ่งบอกแม่ของเหม่ยเจี่ยให้ไปรับคุณมาฉลองเทศกาลโคมไฟด้วยกันกับเราแล้วหล่อนก็เพิ่งลงรถไป รีบปั่นจักรยานกลับไปรับหล่อนมาที่นี่เร็วค่ะ” หลินชิงเหอพูดรัวเร็วเมื่อเห็นคุณพ่อเวิง

หลังได้ออกไปเที่ยวด้วยกันแล้ว ทั้งสองครอบครัวก็สนิทสนมกันอย่างรวดเร็วจนเปลี่ยนสรรพนามเรียกขานกัน

คุณพ่อเวิงยิ้มกว้าง “งั้นเราทั้งคู่คงต้องรบกวนพวกคุณในคืนนี้แล้วล่ะครับ”

“รบกวนอะไรกันคะ คนยิ่งเยอะสิยิ่งครึกครื้น” หลินชิงเหอตอบ

คุณพ่อเวิงหัวเราะและปั่นจักรยานกลับไป หลินชิงเหอมองโจวชิงไป๋ ซึ่งโจวชิงไป๋ก็มองภรรยาของเขาเช่นกัน

“ฉันห่างคุณไปตั้งหลายวัน คุณคิดถึงฉันไหมคะ?” หลินชิงเหอเดินตรงมากระซิบโดยเลี่ยงเอ้อร์นีกับคนที่เหลือ

โจวชิงไป๋กวาดสายตาเหลือบมองเธอจากนั้นก็ทำเกี๊ยวต่อ หลินชิงเหอจึงรู้ว่าเขาต้องคิดถึงเธอ

เธอเหนื่อยเหลือเกินหลังนั่งรถไฟมาเป็นเวลานาน เธอเลยเดินขึ้นไปนอนพักบนชั้นสองของร้าน

โจวเอ้อร์นีมาช่วยงานอาสี่ของหล่อน

ส่วนโจวเฉวี่ยนกับบรรดาเด็กหนุ่มต่างขนสัมภาระไปเก็บไว้ที่บ้านก่อน พวกเขานอนลงบนโซฟาและรู้สึกโล่งใจอย่างใหญ่หลวง

ถึงการท่องเที่ยวครั้งนี้จะสนุก แต่มันก็ได้ผลาญพลังงานไปอย่างมหาศาล

“รีบอาบน้ำแล้วไปที่ร้านเร็ว จะถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว” หู่จือกระตุ้น

“ตอนนี้แค่สี่โมงเอง ผมคิดว่าเราคงได้เริ่มกินตอนหกโมงแหละ” กังจือตอบ

“ใช่แล้ว” โจวกุยหลายนอนลงเช่นกัน เขาไม่อยากขยับเขยื้อนไปไหนเลย

การนอนบนโซฟาทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยสบายตัวนัก เขาจึงเดินกลับเข้าห้องไปงีบหลับ กังจือเดินตามไปเช่นกัน

ในห้องมีเตียงใหญ่เพิ่มเข้ามา ซึ่งเพียงพอที่จะนอนได้สบาย เด็กสองคนนี้ยังเป็นแค่เด็กวัยรุ่นเท่านั้น ไม่นานนักพวกเขาก็หลับไป

“ฉันก็จะไปนอนพักสักครู่หนึ่งเหมือนกัน ถ้าเราตื่นแล้วค่อยเรียกนะหู่จือ” โจวเฉวี่ยนบอก

“งั้นพักเถอะ” หู่จือโบกมือ เขาไม่ได้นอนเหมือนคนอื่น ๆ แต่กลับเดินไปที่ร้านเกี๊ยว และก็พบกับจางเหมยเหลียนที่ชั้นล่างตึกเสียก่อน

พวกเขารู้จักคุ้นเคยกันแล้ว หู่จือจึงทำเพียงพยักหน้าและเตรียมจะเดินจากไป

“หลายวันมานี้คุณไปไหนมาคะ? ฉันไม่เห็นหน้าคุณเลย” จางเหมยเหลียนถาม

“ไปเที่ยวที่ฮาเอ๋อร์น่ะครับ” หู่จือตอบ “คุณมาหาผมมีเรื่องอะไรเหรอครับ?”

จางเหมยเหลียนไม่เอ่ยอะไร

“อย่าแปลกใจไปเลย หู่จือก็เป็นแบบนี้แหละจ้ะ เขาไม่เข้าใจความคิดของผู้หญิงเลย แต่เขาเป็นคนดีนะ แม้จะมีทะเบียนบ้านอยู่ที่ชนบท แต่ฐานะครอบครัวของเขาไม่ได้แย่เลยจ้ะ” สวี่เชิ่งเหม่ยพูด

“ฐานะดีเหรอคะ? ฉันได้ยินเขาบอกว่าฐานะทางบ้านค่อนข้างย่ำแย่นะคะ” จางเหมยเหลียนบอก

“ฐานะเขาอาจจะดูย่ำแย่สักหน่อยในสายตาของคนเมืองหลวง แต่ในชนบทแล้วไม่แย่เลยจ้ะ” สวี่เชิ่งเหม่ยส่ายหน้า “แล้วน้าสะใภ้ของฉันก็อยากให้เขาออกมาทำธุรกิจด้วยตัวเองด้วย ในอนาคตเขาต้องประสบความสำเร็จแน่ ๆ จ้ะ”

“คุณพูดจริงเหรอคะ?” จางเหมยเหลียนถามรัวเร็ว

“แน่สิคะ ฉันพูดจริง คุณไม่เห็นน้าสะใภ้รับน้องชายของเขาเข้าทำงานเหรอคะ? หล่อนอยากจะฝึกงานพวกเขาทั้งสองพี่น้อง” สวี่เชิ่งเหม่ยยิ้มรับรอง แต่ในดวงตากลับมีแววอาฆาตซ่อนอยู่

พวกเขาเป็นหลานชายกันหมด เชิ่งเฉียงน้องชายของหล่อนพยายามมาที่นี่หลายครั้งแล้ว แต่คุณน้ากับคุณน้าสะใภ้กลับไม่ยินยอม ขณะที่ญาติอีกสองคนจากครอบครัวของคุณป้ารองกลับถูกเรียกตัวมาที่นี่ ทำไมถึงช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวนัก!

จางเหมยเหลียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นั่นก็ดีอยู่นะคะ อาจารย์หลินใจดีจริง ๆ”

“ฉันบอกเธอในเรื่องพวกนี้ก็เพราะว่าน้องชายต่างครอบครัวของฉันไม่ใช่เด็กแล้ว เขาอายุ 19 ปีและควรจะแต่งภรรยาได้แล้ว ถ้าเขาได้แต่งงานกับสาวจากเมืองหลวง บรรพบุรุษตระกูลหวงของเขาก็คงจะเป็นสุขอย่างมาก” สวี่เชิ่งเหม่ยเอ่ยอย่างร่าเริง

จากนั้นหล่อนก็เปลี่ยนน้ำเสียงเอ่ยต่อ “แต่เรื่องนี้ควรปิดบังอย่าให้น้าสะใภ้ของฉันรู้เชียวนะ ไม่อย่างนั้นน้าสะใภ้จะเป็นคนแรกที่ไม่ยอม”

ในชุมชนนี้มีใครไม่รู้บ้างล่ะว่าเหมยเหลียนคนนี้คือผลไม้เน่า ไม่รู้ว่าหล่อนผ่านมือชายมาแล้วกี่คน ถ้าผู้หญิงคนนี้กับหู่จือได้กลายเป็นคู่กัน หล่อนก็อยากจะเห็นนักว่าน้าสะใภ้จะอธิบายเรื่องการแต่งงานที่เกิดขึ้นนี้กับคุณน้ารองของหล่อนอย่างไร!

………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ดีมากค่ะหู่จือลูก ปฏิเสธผู้หญิงคนนี้ไปดีแล้วค่ะ /ลอบถอนหายใจโล่งอก/

เห็นคนรับบทนางเสี้ยมแล้วหนึ่ง คิดจะแว้งกัดแม่เหรอคะ ฝันไปเถอะค่ะเชิ่งเหม่ย แม่รู้ทันเธอตลอดแหละค่ะ แค่ไม่อยากยุ่งกับเธอเท่านั้น เดี๋ยวเสนียดติด

เวลาต้องใส่ความสะตอลงไปตอนแปลบทสนทนาของเชิ่งเหม่ยแล้วผู้แปลรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาแปลกๆ เหมือนกันนะคะ เป็นความรู้สึกคันไม้คันมืออยากเอาสิ่วมากะเทาะหน้านางแล้วเอาเศษที่ร่วงลงไปมาอัดเป็นก้อนนำไปสร้างเป็นคอกหมูน่ะค่ะ

ไหหม่า(海馬)

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม